แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 256 เงินมัดจำสามตำลึง
เจียงป่าวชิงออกมาจากหมู่บ้านข้าง ๆ ระหว่างเส้นทางบนภูเขาที่ออกมา นางเห็นหญิงวัยประมาณสามสิบห้าสองคนถือตะกร้าผักกำลังเดินไปพลางพูดคุยกันอย่างลำพองใจ
ทั้งสองคนกำลังเดินไปในหมู่บ้าน
เดิมทีเจียงป่าวชิงไม่ได้สนใจอะไร แต่ตอนใกล้จะเดินสวนกับพวกนาง กลับได้ยินคำว่า “นายกาว” อย่างราง ๆ
ฝีเท้าของเจียงป่าวชิงค่อย ๆ หยุดลง ขณะที่หูก็ได้ยินผู้หญิงคนหนึ่งในนั้นพูดขึ้นอย่างดีใจ “โห ลูกสาวเจ้าหน้าตาสวยขนาดนั้น จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอนเลย”
ผู้หญิงอีกคนพูดขึ้นอย่างลำพองใจเล็กน้อย “ไอ้โย! ลูกสาวคนนั้นของข้า เจ้าเองก็รู้ว่าเมื่อคนที่หมู่บ้านละแวกนี้เห็นนางเป็นต้องชมนางว่านางสวยงามกันทั้งนั้น พอพ่อบ้านหวังเห็นลูกสาวข้านะ เขาก็บอกว่าใช้ได้และจ่ายเงินมัดจำเป็นเงินสามตำลึงแล้วด้วย เขาบอกว่าถึงตอนนั้นจะให้นายกาวดูผ่านตาก่อน ถ้าสำเร็จจริง ๆ จะให้เงินอีกห้าสิบตำลึง แม้นายกาวจะไม่ถูกใจก็จะไม่เอาเงินสามตำลึงนี้คืนด้วยนะ”
ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยความอิจฉาตาร้อน “โย! เพราะฉะนั้นข้าถึงมองเห็นว่าลูกสาวเจ้ามีวาสนาตั้งนานแล้วยังไงล่ะ โชคดีจริง ๆ เลยนะเจ้าเนี่ย”
ทว่าผู้หญิงอีกคนกลับถ่อมตัว “มันก็ยังไม่แน่หรอก ได้ยินว่าเขาต้องการหาเด็กผู้หญิงจำนวนหนึ่ง ไม่ใช่แค่คนเดียว ถึงตอนนั้นก็จะให้นายกาวมองผ่านตา คนรวยอย่างเขาอาจไม่ชอบลูกสาวข้าก็ได้”
“ถึงอย่างไรก็ได้รับเงินสามตำลึงมาโดยไม่เสียอะไรสักอย่าง แค่นี้ก็คุ้มแล้วแหละ”
เสียงของทั้งสองคนไกลออกไปเรื่อย ๆ แต่เจียงป่าวชิงกลับขมวดคิ้วและหยุดฝีเท้าลง ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหลีโผจื่อกับโจซื่อถึงได้มุ่งหวังขนาดนั้น ที่แท้พวกนางคิดจะส่งนางไปเป็นเมียของนายกาว
ก็เพราะมีเงินห้าสิบตำลึงแขวนไว้อยู่ที่เบื้องหลังความสัมพันธ์นี้ยังไงล่ะ พวกเขายังโลภไม่มีเปลี่ยน
แต่ท่าทางของพ่อบ้านหวังที่ขว้างแหเพื่อแจกเงินออกไปแบบนี้ค่อนข้างผิดปกติอยู่หน่อย ๆ เมื่อพิจารณาจากความคิดของหลีโผจื่อกับโจซื่อ พวกนางคงคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว และไม่จำเป็นต้องใช้เงินสามตำลึงนี้เป็นเงินมัดจำเพื่อล่อลวงพวกนางให้ส่งนางไปด้วยซ้ำ แค่นี้พวกนางก็จะประเคนนาง “ไปส่ง” ด้วยตัวเองอยู่แล้ว
เงินมากขนาดนี้ ไม่ต้องกลัวเลยว่าคนจะไม่ติดกับ
เจียงป่าวชิงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันผิดปกติจึงตามหญิงสองคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ไป เมื่อตามทันก็เอ่ยถามพวกนางยิ้ม ๆ “น้าทั้งสองจ๊ะ ที่พวกน้าคุยกันอยู่คือเรื่องที่นายกาวกำลังหาเมียน้อยหรือเปล่าจ๊ะ ?”
ทั้งสองคนตกตะลึง พวกนางสังเกตเจียงป่าวชิง หนึ่งในนั้นเมื่อเห็นว่าเจียงป่าวชิงหน้าตาสวยสดงดงามทั้งอายุยังน้อย นางก็พูดขึ้นอย่างระมัดระวัง “เจ้าถามถึงเรื่องนี้ทำไมรึ ?”
