แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 204 ยกให้
เจียงป่าวชิงจัดการอะไรให้เกิ่งจื่อเจียงเสร็จแล้ว ก็ไปยังที่ว่าการอำเภออีกครั้ง
บังเอิญว่าเจ้าหน้าที่ยืนเวรตรงประตูในวันนี้คือจูลี่ หรือก็คือเจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งเจียงป่าวชิงเคยติดสินบนเขาไว้
เมื่อวาน ถึงแม้จะถูกขุนนางอำเภอจู้เห็นตอนที่ให้สินบนเขาพอดี แต่ขุนนางอำเภอจู้ไม่ได้ว่าอะไร อีกทั้งยังไม่ได้ริบสิ่งที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วย เขาเพียงตักเตือนจูลี่อย่างมีความหมายแฝงว่าอย่าล้ำเส้นก็เท่านั้น
จูลี่มีท่าทีเกรงกลัวเป็นอย่างยิ่ง วันนี้เมื่อเห็นเจียงป่าวชิง ร่างเขาก็สั่นเล็กน้อยพร้อมกับที่เกิดความรู้สึกอยากหันหลังกลับโดยไม่รู้ตัว ทว่าบังเอิญจริง ๆ ที่เจียงป่าวชิงเห็นเขาพอดี นางเดินเข้ามาทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “สวัสดีเจ้าค่ะลุงจู”
เมื่อวาน ขุนนางอำเภอจู้เรียกชื่อจูลี่ เจียงป่าวชิงจึงรู้ว่าเจ้าหน้าที่คนนี้แซ่จู
สำหรับจูลี่นั้น เขาไม่สามารถยื่นมือออกไปตบหน้าคนยิ้มได้ ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ยิ้มอยู่ยังเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กแลดูบริสุทธิ์และสวยสดงดงามอีกด้วย
ก็ได้… เขาเลิกคิดที่จะหลบนางก็ได้
จูลี่ทักทายเจียงป่าวชิงอย่างฝืน ๆ ด้วยใบหน้าขมขื่น “ว่าไงรึแม่สาวน้อย เจ้ามาที่นี่ทำไมอีกล่ะ ?”
เจียงป่าวชิงยิ้มแย้ม “ดูลุงจูพูดเข้าสิ ทำไมข้าจะมาที่นี่ไม่ได้ล่ะเจ้าคะ ?”
จูลี่เห็นเด็กสาวมีท่าทีไร้เดียงสาและไม่รู้ถึงความยากลำเค็ญของโลก เขาก็อดถอนหายใจได้ สายตาระวังของเขากวาดมองทางซ้ายทีทางขวาที เห็นว่าไม่มีใคร ประจวบเหมาะกับเพื่อนร่วมงานที่ยืนเวรด้วยกันกับเขาไปห้องสุขาพอดี เขาจึงโบกมือให้เจียงป่าวชิงเดินเข้ามาหา
เจียงป่าวชิงเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย จากนั้นจูลี่ก็พูดขึ้นเสียงเบาว่า “สาวน้อย เห็นแก่เงินของเจ้าเมื่อวานนี้นะ ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ก็ได้ พี่ต้าหูของเจ้าสั่งให้คนไปหลอกเงินคุณนายผู้ร่ำรวยคนหนึ่ง และคุณนายผู้ร่ำรวยคนนั้นโกรธมากเสียจนใช้เส้นสาย วันนี้มีเอกสารส่งมาบอกให้ท่านขุนนางอำเภอของเรารีบตัดสินโทษเขาโดยเร็ว เอ๊ะ… ไม่ใช่สิ ตอนนี้คุณนายผู้ร่ำรวยคนนั้นมาที่นี่ด้วยตัวเองแล้ว เพราะนางต้องการให้ท่านขุนนางอำเภอให้ความเป็นธรรมกับนาง”
เจียงป่าวชิงกุมคางพลางพูดอย่างครุ่นคิด “อืม… ดูเหมือนว่าคุณนายผู้ร่ำรวยคนนั้นจะโกรธมากเลยทีเดียวนะเจ้าคะ”
