แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 247 ตีกันเป็นพัลวัน
เมื่อเจียงเหมยฮัวได้ฟังที่เจียงป่างชิงพูด นางก็ตกใจและดูเหมือนจะต่อสู้ดิ้นรนอยู่ในใจของตัวเองอีกครั้ง
เจียงเหลียนฮัวเข้าใจน้องสาวของตัวเองดีว่าน้องสาวของนางคนนี้หูเบา ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองและมักคล้อยไปตามเสียงของคนส่วนใหญ่ได้ง่ายมาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าน้องสาวที่กว่านางจะพูดกล่อมให้เริ่มคล้อยตามได้ถูกเจียงป่าวชิงกล่อมกลับไปด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ อย่าว่าแต่โกรธเลย นางถลึงตาใส่เจียงป่าวชิงและต้องการจะกระโจนเข้าไปบีบคอซะให้รู้แล้วรู้รอดด้วยซ้ำ
“อย่ามาแส่! ครอบครัวของเรากำลังปรึกษากันอยู่ ถึงคราวที่เจ้าพูดแล้วหรือไง ? ไอ้ปัญญาอ่อนอย่างเจ้าจะไปไหนก็ไปไป๊!”
หลีโผจื่อเองก็โบกมือไล่อย่างรังเกียจ “ใช่ เจ้ากลับไปได้แล้ว รีบไสหัวไปเลย อย่ามาอยู่ในบ้านข้า! เห็นเจ้าแล้วหงุดหงิดจริง ๆ!”
มีเรื่องบางอย่างที่คนอื่นอาจไม่รู้ แต่หลีโผจื่อกลับรู้ดี ก่อนหน้านี้นางไปหาหลานชายที่บ้านพ่อแม่ของนางเพื่อต้องการให้เขาทำลายความบริสุทธิ์ของเจียงป่าวชิง แต่ไม่รู้ว่าเจ้าเท้าเล็กนี่ทำอะไร หลานชายที่บ้านพ่อแม่ของนางถึงได้ “สืบพันธุ์” ไม่ได้ตั้งแต่ตอนนั้น
นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก คนที่บ้านพ่อแม่ของนางโกรธและเกือบถ่มน้ำลายใส่หน้านางเพราะเรื่องนี้ พวกเขาพากันไปหาหมอทั่วทุกสารทิศ หลังจากผ่านไปกว่าครึ่งปีถึงจะเห็นผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลีโผจื่อนึกถึงคำพูดที่แม่เฒ่าเซียนเว่ยเคยบอกว่าเจียงป่าวชิงคนนี้เป็นตัวชั่วร้าย อัปมงคล นางรู้สึกแล้วว่าแม่เฒ่าเซียนเว่ยพูดถูก
ทว่าเฉียนเซียงเซียงที่ยืนอยู่ด้านข้างและไม่ได้พูดอะไรมาตลอดกลับกลัวว่าเจียงป่าวชิงจะกลับไป นางรีบเดินเข้าไปขวางเจียงป่าวชิงไว้ “อย่าเพิ่งไป ข้าขอถามหน่อยว่าแล้วคุณชายคนนั้นล่ะไปไหน ? ไม่ใช่ว่าเจ้าถูกคุณชายคนนั้นรับเลี้ยงไว้แล้วรึ ?”
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นนิ่ง ๆ “ไม่ เขาไม่ได้เป็นอะไรกับข้า เราไม่ได้เกี่ยวดองอะไรกัน”
เฉียนเซียงเซียงตาเป็นประกายทันที แต่นางกลับคิดว่าเจียงป่าวชิงถูกคุณชายคนนั้นเขี่ยทิ้งเพราะเขาเบื่อนางแล้ว
นางพูดขึ้นอย่างลำพองใจ “ข้าบอกแล้วว่าเจ้าน่ะเป็นแค่ขอทาน อย่างมากก็แค่เป็นขอทานที่หน้าตาดีนิดหน่อยเท่านั้น ดูก็รู้ว่าคุณชายเขามาจากตระกูลใหญ่ เขาคงไม่มีความรู้ตื้น ๆ ขนาดที่ว่าดูแค่รูปลักษณ์ภายนอกหรอก ดูสิ เจ้าถูกเขี่ยทิ้งแล้วล่ะสิ ?”