ฟังจากน้ำเสียงแล้ว นี่คงเป็นผู้หญิงที่ลูกสาวของนางถูกเลือกโดยพ่อบ้านหวังสินะ
เจียงป่าวชิงแสร้งแสดงสีหน้าเสียใจทีหลังออกมาให้เห็น “เมื่อสักครู่ ข้าได้ยินคุณน้าทั้งสองคุยกัน ข้านั้นรู้สึกเสียใจมาก คุณน้าทั้งสองไม่รู้อะไร เมื่อวันก่อนข้าเพิ่งทำการหมั้นหมายไปเอง พอได้ยินข่าวคราวนี้ ข้าก็…”
คุณน้าที่มีลูกสาวได้ฟังก็มีท่าทีโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด แม้นางจะรู้สึกว่าลูกสาวตัวเองหน้าตางดงามดีเลิศ แต่เมื่อเทียบกับเด็กผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ที่มีน้ำมีนวลราวกับเพิ่งขึ้นจากผิวน้ำใสแล้ว แม้หัวใจของคนเป็นแม่อย่างนางจะลำเอียงให้ลูกตัวเองไปจนถึงขอบฟ้า นางยังต้องยอมรับว่ายังมีช่องว่างอยู่บ้างระหว่างลูกสาวนางกับเด็กสาวคนนี้
ถ้าหากว่าเด็กสาวคนนี้ตั้งใจจะเข้าไปคลุกคลีกับการเลือกเมียน้อยของนายกาว เกรงว่าคงชนะแบบขาดลอย
แต่โชคดีที่นางเป็นคนที่ผ่านการหมั้นหมายแล้ว
เด็กผู้หญิงที่หมู่บ้านของพวกนาง ถ้าหากว่าทำการหมั้นหมายแล้ว อันที่จริงก็เท่ากับว่าเป็นคนของครอบครัวอื่น แน่นอนว่าไม่สามารถมาคลุกคลีหรืออยากจะเอาตัวมาเป็นเมียน้อยให้นายกาวเลือกอย่างเด็ดขาด
หญิงที่มีลูกคนนี้รีบพูดขึ้นทันที “สาวน้อย เจ้าหน้าตางดงามนัก คิด ๆ ดูแล้วบ้านสามีของเจ้าก็คงจะไม่แย่ด้วยเช่นกัน ชาวบ้านธรรมดา ๆ ย่อมมีข้อดีของตัวเอง ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ถึงยังไงก็คือเมียหลวง ออกไปไหนเอวย่อมตั้งตรงตลอด… เป็นเมียน้อยคนอื่นดูเหมือนจะดี แต่เมื่อไปถึงหลังบ้านที่ลึกแล้ว นั่นแหละถึงจะเป็นการได้รับความทุกข์ของจริง”
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ใช่จ้ะ คนที่บ้านก็พูดกับข้าแบบนี้เช่นกัน และสั่งให้ข้าเตรียมตัวแต่งงานให้ดี ๆ แต่เมื่อสักครู่ได้ยินน้าบอกว่ายังให้เงินมัดจำอีกสามตำลึงด้วย ดูแล้วนายกาวคนนี้คงจะรวยใช่ย่อยเลยนะจ๊ะ”
เห็นได้ชัดว่าหญิงมีลูกสาวคนนี้ทำเหมือนว่านายกาวเป็นลูกเขยบ้านตัวเองไปแล้ว นางได้ยินเจียงป่าวชิงเอ่ยชมเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าภาคภูมิใจออกมาทางใบหน้า แต่นางเองก็ระมัดระวังตัวมาก ด้วยเพราะเกรงว่าเจียงป่าวชิงจะเกิดความโลภ และถ้าหากว่าเจียงป่าวชิงคิดแผนชั่วอะไรขึ้นมาล่ะ…
นางรีบพูดขึ้นทันที “สาวน้อย ในเมื่อเจ้าได้ทำการหมั้นหมายแล้ว เจ้าจะถามไปทำไมเยอะแยะ ?”
หญิงอีกคนเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น เห็นได้ชัดว่านางชอบดูเรื่องสนุก ๆ จึงจงใจพูดชมอยู่ด้านข้าง “ไอ้โย! พี่ พี่อย่าถ่อมตัวนักสิ ตอนนี้ข่าวคราวเรื่องนี้ไปไวมาก มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่านายกาวร่ำรวย ถ้าไม่มีเงินจะเลือกเด็กผู้หญิงมากมายไปดูตัวได้รึ ? นี่แค่แป๊บเดียวเขาก็จ่ายเงินไปแล้วหลายสิบตำลึง เด็กดีของข้า เงินหลายสิบตำลึงเพียงพอให้ครอบครัวชาวนาอย่างเราดำรงชีวิตได้หลายปีเลยล่ะ สาวน้อย เจ้าลองบอกมาสิว่านายกาวจะไม่รวยยังไงได้ ?”
