แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 174 งูกินข้าวกันทั้งหมู่บ้าน
พวกองครักษ์ที่ตามมาก่อนตกตะลึงกับคำพูดของฝูฉู จากนั้นพวกเขาก็มองเจียงป่าวชิง และไม่รู้ว่าควรตอบไปอย่างไรดี
ในยามปกติ พวกเขาจะเปลี่ยนเวรเพื่อรับผิดชอบปกป้องบ้านทั้งหลังอยู่ในที่มืด น้อยครั้งมากที่จะติดต่อกับคนนอก ก่อนหน้านี้แม่นางฝูฉูผู้นี้ก็เคยเข้าใจพวกเขาผิดเช่นกัน นางคิดว่าพวกเขามาตามหานาง
องครักษ์ที่เป็นหัวหน้าตั้งสติแล้วตอบกลับฝูฉูอย่างใจเย็น “นายท่านส่งกำลังทหารอีกกลุ่มออกมาตามหาเจ้า ตอนนี้ข้าจะส่งสัญญาณเรียกพวกเขาให้มาที่นี่” พูดจบ เขาก็ทำสัญญาณมือให้องครักษ์อีกคน
องครักษ์คนนั้นพยักหน้า จากนั้นเขาก็ไปด้านข้างเพื่อจุดไฟส่งสัญญาณ
คำพูดนี้ฟังดูเหมือนไม่มีต้นสายปลายเหตุ เเต่ถ้านำมาเชื่อมกับคำพูดของฝูฉูที่บอกว่า ‘โอ้!… ไม่คิดว่าท่านชายจะส่งพวกเจ้าให้ออกมาตามหาข้าด้วย’ แล้ว ก็เป็นที่กระจ่างชัดมากถึงความหมาย
นายท่านไม่ได้ส่งเราให้มาตามหาเจ้า แต่เรามีหน้าที่อื่น
ฝูฉูตัวสั่น จากนั้นนางก็หน้าซีดทันที
เนื่องจากเจียงป่าวชิงกำลังมองการส่งสัญญานนั้นอย่างมุ่งมั่น นางจึงไม่ทันสังเกตเห็นท่าทางของฝูฉู แต่เป็นเซยู่เสียที่เข้าใจความหมายแฝงขององครักษ์ นางจึงตาเป็นประกายแล้วเอ่ยถามฝูฉูเสียงเบาด้วยความดีใจ “พี่! คนพวกนี้ไม่ได้มาตามหาพี่ หรือว่าพวกเขามาตามหาข้า ? …คุณชายกงยังจำข้าได้จริง ๆ ด้วย”
องครักษ์มองเซยู่เสียอย่างเย็นชา
หญิงคนนี้คือใคร เหตุใดถึงได้หน้าใหญ่พูดจาเข้าข้างตัวเองเยี่ยงนี้ ?
