แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 194 ไม่ธรรมดา
เจียงหยุนชานลำบากใจอย่างหนัก เขาเตรียมเอ่ยปากบอกเจียงเอ้อยาว่าเจียงป่าวชิงไม่ได้เป็นผีอย่างที่นางเข้าใจ ทว่าเจียงป่าวชิงกลับยิ้มยียวนกวนประสาทอีกฝ่ายและแสร้งทำท่าทางดุร้ายพลางย่างสามขุมตรงเข้าไปใกล้เจียงเอ้อยา เท่านั้นไม่พอ นางยังตั้งใจกดเสียงของตัวเองให้เล็กลงเพื่อให้ฟังดูหลอน ๆ เหมือนเสียงผี
“เจียง~เอ้อ~ยาาาา… ที่ผ่านมาเจ้าทำสิ่งเลวร้ายมามาก ตอนนี้แหละ ข้าจะมาทวงหนี้จากเจ้าให้หมด”
สีหน้าเจียงเอ้อยาหวาดกลัวอย่างที่สุด มือนางกำรั้วไว้แน่น เป็นเพราะนางกรีดร้องมากเกินไป ตอนนี้นางเสียงหลงเล็กน้อย
เจียงป่าวชิงมองดูอีกฝ่ายกลัวหัวหดจนพอใจแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะสะใจ “ฮ่า ๆ ๆ เจียงเอ้อยา เห็นทีว่ายามปกติเจ้าคงทำสิ่งเลวร้ายไว้มากจริง ๆ ถึงได้กลัวจนหน้าซีดหน้าเหลืองขนาดนั้น”
เจียงหยุนชานเองก็กลัวว่าเจียงเอ้อยาจะหัวใจวายตายเพราะเจียงป่าวชิง เขาจึงรีบเข้าไปเอื้อมมือดึงเจียงเอ้อยาที่นั่งนิ่งอยู่บนพื้นขึ้นมา “พี่เอ้อยาไม่ต้องกลัว เจียงป่าวชิงยังสบายดี นางยังเป็นคน ไม่ใช่ผี”
เจียงเอ้อยายังคงตัวสั่นเทา นางมองเจียงป่าวชิงด้วยความสงสัยแววตาไม่ไว้ใจ แสงอาทิตย์ในตอนเที่ยงวันเช่นนี้เป็นประกายระยิบระยับสะท้อนผิวหน้าใสนวลของเด็กสาวที่กำลังยิ้มแย้ม ในความขาวของผิวนวลนี้ มีเลือดฝาดผสมอยู่ดูเป็นผิวที่ชุ่มชื่นมาก นางเหมือนผีในตำนานที่ไหนกันเล่า ?
จู่ ๆ เจียงเอ้อยาก็ตอบสนองกลับมา ในเมื่อเจียงป่าวชิงไม่เป็นอะไร แล้วทำไมถึงมาหลอกมาหลอนนาง!
เจียงเอ้อยาเลือดพุ่งปรี๊ดขึ้นศีรษะทันที นางปัดมือเจียงหยุนชาน พลันแรงที่หายไปจากบนตัวกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว นางลุกขึ้นจากบนพื้นแล้วชี้หน้าด่าเจียงป่าวชิงทันที “เจียงป่าวชิง เจ้ามันไอ้ตัวซวย กล้ามากที่ทำให้ข้าตกใจ บ้าจริงเชียว!”
เจียงป่าวชิงยิ้มตาหยีพลางปัดมือของเจียงเอ้อยาที่ใกล้จะทิ่มใบหน้านางอยู่รอมร่อออก “ไอ้โย ใคร ๆ ก็บอกว่าข้าทั้งมีบุญวาสนาและดวงดี ขอโทษที่ข้าไม่เป็นอะไร ขอโทษที่ทำให้เจ้าผิดหวังก็แล้วกัน”
เจียงเอ้อยาแค้นใจจนใกล้จะอาเจียนออกมาเป็นเลือด
“เจียง ป่าว ชิง!”
เสียงตะโกนที่ดังขึ้นจากในบ้านทำให้เจียงป่าวชิงตกตะลึงไปทันที
ไม่ใช่เพียงเจียงป่าวชิงคนเดียว เจียงหยุนชานกับเจียงเอ้อยาก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน
รั้วบ้านไม่สูงมาก เจียงป่าวชิงมองทะลุเข้าไปในซอกรั้วก็เห็นประตูห้องหลักของบ้านกงจี้เปิดออก ชายหนุ่มในชุดยาวสีเขียวกำลังประคองวงกบประตู คล้ายกับเขากำลังยืนอย่างยากลำบากอย่างไรอย่างนั้น
นั่น… หากว่านั่นไม่ใช่กงจี้แล้วจะเป็นใครไปได้ ?