หญิงที่มีลูกยิ้มอย่างเก้อเขิน แต่ไม่ได้พูดอะไร
เจียงป่าวชิงจึงส่งยิ้มให้ผู้หญิงคนที่กำลังพูดถึงข่าวลือด้วยสีหน้าเกินจริง “คุณน้าคนนี้ช่างรู้เยอะจริง ๆ นะจ๊ะ”
ในคำพูดที่เหมือนเลื่อมใสทำให้หญิงที่กำลังพูดถึงข่าวลือลำพองใจเล็กน้อย ปากของนางเหมือนไม่มีประตูอย่างไรอย่างนั้น ไม่รู้ว่านางเจตนาหรือไม่เจตนากันแน่ถึงได้พูดถึงข่าวสารออกมายาวเหยียดเช่นนี้
“สาวน้อย เจ้าก็ชมเกินไป พ่อบ้านหวังคนนั้นไปทั่วหมู่บ้านละแวกนี้แล้ว และมีเด็กผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มหลายคนได้รับการคัดเลือกจากเขา เห็นบอกว่าตอนเช้าของวันที่สิบแปด อ้อ มะรืนนี้นี่นาที่เขาจะพาเด็กผู้หญิงเหล่านั้นไปส่งที่หน้าประตูวัดตรงภูเขาของหมู่บ้านหลิวเจีย ถึงตอนนั้น นายกาวก็จะส่งรถม้ามากมายมารับเด็กผู้หญิงเหล่านั้นไปในอำเภอเพื่อทำการดูตัว”
“ถ้าหากได้รับคัดเลือกก็อยู่ดีกินดีที่บ้านของนายกาวเลย ข้าได้ยินมาว่าที่บ้านของนายกาวยังไม่มีคนสืบทอดธุรกิจครอบครัว แบบนี้คนอื่น ๆ ในวงศ์ตระกูลก็เสียเปรียบจากกิจการใหญ่โตนี้น่ะสิ ดังนั้นคนที่จะเข้าไปเป็นเมียน้อย ใครสามารถมีลูกได้ก่อน โดยพื้นฐานแล้วกิจการใหญ่โตก็จะตกเป็นของพวกเขาสองแม่ลูกในอนาคต”
“ข้าจะบอกให้เลยนะว่าไม่ต้องมุ่งเข้าใส่อย่างอื่น แค่เรื่องนี้ก็มีเด็กผู้หญิงมากมายพยายามเหลาหัวให้แหลมทำตัวให้สวยและคิดที่จะมุ่งเข้าไปเป็นเมียน้อยแล้ว สาวน้อย ข้าเห็นว่าเจ้าหน้าตาสะสวยถึงได้พูดให้เจ้าฟังนิดหน่อย แต่น่าเสียดายที่เจ้าเป็นหญิงหมั้นหมายมีเจ้าของ ช่างน่าเสียดายแทนใบหน้าเล็กที่เหมือนกับนางฟ้าของเจ้าจริง ๆ”
พูดเสร็จ สีหน้าของหญิงที่ลูกสาวของนางได้รับคัดเลือกก็ใกล้จะเขียวคล้ำ
ทว่าเจียงป่าวชิงได้รับข่าวสารที่ตัวเองต้องการแล้วจึงพูดอย่างขอไปที และแสดงท่าทางเสียดายที่ตัวเองเพิ่งหมั้นหมายไป นางก้มศีรษะขอบคุณทั้งสองก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
ชั่วพริบตาเดียวที่หมุนตัว เดิมทีรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าก็แทบหายไปในฉับพลัน เจียงป่าวชิงขมวดคิ้วครุ่นคิดในใจ
หลังจากที่เจียงป่าวชิงกลับถึงบ้านก็เห็นว่าในลานบ้านมีฟืนเพิ่มมาสองเชือกจึงรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยและรีบไปถามเจียงหยุนชาน “พี่ พี่ขึ้นเขาไปตัดฟืนมาหรือเจ้าคะ ?”
เจียงหยุนชานส่ายหน้า “เปล่า พี่ต้าหูเอามาให้น่ะ เขาบอกว่าเจ้าเป็นเด็กผู้หญิงและข้าเองก็เป็นปัญญาชนอะไรประมาณนั้น พอพี่ต้าหูเอามาให้เขาก็วิ่งหนีไปเลย ข้าจะห้ามก็ห้ามไม่ทัน”
เจียงป่าวชิงพยักหน้าพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น “นี่ถือว่าเป็นน้ำใจของพี่ต้าหู ไว้ฉันเข้าไปเด็ดผลไม้ในป่าแล้วจะเอาไปให้เขาด้วยเหมือนกัน ถือว่าเป็นการสนองตอบด้วยมารยาทที่ดี”
เจียงหยุนชานพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ถึงตอนนั้นเจ้าก็เรียกข้าหน่อยนะ ข้าจะไปกับเจ้า ถือว่าเป็นการยืดเส้นยืดสายไปในตัวด้วย”
สองพี่น้องพูดคุยกันอย่างเฮฮาแล้วเข้าไปในห้องด้วยกัน