จูลี่จุ๊ปาก “จะไม่ให้โกรธได้ยังไง ? เล่ากันว่านางเป็นเมียน้อย แต่ได้ยินมาว่านางเป็นบุตรสาวของคนมีชื่อเสียงในเมืองหลวง แล้วนางยังเติบโตขึ้นมาโดยเป็นที่โปรดปรานของครอบครัว แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่านางจะโชคไม่ดีแบบนี้ ตอนยังสาว ลูกสาวของนางหายไปแถมยังสูญเสียสามีอีกด้วยนะ อายุเท่านี้แล้วยังมาถูกชายชาวชนบทหลอกเอาเงินอีก พอคิดดูแล้ว นางคงจะโกรธมากเลยทีเดียวเชียวแหละ”
เจียงป่าวชิงพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ขอบคุณลุงจูมากเลยเจ้าค่ะ ข้าดูนิดเดียวก็รู้แล้วว่าลุงจูเป็นคนดี และเป็นอย่างที่ข้าคิดไว้ ลุงจูเป็นคนจิตใจดีจริง ๆ”
จะว่าไป เจ้าหน้าที่แซ่จูคนนี้ดูน่าเกรงขามไม่เบา อันที่จริงก็เป็นอาชีพเหมือนพวกกรรมกรแบกหามทั่วไป เมื่อเขาได้รับความเคารพจากเจียงป่าวชิงก็รู้สึกสบายใจและถูกชะตาเจียงป่าวชิงมากกว่าเดิม
“พอแล้วสาวน้อย เจ้าอายุยังไม่มาก แต่ปากเจ้าหวานราวกับทาน้ำผึ้งยังไงยังงั้นเลยนะ ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าลุง ข้าก็ต้องไม่ทำให้เจ้าเรียกโดยเปล่าประโยชน์สิ จริงไหม ? ข้าจะบอกเจ้าอีกนิดหน่อยก็ได้ ช่วงบ่าย ท่านขุนนางอำเภอจะเปิดแท่นตัดสินเพื่อทำการไต่สวน ถ้าเจ้าเป็นห่วงพี่ต้าหูของเจ้า ถึงตอนนั้นเจ้าก็อย่าลืมมาดู จะได้รอข่าวสารไปด้วย แต่ถ้าเขาถูกคุมขังจริง ๆ เจ้าก็เตรียมสิ่งของไว้หน่อยแล้วกัน เพราะชีวิตในคุกแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
เจียงป่าวชิงขอบคุณเจ้าหน้าที่จูลี่จากใจจริง
เนื่องจากรู้เวลาที่แน่นอนแล้ว หากนางอยู่ที่นี่ต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร จึงซื้อผักกลับไปที่บ้านเกิ่งจื่อเจียงเล็กน้อย
เมื่อถึงที่บ้านเกิ่งจื่อเจียง กลับพบว่าประตูหน้าบ้านเปิดอยู่ และมีเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากข้างใน
เจียงป่าวชิงถือผักเข้าไป หูพลันได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งกำลังส่งเสียงดังเอะอะโวยวายอยู่ตรงนั้น
“จื่อเจียง ป้าเองก็หวังดี เจ้าเกือบถูกพวกเจ้าหน้าที่จับขังแล้ว นี่เจ้ายังจะครอบครองร้านยานี้อีกรึ มันเหมาะสมแล้วหรือ ? ถึงยังไงชื่อเสียงเจ้าก็เสียไปหมดแล้ว สู้ยกร้านยานี้ให้อาของเจ้าดีกว่า เจ้าเองก็เชื่อใจเรื่องการปฏิบัติต่อผู้อื่นของอาเจ้าหนิ และอาเจ้าคงไม่ทำสิ่งที่เป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงของบรรพบุรุษแบบเจ้าหรอก แล้วทรัพย์สมบัติของตระกูลเกิ่งก็จะไม่ถูกทำลายด้วยน้ำมือของเจ้ายังไงล่ะ”
น้ำเสียงของเกิ่งจื่อเจียงฟังดูอ่อนแอมาก เจียงป่าวชิงได้ยินไม่ชัดว่าเขาพูดอะไร แต่นางขี้เกียจที่จะรอแล้วเช่นกันจึงเปิดประตูเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรง
ผู้หญิงคนนั้นตกใจ เกิ่งจื่อเจียงก็ตกใจเช่นกัน เขาไม่คิดว่าเจียงป่าวชิงจะมาเจอฉากเหตุการณ์นี้ จึงพูดอย่างอ้ำอึ้ง ๆ ว่า “แม่นางเจียง เจ้ากลับมาแล้วรึ…?”