ฝูฉูรีบออกมาจากในห้องข้าง ๆ ฉับพลันทันใดนางตกใจจนหน้าถอดสีและคิดจะเข้าไปพยุงกงจี้ แต่กงจี้กลับปัดมือนางออก เขามองนางตาเขียว ทำหน้าเย็นชาและยืนประคองวงกบประตูอยู่อย่างนั้น จากนั้นเขาก็หันไปจ้องเจียงป่าวชิงที่อยู่นอกรั้วบ้านเขม็ง
เจียงเอ้อยากลับมีสีหน้าดีใจ “ไอ้โย เป็นคุณชายกงคนนั้นหนิ วันนี้คุณชายกงถามข้าหลายประโยคเลยด้วยแหละ”
เจียงหยุนชานพูดกับเจียงป่าวชิงเสียงเบา “คุณชายกงถามเจียงเอ้อยาเกี่ยวกับเรื่องสะพานถล่ม แต่ตั้งแต่ตอนที่เขาได้รู้ว่าสะพานถล่มจริงและเจ้าน่าจะอยู่ที่นั่น สีหน้าของเขาก็เหมือนจะแย่ลงเรื่อย ๆ”
เจียงป่าวชิงไม่ได้พูดอะไร
ทันใดนั้นเอง ฝูฉูรีบออกมาเปิดประตูด้วยใบหน้าขาวซีดซึ่งเจียงป่าวชิงก็รีบก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน
เจียงเอ้อยาอยากเข้าไปในบ้านด้วยแต่ถูกฝูฉูขวางไว้เสียก่อน ฝูฉูพูดอย่างเกรงใจ “ขออภัยแม่นาง ท่านชายของข้าไม่ได้เชิญให้เจ้าเข้าไป”
เจียงเอ้อยาไม่ยอม นางชี้เจียงป่าวชิงที่กำลังเข้าไปในบ้านอย่างเร่งรีบ “อะไรกัน ? แล้วนางนั่นล่ะ ก็เห็นอยู่ว่าท่านชายของเจ้าไม่ได้เชิญนาง ทำไมนางถึงเข้าไปได้ ?!”
สีหน้าของฝูฉูเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางก้มหน้าพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เจ้าสามารถเทียบกับแม่นางเจียงได้อย่างนั้นรึ ? แม่นางเจียงเป็นคนไม่ธรรมดาสำหรับท่านชายของเรา”
น้ำเสียงของฝูฉูเจือความเศร้าโศกเล็กน้อย แต่เจียงเอ้อยากลับฟังไม่ออกว่าฝูฉูพูดอะไร นางรู้สึกถึงความเกลียดที่อัดแน่นในใจจึงอดไม่ได้ที่จะกระทืบเท้าดังปึง
ตอนนี้เจียงหยุนชานอุ้มเสี่ยวฟ๋านฟ๋านและยังคงยืนอยู่ตรงนอกบ้านอย่างลังเล ฝูฉูเห็นเจียงหยุนชานและนางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเมื่อเจียงหยุนชานเห็นนาง สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนไป
ขณะนี้ เสี่ยวฟ๋านฟ๋านเองก็ร้องไห้ด้วยเช่นกัน นี่คงจะถึงเวลาป้อนนมแล้ว เจียงหยุนชานจึงทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค “ข้าขอตัวกลับก่อน” จากนั้นเขาก็ก้มหน้า รีบอุ้มเด็กกลับไปที่บ้านตัวเอง
ฝูฉูแข็งทื่อไปทันที
เจียงหยุนชานเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว เขาทำเหมือนหลบหน้านางอย่างไรอย่างนั้น ฝูฉูถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะปิดประตูใส่หน้าเจียงเอ้อยา
เจียงเอ้อยาไม่ยอม นางอยากไปพักที่บ้านของเจียงหยุนชานก่อนเพื่อรอจังหวะดูว่าจะได้เห็นหน้าคุณชายคนนั้นอีกหรือเปล่า
คุณชายร่ำรวยที่หล่อเหลาขนาดนี้ เมื่อเทียบคนอื่นกับเขาแล้ว นี่แทบเรียกได้ว่าเป็นการขุดข้าวในดินทำนองนั้น
ทว่าเจียงหยุนชาน… เขากลับปิดประตูลงกลอนอย่างไร้ความเมตตา นางช่างโชคร้ายจริง ๆ เพราะอันที่จริงเขาไม่ได้มุ่งเป้าจะกั้นไม่ให้นางเข้าบ้าน แต่เขาเพิ่งปิดประตูด้วยจิตใจอันแสนสับสนจากการคิดเรื่องฝูฉู ซึ่งมันบังเอิญกั้นเจียงเอ้อยาให้อยู่ข้างนอกพอดี
เจียงเอ้อยาโมโหมาก นางดึงมุมเสื้อตัวเอง ในหัวคิดจินตนาการว่ามุมเสื้อเป็นเจียงป่าวชิงพลางขยำอย่างแรงและพูดด้วยความเกลียดชัง “เจียงป่าวชิง ไอ้เด็กบ้า ไอ้ตัวซวย เจ้ามีดีอะไร ?!”