เจียงป่าวชิงมองเฉียนเซียงเซียงด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะหมุนตัวจากไป
นางได้ทำในสิ่งที่สามารถทำได้แล้ว
เจียงเหมยฮัวกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่นางลังเลสักครู่ สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเฉียนเซียงเซียงรู้ว่าเจียงป่าวชิงถูกคุณชายคนนั้นเขี่ยทิ้ง นางก็รู้สึกสบายใจมาก และอดไม่ได้ที่จะเตรียมพร้อมลงมืออีกครั้ง นางกำลังคิดว่าควรหาช่องทางสืบว่าคุณชายคนนั้นไปอยู่ที่ไหนในขณะนี้ดีไหม
เฉียนเซียงเซียงคิดในใจว่าตัวนางเองไม่ได้มีดีแค่รูปลักษณ์เหมือนเจ้าปัญญาอ่อนเจียงป่าวชิงหรอกนะ
……
ทางด้านเจียงเหมยฮัว สุดท้ายแล้วครอบครัวใหญ่เกลี้ยกล่อมผสมไปด้วยการข่มขู่จนสามารถกล่อมให้นางเปลี่ยนใจยอมตกลงว่าจะเริ่มใหม่กับเมิ่งเถี่ยได้ในที่สุด
ขณะนี้ โจซื่อที่ออกไปดูตัวก็พาเจียงเอ้อยากลับมาด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าของเจียงเอ้อยาก็ดูแย่มากเช่นกัน ดูก็รู้ว่าไม่สำเร็จ
เจียงเหลียนฮัวกำลังนั่งแทะเมล็ดฟักทองอยู่ในบ้าน ขณะนี้นางแสดงตัวว่าตัวเองเป็นบุคคลที่สร้างคุณูปการให้กับครอบครัว เมื่อนางเห็นพี่สะใภ้ ก็โยนเปลือกเมล็ดฟักทองลงบนพื้นโดยที่ไม่ลุกขึ้น “กลับมาแล้วรึ ? ทำไมทำหน้าอย่างนั้น ไม่สำเร็จรึ ?”
โจซื่อข่มกลั้นความโกรธแค้นเอาไว้ “ไม่สำเร็จ คนในเมืองมีแววตาที่สูงเกินไป”
แม้จะเป็นการเลือกเมียน้อย แต่ก็ต้องแต่งเข้าไปในตระกูลใหญ่เพื่อทานอาหารดี ๆ โจซื่อต้องขอร้องปู่กับย่าของนางและดึงพวกญาติ ๆ มาเกี่ยวข้องถึงจะสามารถปรึกษาหารือจนได้เป็นการดูตัวดังกล่าว แต่เมื่อนางพาเจียงเอ้อยาที่ตั้งใจแต่งหน้าเป็นพิเศษไปดูตัว ทางฝ่ายนั้นกลับรังเกียจและบอกว่ากลิ่นอายชนบทบนตัวเจียงเอ้อยามีมากเกินไป ถ้าแต่งงานกับเมียน้อยแบบนี้คงน่าขายหน้ามาก ทั้งยังเป็นการลดระดับตัวเองด้วย
หลีโผจื่อเอ่ยขึ้นด้วยความรังเกียจ “ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง น่าเบื่อ!”