ภายใต้สีหน้าเย็นชาของพวกองครักษ์ ฝูฉูก็ดึงเสื้อของเซยู่เสียอย่างเก้อเขิน “เสียเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว”
นางปรนนิบัติเรื่องเครื่องดื่มมาเป็นเวลานาน และบางครั้งนางก็รู้บางสิ่งที่นางไม่ควรรู้มาเช่นกัน อย่างเช่นพวกองครักษ์เหล่านี้ต่างก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ดังนั้น เมื่อนางเห็นพวกองครักษ์เหล่านี้ ความดีใจที่ทะลักออกมาจากก้นบึ้งหัวใจไม่ใช่เพราะว่าพวกนางได้รับการช่วยเหลือเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่ลึกกว่านั้น
พวกองครักษ์เหล่านี้ไม่ได้มาตามหาเพื่อดูแลคุ้มกันนาง ส่วนจะมาตามหาเพื่อดูแลคุ้มกันใครนั้นก็แทบจะเป็นที่กระจ่างอยู่แล้ว
ฝูฉูมองเจียงป่าวชิงด้วยสีหน้าซับซ้อน
เซยู่เสียเกิดความไม่เข้าใจเล็กน้อย นางกัดริมฝีปากและพูดอย่างว่าง่ายว่า “ก็ได้เจ้าค่ะพี่”
ไม่นานหลังจากนั้น กองกำลังทหารที่ออกมาตามหาฝูฉูโดยเฉพาะก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว แม้ว่าข้อเท้าของเซยู่เสียจะถูกเข้ากระดูกแล้ว แต่มันกลับเคล็ดและบาดเจ็บไปถึงเส้นเอ็น ทำให้นางเดินได้ไม่สะดวก พวกเขาจึงตัดสินใจให้องครักษ์นายหนึ่งแบกเซยู่เสียไว้
เดิมทีเจียงป่าวชิงต้องการจะใช้กิ่งไม้มาทำเป็นไม้เท้า แต่เจียงหยุนชานนึกสงสารที่ฝ่ามือของเจียงป่าวชิงถูกเสียดสีจนได้รับบาดเจ็บและเขาไม่สามารถทนมองได้ เขาจึงต้องการจะแบกเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงเป็นกังวล จะไม่ให้นางกังวลได้อย่างไร ก็แขนของเจียงหยุนชานยังหายไม่สนิทเลย แน่นอนว่านางปฏิเสธไป
แต่ในขณะนี้เอง ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
ตอนที่เซยู่เสียลุกขึ้นจากบนก้อนหินขนาดใหญ่ งูสีขาวดำก็เลื้อยผ่านเท้าของเซยู่เสีย!
เซยู่เสียเคยถูกงูกัดมาก่อน เมื่อนางเห็นงูก็ตกใจมาก รีบกระโดดปลายเท้าขึ้นอย่างไม่รู้ตัวและเตะงูไปข้างหน้าทันที
เจียงป่าวชิงกำลังคุยกับเจียงหยุนชานอยู่ หางตาของนางก็เห็นงูสีขาวดำตัวหนึ่งกำลังลอยมาทางพวกนาง
เจียงป่าวชิงเห็นดังนั้น หัวใจของนางก็แทบจะกระโดดขึ้นมาถึงคอหอยอยู่แล้ว
โชคดีที่องครักษ์ที่กงจี้ส่งมานั้นไม่ใช่องครักษ์ธรรมดา ฝีมือรวมถึงความเร็วของพวกเขานั้นยอดเยี่ยมมาก งูตัวนั้นยังไม่ทันได้ลอยมาตรงหน้าเจียงป่าวชิงก็มีแสงดาบส่องประกายออกมา จากนั้นงูตัวนั้นก็ถูกฟันหัวกลางอากาศทันที
เจียงป่าวชิงใจเต้นแรงมาก นางดึงเจียงหยุนชานก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย
ตอนนี้พวกองครักษ์พากันคุ้มกันอยู่ตรงหน้าเจียงป่าวชิง หนึ่งในองครักษ์เตะหัวงูที่หล่นอยู่บนพื้นไปในพงหญ้าที่อยู่ไกลออกไป “แม่นางเจียงไม่ต้องตื่นกลัว งูตัวนี้ตายแล้วขอรับ”
เหงื่อไหลลงมาจากบนศีรษะของเจียงป่าวชิง
เจียงหยุนชานไม่รู้จักงูนั้น สภาพของเขาจึงดีกว่าเจียงป่าวชิงเล็กน้อย เขารีบพูดปลอบน้องสาวทันที “ป่าวชิงเจ้าไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัวนะ”