……
เจียงป่าวชิงรีบก้าวเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว ตอนที่เห็นว่าสีหน้ากงจี้ยังคงยับยู่ยี่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดเตือนเขาว่า “นี่คุณชายกง ตอนนี้การพยายามลองเดินยังเป็นเรื่องที่ฝืนเกินไปสำหรับเจ้า เจ้าต้องพักผ่อนสิ” นางเงียบไปครู่หนึ่ง กวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องก่อนจะกล่าวต่อ “อ้าว แล้วไป๋จีล่ะ ? ให้ไป๋จีประคองเจ้าเข้าไปสิ”
กงจี้ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงจ้องเจียงป่าวชิงอย่างเย็นชาตามเดิม
เจียงป่าวชิงอดไม่ได้ที่จะลูบใบหน้าของตัวเองเบา ๆ “อะไร ? มีอะไรติดหน้าข้ารึ ?”
กงจี้ตอบ เสียงเขาเย็นชาอย่างที่สุด “ข้าสั่งไป๋จีให้ออกไปตามหาเจ้า”
เจียงป่าวชิงเข้าใจได้ในทันที นี่กงจี้กำลังเป็นห่วงข้าอย่างนั้นรึ ?
สีหน้าเข้าใจของเจียงป่าวชิงทำให้กงจี้อดไม่ได้ที่จะจ้องนางอย่างโหดเหี้ยม
“ข้าไม่เป็นอะไร เห็นอย่างนี้ข้าว่ายน้ำเก่งมากเลยนะ” เจียงป่าวชิงพูดเสียงอ่อน
กงจี้อดไม่ได้ที่จะเพิ่มระดับเสียงพูดขึ้น เขาใช้สายตาแหลมคมราวกับมีดทิ่มแทงนาง “ซุนต้าหูนั่นสำคัญกับเจ้าขนาดนั้นเลยรึ ?! เจ้าถึงได้ยอมข้ามเขาเพราะต้องการไปในอำเภอกับเขาน่ะ ?!”
ถ้าหากว่าเจียงป่าวชิงจมน้ำตายอยู่ในแม่น้ำเพราะซุนต้าหู ลองเดาดูได้ไม่ยากเลยว่าเขาจะฆ่าซุนต้าหูนั่นหรือเปล่า!
เจียงป่าวชิงกะพริบตาปริบ ๆ แบบสาวน้อยไร้เดียงสา นางลากน้ำเสียงให้ยาวขึ้น “คุณชายกง เจ้าไม่ได้กำลังหึงหรอกใช่ไหม ?”
เจียงป่าวชิงจงใจใช้คำพูดก่อกวนกงจี้ นางรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ไอ้อาการโกรธที่ไม่รู้จักแล้วจักหายของกงจี้ค่อนข้างผิดปกติมาก นางรู้สึกว่ามันแปลกมากเกินไป
กงจี้หัวเราะเยาะ “หึงงั้นรึ ? ฝันไปเถอะ! ข้าแค่กลัวว่าเจ้าจะจมน้ำตายอยู่ที่นั่น แล้วจะไม่มีคนรักษาขาของข้าก็เท่านั้น”
เจียงป่าวชิงบอกไม่ถูกว่าในใจนางรู้สึกอย่างไร มันเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกปะปนกับรู้สึกหดหู่อยู่หน่อย ๆ แต่ทว่านางยังคงยิ้มแย้มพลางเอื้อมมือไปประคองกงจี้ “พอได้แล้วคุณชายกง เราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ ขาของเจ้ากำลังฟื้นฟู ยืนนานเกินมันจะส่งผลไม่ดีกับขาของเจ้ารู้เอาไว้ด้วย”
ขณะนั้น ฝูฉูมองมาจากที่ไกล ๆ ก็เห็นเจียงป่าวชิงเอื้อมมือออกไปคล้ายกับต้องการไปประคองท่านชายของนางอย่างไรอย่างนั้น
ฝูฉูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะในใจ เจียงป่าวชิงนี่ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆ ที่กล้าไปพยุงท่านชายของนาง ไม่ว่าท่านชายของนางจะปฏิบัติต่อเจียงป่าวชิงเป็นพิเศษอย่างไร นั่นก็เพราะเขาเห็นแก่ที่เจียงป่าวชิงรักษาขาให้เขาเท่านั้น…
นั่นไง! ท่านชายของนางปัดมือของเจียงป่าวชิงออกแล้ว
นางบอกแล้วว่าเจียงป่าวชิงไม่รู้จักขอบเขตของตัวเอง ท่านชายของนางไม่ชอบให้คนอื่นแตะต้องตัวเขาเป็นที่สุด
…แต่เดี๋ยวก่อน!
ดวงตาของฝูฉูเบิกกว้างขึ้นทันที นี่นางเห็นอะไร ?!
……
เจียงป่าวชิงถูกกงจี้ปัดมือ แต่นางกลับไม่โกรธ นางถลึงตาใส่กงจี้เล็กน้อยพลันเอื้อมมือไปโอบแขนของเขาโดยตรง
ทั่วทั้งร่างของกงจี้แข็งทื่อไปทันที
.