แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 258 ประทับลายนิ้วมือ
ผ่านไปไม่นานก็มีรถม้าสามคันค่อย ๆ เคลื่อนมายังทางเข้าหมู่บ้านอย่างช้า ๆ
หลีโผจื่อกับโจซื่อมองดูรถม้าที่ตกแต่งอย่างหรูหราทั้งสามคันนั้น แววตาพวกนางทอประกายกล้า ไม่สามารถปกปิดแสงแห่งความโลภในดวงตาของพวกนางได้
แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงหลีโผจื่อกับโจซื่อสองคนที่มองตาค้าง ชาวบ้านหลายคนต่างมองดูรถม้าทั้งสามคันด้วยตาเป็นประกายกันทั้งนั้น
รถม้าทั้งสามคันไปจอดตรงจุดที่ไม่ไกลจากวัดบนภูเขา
พ่อบ้านหวังกับชายวัยกลางคนอีกคนที่แต่งตัวคล้ายกันกระโดดลงจากรถม้าคันแรก เพียงเท่านั้น ชาวบ้านที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อรีบเข้าไปล้อมพวกเขาทันที และพากันเรียก “พ่อบ้านหวัง” เสียงดัง
พ่อบ้านหวังกวาดตามองสำรวจโดยรอบก่อนเป็นอันดับแรก จนสายตาของเขาเลื่อนไปหยุดบนใบหน้าของเจียงป่าวชิง เขาก็เผยสีหน้าพึงพอใจออกมาให้เห็น
“ทุกคนอย่าได้ร้อนใจไป” พ่อบ้านหวังพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “นายท่านของข้ารู้ว่ามีผู้หญิงดี ๆ มากมายที่หมู่บ้านของเรา เหมือนเขาจะบอกว่าเขาต้องการรับเมียน้อยเพิ่มอีกสักสองสามคน”
ทันทีที่ข่าวนี้หลุดออกไป พวกชาวบ้านเผยสีหน้าดีใจออกมาให้เห็น และมีคนจำนวนหนึ่งพูดกำชับลูกสาวบ้านตัวเองด้วยความตื่นเต้นว่าถึงตอนนั้นต้องแสดงฝีมือให้ดี ๆ และพยายามอยู่ต่อให้ได้นาน ๆ
พวกผู้หญิงหลายคนฮึกเหิม แต่ละคนต่างต้องการฉวยที่นั่งเมียน้อยเหล่านี้มาไว้ในครอบครอง
โจซื่อกับหลีโผจื่อเองก็ร้อนใจเช่นกัน หลีโผจื่อจึงหันไปพูดกับเจียงป่าวชิง “เจ้าจะยืนอยู่ที่นี่อีกทำไม ? รีบไปตีสนิทกับพ่อบ้านหวังสิ ตาเจ้าช่างไม่มีแววเอาซะเลย” พูดเสร็จ นางก็ใช้แขนกระทุ้งเจียงป่าวชิงทีสองที
เจียงป่าวชิงเอียงตัวหลบ ทำให้หลีโผจื่อกระทุ้งอากาศและเกือบจะยืนเซ
หลีโผจื่อถลึงตาใส่เจียงป่าวชิงด้วยความโกรธ แต่นางกังวลเรื่องที่พ่อบ้านหวังอยู่ที่นี่ มันไม่ดีหากทะเลาะกับเจียงป่าวชิงต่อหน้าพ่อบ้าน ยิ่งนึกถึงเงินห้าสิบตำลึงนั้นอีกครั้ง หลีโผจื่อก็ฉีกมุมปากแล้วฝืนยิ้ม “เจ้าเด็กนี่…”
เจียงป่าวชิงพูดขึ้น “ตีสนิทกับพ่อบ้านหวังแล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะเจ้าคะ สุดท้ายคนที่ตัดสินใจว่าจะอยู่หรือไม่คือนายกาวต่างหาก นี่คือการเลือกเมียน้อยของนายกาว พ่อบ้านหวังไม่ได้เป็นคนเลือกสักหน่อย”