เจียงป่าวชิงส่ายหน้าด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว “พี่ ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
เซยู่เสียยังคงตบหน้าอกตัวเองอยู่อย่างนั้น “ไม่น่าเชื่อเลย มะ… มีงูมา ข้าตกใจมากจริง ๆ…”
เจียงป่าวชิงมองเซยู่เสียด้วยสายตาเย็นชา เซยู่เสียถึงกับขาดความมั่นใจ นางเบี่ยงสายตาไปทางอื่น
เจียงป่าวชิงไปหาศพงูที่ยังคงดิ้นไปมาอยู่ในพงหญ้า จากนั้นก็หยิบมันขึ้นมาโดยไม่สนใจรอยแผลที่มีเลือดไหลออกมาของงู และโยนมันใส่เซยู่เสียทั้งอย่างนั้น
เนื่องจากงูตัวนี้ไม่มีพิษมีภัยแล้ว องครักษ์ที่อยู่ในเหตุการณ์จึงมองดูอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้เข้าไปห้ามเจียงป่าวชิงแต่อย่างใด
อีกอย่าง พวกเขาครึ่งหนึ่งได้รับคำสั่งให้ออกมาตามหาฝูฉูกับเจียงหยุนชาน อีกครึ่งหนึ่งได้รับคำสั่งให้ออกมาปกป้องเจียงป่าวชิง ส่วนเด็กผู้หญิงอีกคนจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรนั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลย
งูตัวนั้นเพิ่งตายได้ไม่นาน ศพงูจึงยังคงดิ้นไปดิ้นมาอยู่ มันถูกโยนลอยไปตกอยู่บนชายกระโปรงของเซยู่เสียทั้งที่มีเลือดไหลอยู่อย่างนั้น
เซยู่เสียหน้าถอดสี นางกรีดร้องอย่างน่าเวทนาและก้าวถอยหลังไปอย่างต่อเนื่องจนเกือบจะสะดุดก้อนหินอยู่รอมร่อ ไม่หลงเหลือท่าทางคุณหนูอยู่เลยแม้แต่น้อย
“แม่นางเจียงเจ้าทำอะไรลงไป ?” ฝูฉูพยายามอดกลั้นไฟโกรธที่ปะทุขึ้นในใจ นางต่อว่าเจียงป่าวชิงและโอบกอดเซยู่เสียเพื่อเป็นการปลอบไปด้วย “พอแล้ว เสียเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรแล้ว”
เซยู่เสียโถมตัวเข้าไปในอ้อมกอดของฝูฉูและร้องไห้สั่นเทาไปทั้งร่าง “พี่ เด็กแซ่เจียงนั่นช่างโหดร้ายจริง ๆ !”
ฝูฉูลูบหลังเซยู่เสียอย่างต่อเนื่อง แต่นางกลับยังมีแก่ใจเปิดโปง ‘ใบหน้าที่แท้จริง’ ของเจียงป่าวชิงต่อหน้าพวกองครักษ์ นางจึงพูดขึ้นเสียงเย็น “แม่นางเจียงมีจิตใจที่พยาบาทมาก! เสียเอ๋อร์ก็แค่เด็กคนหนึ่ง นางไม่ได้มีเจตนาที่จะเตะงูไปทางเจ้า เหตุใดเจ้าต้องทำให้นางตกใจเช่นนี้ด้วย ?!”
“ใช่ ข้ามันคนจิตใจคับแคบ” เจียงป่าวชิงยิ้มเยือกเย็น “พี่ฝูฉูพูดถูกแล้ว”
ฝูฉูถูกท่าทางมั่นใจของเจียงป่าวชิงทำให้โมโหจนตัวสั่น “เจียงป่าวชิง!”
เจียงป่าวชิงส่งเสียงหัวเราะเยาะแทนการตอบ
เมื่ออฝูฉูเห็นเจียงป่าวชิงมีท่าทีไม่สะทกสะท้าน นางก็หันไปหาเจียงหยุนชานทันที “เจียงหยุนชาน เจ้าเองก็ควร… ควรสั่งสอนน้องสาวของเจ้าหน่อย”
เจียงหยุนชานขมวดคิ้วเล็กน้อย “แม่นางฝูฉู จู่ ๆ น้องสาวของเจ้าก็เตะงูมาทางที่พวกข้ายืนอยู่ ทำให้น้องสาวข้าตกใจ ข้าคิดว่าน้องสาวของเจ้าต่างหากที่ควรได้รับการสั่งสอน”
ฝูฉูโกรธจนหน้าซีดเผือด “ก็ข้าบอกแล้วไงว่าน้องสาวข้าไม่ได้เจตนา!”