คำพูดนี้ทำให้หญิงคนนั้นตระหนักได้อย่างว่องไวถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาระหว่างคนทั้งสอง นางมองเจียงป่าวชิงด้วยความสงสัย ก่อนจะหันไปมองเกิ่งจื่อเจียง
และนางตกใจกับรูปลักษณ์ท่าทางของเจียงป่าวชิงทันที นางเคยได้ยินหรือพบผู้หญิงที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ในอำเภอแห่งนี้ แต่ไม่เคยเห็นคนที่มีรูปลักษณ์ท่าทางเช่นนี้มาก่อนเลย ดูจากการแต่งตัวก็เหมือนจะไม่ได้มาจากครอบครัวสูงศักดิ์อะไรนี่นา
เจียงป่าวชิงพยักหน้าให้เกิ่งจื่อเจียงพลางมองผู้หญิงคนนั้น “เอ่อ… ท่านผู้นี้คือ ?”
เกิ่งจื่อเจียงไม่รู้ว่าเจียงป่าวชิงได้ยินไปมากเท่าไหร่แล้ว แต่เรื่องอื้อฉาวภายในบ้านไม่สามารถพูดให้คนนอกรู้ได้ เวลานี้เขารู้สึกว่าบาดแผลที่ก้นกับบนใบหน้าเจ็บแสบพอ ๆ กัน ทว่าก็รวมความกล้าพูดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “นางคือท่านป้าข้าเอง”
“บอกว่าเป็นป้า แต่ตั้งแต่พ่อแม่เจ้าจากไป ข้าก็เป็นห่วงเจ้าไม่น้อยเลย ข้าเหมือนกับแม่แท้ ๆ ของเจ้านั่นแหละ” ป้าของเกิ่งจื่อเจียงพูดอย่างคล่องแคล่วพลางสังเกตเจียงป่าวชิงอย่างละเอียดไปด้วย “ว่าแต่สาวน้อยคนนี้ เจ้าเป็นใครมาจากไหนล่ะ ?”
ลิ้นเกิ่งจื่อเจียงพันกันชั่วขณะ เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรแนะนำเจียงป่าวชิงให้ป้าของเขารู้จักอย่างไรดี
ทว่าเจียงป่าวชิงเป็นฝ่ายพูดขึ้นอย่างใจกว้าง “ข้าคือเพื่อนที่ร่วมทำการค้ากับหมอเกิ่งเจ้าค่ะ”
เจียงป่าวชิงชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น “ป้าจ๊ะ เมื่อสักครู่ข้าได้ยินป้าบอกว่าหมอเกิ่งจะยกร้านยานี้ให้คนอื่นอย่างนั้นหรือเจ้าคะ ?”
ป้าของเกิ่งจื่อเจียงยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม “เจ้าเป็นเพื่อนร่วมทำการค้าอะไรหรือ ? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินล่ะ ?” นางสังเกตเจียงป่าวชิง จนเมื่อเห็นเจียงป่าวชิงถือผักไว้อยู่ในมือ นางก็นึกอะไรได้และยิ้มอย่างมีความหมาย “ไอ้โยจื่อเจียง! นี่คงไม่ใช่คนรักของเจ้าหรอกนะ ?”