หลีโผจื่อสำลักกับคำพูดของเจียงป่าวชิง นางหน้าดำคร่ำครึ และตอนที่นางกำลังจะก่นด่าเจียงป่าวชิงด้วยคำพูดที่เคยใช้ด่ามาแล้วเป็นพัน ๆ ครั้งนั้น โจซื่อรีบดึงหลีโผจื่ออย่างมือไวตาไวเสียก่อน นางกระซิบ “พอได้แล้วแม่ ช่วงเวลาแบบนี้เราต้องใจเย็น ๆ แม่ดูสิพ่อบ้านหวังเริ่มแจกเงินแล้วนะ”
พูดถึงเรื่องแจกเงิน หลีโผจื่อตาเป็นประกาย นางรีบเบียดเข้าไปหาพ่อบ้านหวังโดยไม่สนใจเจียงป่าวชิงอีก
“เอ๊ะ! อย่าเบียด อย่าเบียดกันสิ” พ่อบ้านหวังพูดขึ้นเสียงดัง “ต่อแถวให้ดี ๆ เราจำเป็นต้องลงชื่อกำกับสำหรับเงินนี้ มิเช่นนั้นมันจะแย่ถ้าหากว่ามีคนตกหล่น พวกป้า ๆ ทั้งหลาย ถ้าเบียดกันอีกข้าจะตัดสิทธิ์ทุกคนทั้งหมด”
การขู่ด้วยคำว่าตัดสิทธิ์ใช้ได้ผลมากกว่าสิ่งอื่นใด เดิมทีพวกหญิงชาวบ้านที่กำลังเบียดกันกลมก็รีบรวมตัวกันเป็นแถวยาวอย่างว่านอนสอนง่ายทันที
พ่อบ้านหวังพยักหน้าพึงพอใจ มือสอดลงในกระเป๋าและหยิบเงินก้อนโตออกมา
พวกชาวบ้านเบิกตากว้างไปพร้อม ๆ กัน
ขณะนั้น ชายอีกคนที่ท่าทางคล้ายกับพ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างพ่อบ้านหวังรับผิดชอบในการให้ชาวบ้านลงชื่อ ใครที่ต้องการรับเงินจากพ่อบ้านหวังจะต้องบอกชื่อและวันเดือนปีเกิดของลูกสาวก่อน โดยที่พ่อบ้านที่มาใหม่จะเป็นคนดูแลตรงส่วนนี้เอง เมื่อลงชื่อเสร็จก็ต้องประทับลายนิ้วมือลงบนกระดาษแผ่นนั้นด้วย ซึ่งนี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเอาเงินไปแล้วแต่กลับมาเอาอีก
หญิงชาวบ้านคนแรกที่มารับเงิน นางเห็นเงินสามตำลึงที่อยู่ในมือของพ่อบ้านหวังก็ยิ้มจนตาหยี
พ่อบ้านที่มาใหม่หยิบกระดาษหลักฐานที่เขียนเสร็จแล้วให้หญิงชาวบ้านดู “ลองดูผ่านตา ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็แปะลายนิ้วมือซะ”
หญิงชาวบ้านโบกมือไปมาอย่างใจกว้าง “ข้าไม่รู้หนังสือ ไม่เป็นไรจ้ะ นี่ก็แค่ยืนยันว่าข้ารับเงินแล้วไม่ใช่รึ ? คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก” พูดเสร็จนางก็กดนิ้วลงไปบนแผ่นหมึกด้านข้างและกดนิ้วลงไปบนกระดาษหลักฐานแผ่นนั้นอีกครั้งโดยทิ้งรอยนิ้วมือสีแดงสดไว้
หญิงชาวบ้านฉีกยิ้ม “แบบนี้ได้แล้วใช่ไหม ?” นางรีบยื่นมือออกไปหาพ่อบ้านหวังอย่างคนทนรอไม่ไหว แต่พ่อบ้านหวังยังคงมอบเงินสามตำลึงให้นางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เจียงป่าวชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
เนื่องจากความมุ่งมั่นอันแข็งแกร่งของหลีโผจื่อ ก็ถึงคราวของหลีโผจื่อในไม่ช้า นางแบมือรอพ่อบ้านหวังด้วยความตื่นเต้น “ไหน ๆ ๆ รีบเอาเงินให้ข้าเร็วสิ”