เจียงเอ้อยาอดทนต่อความอับอาย นางยืนก้มหน้าอยู่ด้านข้างโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ
เจียงเหลียนฮัวส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อย นางโยนเปลือกเมล็ดฟักทองลงบนพื้นอีกครั้งแล้วชำเลืองมองโจซื่อ “พี่สะใภ้ ไม่ใช่ว่าข้าจะว่าพี่หรอกนะ แต่พี่เลี้ยงดูเอ้อยาได้ไม่ดีพอจริง ๆ นั่นแหละ พี่ดูเซียงเซียงของข้าสิ ข้าเลี้ยงดูและให้ท้ายนางตั้งแต่เล็ก ตอนนี้เดินออกไปพร้อมกับความสูงส่ง เราบอกไปว่านางเป็นคุณหนูในเมืองก็คงมีคนเชื่อ แบบนี้ถึงจะพูดขอคนดี ๆ ให้นางได้ยังไงล่ะ”
โจซื่อถูกน้องสามีพูดฉีกหน้าเช่นนี้ นางจะรักษาสีหน้าไว้อีกได้อย่างไร สีหน้าของนางทั้งเขียวทั้งซีด แต่เมื่อนางคิดได้ว่าเจียงเอ้อยาเป็นคนนำพาความอับอายนี้มาให้นางก็อดไม่ได้ ใช้สายตาทิ่มแทงเจียงเอ้อยาอย่างโหดเหี้ยม
ในยามปกติ เจียงเอ้อยามักประจบคนในบ้านเสมอ แต่ในใจของนางกลับเป็นคนที่มีปณิธานมุ่งมั่นสูง ได้เห็นเจียงเหลียนฮัวพูดออกมาเช่นนี้ นางอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “นี่ท่านป้า ทำไมท่านไม่ให้เซียงเซียงไปล่ะ ไม่แน่เขาอาจไม่ชอบเซียงเซียงด้วยก็ได้นะเจ้าคะ”
เจียงเหลียนฮัวหัวเราะเยาะเย้ย “เซียงเซียงของเราถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ นางไม่ได้จะไปเป็นเมียน้อยใคร อย่างน้อยทางบ้านของอีกฝ่ายต้องมั่งคั่งสักหน่อย เพื่อที่นางจะได้ไปเป็นคุณนายของบ้านนั้น”
เจียงเหลียนฮัวหรี่ตาสังเกตเจียงเอ้อยาและพูดอย่างมีความหมายแฝง “เซียงเซียงของเราไม่เหมือนกับเจ้าหรอกนะ”
เจียงเอ้อยาตาแดงก่ำทันที
นางใช้เล็บจิกลงบนฝ่ามือตัวเองอย่างแรงถึงจะข่มกลั้น ทำให้ตัวเองไม่เสียกิริยาและเผลอชี้หน้าด่าเจียงเหลียนฮัวได้
เฉียนเซียงเซียงพูดขึ้นอย่างนุ่มนวล “ท่านแม่อย่าพูดแบบนี้สิเจ้าคะ พี่เอ้อยานางก็ต้องมีข้อดีของตัวเองเป็นธรรมดาอยู่แล้วนะ”
เจียงเหลียนฮัวพูดด้วยความรัก “ดูสิดู! ดูสิว่าเซียงเซียงของเราจิตใจดีมากแค่ไหน”
หลีโผจื่อเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ “พอได้แล้ว เจ้าจะให้ท้ายอะไรกันนักหนา ต่อให้เจ้าเลี้ยงดูนางอย่างละเอียดถี่ถ้วนแค่ไหน ต่อไปนางก็ต้องแต่งเข้าไปในบ้านคนอื่นและเป็นไอ้ตัวสิ้นเปลืองอยู่ดี ถ้าเจ้ามีเวลามาก สู้เอาเวลาไปใจใส่และเตรียมคุยเรื่องแต่งงานของจินหวู่จะดีกว่า”
พูดถึงเรื่องแต่งงานของเฉียนจินหวู่ สีหน้าเจียงเหลียนฮัวพลันบูดบึ้งบิดเบี้ยวดูแทบไม่ได้ในทันที