เจียงป่าวชิงรำคาญฝูฉูที่มีเรื่องอะไรก็ต้องลากพี่ชายของนางเข้ามาเกี่ยวข้องตลอด จึงทำสีหน้าเย็นชาใส่แล้วเดินเข้าไปชี้ศพงู “พอได้แล้วพี่ฝูฉู พี่เองก็ไม่ต้องพูดอะไรประมาณว่ามีเจตนาหรือไม่มีได้แล้ว มาดูก่อนเถอะว่าพี่รู้จักงูนี่ไหม ?”
ศพงูเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ฝูฉูจะกล้ามองที่ไหนกัน นางจึงพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ข้าติดตามท่านชายมาตั้งแต่ยังเล็ก จะเคยเจองูที่ไหนกันล่ะ พวกเจ้าเกิดที่ชนบท ไม่รู้จักกันรึ ?”
เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะ “หึ ๆ รู้สิข้ารู้ นี่เรียกว่างูสามเหลี่ยม ไอ้ตัวนี้มีชื่อเรียกทั่วไปว่างูกินข้าวกันทั้งหมู่บ้าน พี่ฝูฉูรู้ไหมว่าหมายความว่าอะไร ?”
“ไม่รู้!”
เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะแล้วพูดอธิบาย “ความหมายก็คือถ้าพี่ถูกมันกัดเพียงทีเดียว คนที่บ้านพี่ก็จะต้องทำพิธีศพให้พี่ และคนในหมู่บ้านก็จะไปกินข้าวที่งานศพ ดังนั้น เขาจึงเรียกมันว่างูกินข้าวกันทั้งหมู่บ้าน”
ฝูฉูกับเซยู่เสียหน้าซีดทันที
เซยู่เสียทั้งหวาดกลัวและดีใจ โชคดีที่นางตอบสนองเร็วและเตะมันออกไป ไม่อย่างนั้น ถ้าหากว่าถูกมันกัดเข้า เกรงว่านางคงจะต้องจบชีวิตน้อย ๆ ไว้ที่นี่เสียแล้ว
ฝูฉูพยายามค้ำคอตัวเองเอาไว้ “ก็… น้องสาวข้าไม่รู้ว่างูนี้จะมีพิษร้ายแรงขนาดนั้น นางถึงได้เตะงูไปทางพวกเจ้าโดยไม่เจตนาอย่างไรเล่า!”
เมื่อเจียงป่าวชิงเห็นฝูฉูยังคงดื้อรั้น ในใจของนางก็รู้สึกผิดหวังต่อฝูฉูถึงที่สุด นางจึงไม่คิดจะไว้หน้าฝูฉูอีกต่อไป และเลือกที่จะพูดเปิดโปงฝูฉูเสียเลย “ข้าไม่สนว่านางจะเจตนาหรือไม่ แต่นางเกือบทำร้ายข้ากับพี่ชายจนตาย ถ้าหากว่าเราสองคนมีใครคนหนึ่งตาย พี่ก็คงจะพูดว่า ‘ไม่ได้เจตนา’ อีกอย่างนั้นสิ หลังจากเกิดเรื่องขึ้น พวกเจ้าสองพี่น้องยังไม่เคยพูดแม้แต่คำขอโทษขั้นพื้นฐานเลยด้วยซ้ำ เอาแต่โทษ ๆ ๆ ว่าข้าเป็นคนอย่างนั้นอย่างนี้ ข้าแค่โยนศพงูที่ตายแล้วใส่นาง ใช่ว่างูตัวนี้ยังมีชีวิตเสียหน่อย พี่กลับโกรธถึงเพียงนี้ พี่ฝูฉู พี่ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริง ๆ ในสายตาของพี่ ข้ากับพี่หยุนชานสองคนพี่น้อง ไม่ใช่ชีวิตคนหนึ่งชีวิตเหมือนกับพวกพี่ใช่ไหม ?”
.