เกิ่งจื่อเจียงแข็งทื่อทันที
‘ว่ายังไงนะ ?! แม่นางเจียงคือคนรักของข้ารึ ? ป้านี่ก็ช่างกล้าพูดจริง ๆ’
เกิ่งจื่อเจียงยังไม่ทันได้พูดอะไร สีหน้าของเจียงป่าวชิงก็เปลี่ยนไปเสียก่อน นางพูดขึ้นด้วยเสียงที่ค่อนข้างเย็นชา “ป้าจ๊ะ ข้าเห็นแก่ที่ป้าเป็นป้าของเพื่อนร่วมทำการค้าของข้า ฉะนั้นข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับป้า แต่ป้ากำลังทำให้ชื่อเสียงที่บริสุทธิ์ของข้าด่างพร้อยนะเจ้าคะ”
ป้าของเกิ่งจื่อเจียงมักจะชอบหยอกเด็กสาวเพื่อนบ้านบ่อย ๆ โดยทั่วไปแล้วนางจะไม่กล้าพูดคำพูดอะไรที่ทำให้รู้สึกหน้าบาง ทว่าเมื่อมาเจอคนที่ชักสีหน้าและกล้าตำหนินางตรง ๆ แบบนี้ ทั้งยังเป็นเด็กรุ่นหลังอีกต่างหาก แบบนี้นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้อีก
ป้าของเกิ่งจื่อเจียงหันไปมองเกิ่งจื่อเจียงทันทีพลางจุ๊ปาก “จุ๊ ๆ ดูเพื่อนร่วมทำการค้าอะไรนั่นของเจ้าสิจื่อเจียง ข้าล้อเล่นแค่นิดเดียว ทำเป็นไม่เคยโดนหยอกไปได้”
เกิ่งจื่อเจียงมีสีหน้าขมขื่น เขาได้แต่คิดในใจ ‘โธ่! ป้า นั่นเขาเรียกว่าล้อเล่นที่ไหนกันเล่า แบบป้านั่นเขาเรียกว่าจะคร่าชีวิตต่างหากล่ะ’
ป้าของเกิ่งจื่อเจียงเห็นเกิ่งจื่อเจียงยืนเงียบกริบด้วยสีหน้าขมขื่น นางรู้สึกหงุดหงิดใจ “เอาเถอะ ๆ… กลับมาเรื่องที่ข้าคุยกับเจ้าเมื่อสักครู่ดีกว่า เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ ?”
ตอนนี้เกิ่งจื่อเจียงยังคงงุนงงอยู่เล็กน้อย “เรื่องอะไรนะขอรับ ?”
ป้าของเกิ่งจื่อเจียงชักสีหน้าทันที “เอ๊ะเจ้าเด็กจื่อเจียง เจ้านี่แสร้งทำเป็นโง่อีกแล้ว! เมื่อสักครู่ไม่ใช่ว่าป้าบอกไปแล้วรึ ? เพื่อทรัพย์สมบัติของบรรพบุรุษ เจ้ายกร้านยานี้ให้กับอาเจ้าดีกว่า ถ้าหากว่าเจ้าชอบการเป็นหมอ เจ้าเป็นหมอในร้านยานี้ต่อไปก็ได้ แต่ต้องเขียนชื่ออาเจ้าบนโฉนดที่ดินของร้านยานี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อให้กิจการของบรรพบุรุษได้ดำเนินต่อไปยังไงล่ะ ไม่อย่างนั้น ถ้าคนอื่นได้ยินว่าเจ้าของที่นี่คือนักโทษเคยมีโทษติดตัว แบบนี้ใครจะยังกล้ามาใช้บริการอีก จริงไหม ?”