โจซื่อตาแหลม นางจงใจหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาจะได้หัวเราะเยาะเจียงเหลียนฮัว “ไอ้โย! แม่พูดถูก เหลียนฮัว เจ้าน่ะแยกแยะเรื่องหลักกับเรื่องรองไม่เป็น จินหวู่ใกล้จะอายุสิบแปดแล้ว แต่ยังไม่เห็นร่องรอยของเรื่องแต่งงานเลย ลูกสาวของซิ่วฉายยากจนที่เจ้าสู่ขอให้ลูกชายตอนก่อนหน้านี้ คนนี้บอกว่าดี คนนั้นก็บอกว่าดี อุตส่าห์แบกของหมั้นไปถึงที่บ้านนางทั้งทีแต่แล้วยังไง ? นางกลับหนีตามคนรักและบอกว่าไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากแต่งงานกับลูกชายของคนขายเนื้อสัตว์ จุ๊ ๆ ๆ เหลียนฮัว เจ้าควรคิดและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ดี ๆ ไม่อย่างนั้น ถ้าหากว่าคนอื่นพูดถึงเรื่องนี้ ตระกูลเจียงของเราจะเสียหน้าเอาได้”
สิ่งที่เจียงเหลียนฮัวรู้สึกเป็นทุกข์ที่สุดคือการแต่งงานของลูกชายพบกับอุปสรรคมากโข แต่โจซื่อกลับหยิบยกเรื่องนี้มาทิ่มแทงใจนางซ้ำ ๆ
นางยืนขึ้นด้วยความโกรธ มือก็ปาเมล็ดฟักทองใส่หน้าโจซื่อทันที “คนที่คุมเข็มขัดผู้ชายไม่ได้อย่างเจ้ายังมีหน้ามาว่าข้าได้อีกรึ ? โถ ๆ ๆ พี่ชายข้าต้องรำคาญเจ้าแค่ไหนกันนะถึงได้เลือกนอกใจไปมั่วสุมกับแม่หม้ายจนไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องเช่นนี้”
ถือว่าคำพูดนี้ทิ่มแทงใจโจซื่อมากเช่นกัน
โจซื่อโกรธควันออกหู พุ่งไปฉุดกระชากเจียงเหลียนฮัวโดยที่ยังมีเปลือกเมล็ดฟักทองติดอยู่บนศีรษะ
ภายในห้องเกิดความวุ่นวายทันที เสียงกรีดร้องของเฉียนเซียงเซียง เสียงก่นด่าของหลีโผจื่อ และยังมีเจียงเอ้อยาที่กำลังห้ามมวย ความเป็นจริงคือนางช่วยแม่ของนางหยุดเจียงเหลียนฮัว แต่ก็แอบบิดและเตะเจียงเหลียนฮัวอย่างลับ ๆ ด้วยเช่นกัน
สุดท้าย เป็นท่านปู่เจียงกับเฉียนจินหวู่ที่ใช้ความพยายามอย่างมากในการจับโจซื่อแยกกับเจียงเหลียนฮัว ทั้งสองที่กำลังฉุดกระชากเส้นผมกันอยู่ถูกจับแยกมายืนคนละฝั่ง
หลีโผจื่อโมโหจนถึงกับตบหน้าโจซื่อ ลูกสะใภ้กับลูกสาว แน่นอนว่านางต้องเข้าข้างลูกสาวอยู่แล้ว
โจซื่อปิดปิดตาหน้าด้วยสภาพผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ใบหน้าของนางถูกเล็บมือเจียงเหลียนฮัวข่วนจนเกิดเป็นแผลรอยขีดข่วนประปราย และนางร้องไห้เสียงดังในขณะนี้
เมื่อเจียงโหย่วฉายที่ขณะนี้ทารุณกระต่ายอยู่ข้างนอกได้ยินเสียงร้องไห้ของแม่ตัวเอง เขาก็พุ่งเข้าไปในห้องพร้อมมีดเปื้อนเลือดอย่างว่องไว