พ่อบ้านหวังที่ยังไม่ส่งเงินให้หลีโผจื่อพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ป้าอย่าได้ร้อนใจ ไปลงชื่อเพื่อเป็นหลักฐานตรงนั้นก่อนเถอะ”
หลีโผจื่อไม่ค่อยเต็มใจ แต่นางยังคงเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพ่อบ้านผู้มาใหม่ที่อยู่ด้านข้างอยู่ดี
แต่หลังจากที่หลีโผจื่อบอกชื่อเจียงป่าวชิงแล้ว นางก็นิ่งค้างตอนที่กำลังจะบอกวันเดือนปีเกิดของเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงที่อยู่ด้านข้างพูดบอก “วันเกิด” ของตัวเองอย่างเข้าใจ และแน่นอนว่านางบอกตัวเลขที่คล้ายกับวันเกิดของตัวเองออกไปโดยไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ
พ่อบ้านที่มาใหม่มองหลีโผจื่ออีกครั้ง “วันนี้ไม่ผิดแน่ใช่ไหม ?”
หลีโผจื่อจะจำวันเกิดของเจียงป่าวชิงได้อย่างไร นางพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “ไม่ผิดหรอกไม่ผิด วันนี้แหละ”
เมื่อพ่อบ้านที่มาใหม่เขียนเอกสารหลักฐานเสร็จแล้ว เขาก็หยิบให้หลีโผจื่อดูอีกครั้ง หลีโผจื่อเอาแต่นึกถึงเงินสามตำลึงจึงรู้สึกรำคาญใจอยู่พอสมควร และตอนที่นางกำลังจะบอกว่าประทับลายนิ้วมือเลยก็ได้นั้น ก็เห็นเจียงป่าวชิงที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้างนางตั้งแต่เมื่อไหร่หัวเราะคิกคักพลางยื่นมือออกมารับกระดาษแผ่นนั้น
“ให้ข้าดูหน่อยได้ไหมจ๊ะ ?”
แต่พ่อบ้านที่มาใหม่กลับลังเลอยู่สักครู่
หลีโผจื่ออยากด่าจริง ๆ แต่นางคอยนึกถึงเงินสามตำลึงนั้นและฝืนยิ้มอย่างกล้ำกลืนฝืนทน “ป่าวชิง อย่าทำให้เสียเวลาสิ เจ้าไม่รู้หนังสือสักหน่อย จะดูไปทำไม ?”
ได้ยินว่าที่แท้เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่รู้หนังสือ พ่อบ้านที่มาใหม่รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ไหล่ที่ยืดตึงของเขาคลายออก
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ ไม่รู้หนังสือคือไม่รู้หนังสือ ข้าก็แค่สงสัยเลยอยากดูนิดหน่อยก็เท่านั้น”
แต่พ่อบ้านที่มาใหม่กลับโบกกระดาษหลักฐานตรงหน้าเจียงป่าวชิงอย่างขอไปที แล้วหันไปพูดเร่งหลีโผจื่อ “ป้า ป้ารีบประทับลายนิ้วมือเร็วเข้าสิ ข้างหลังยังมีคนรออยู่”
หลีโผจื่อเองก็ร้อนใจอยากรับเงินสามตำลึงนั้นไว้ไว ๆ ได้เงินเมื่อไหร่นางถึงจะรู้สึกสบายใจ นางรีบประทับลายนิ้วมืออย่างรวดเร็ว
เจียงป่าวชิงตาดีมาก ถึงแม้ว่าพ่อบ้านที่มาใหม่จะเอามือบังตอนที่เขากดเอกสารหลักฐานแผ่นนี้ลงไปบนโต๊ะเล็ก ๆ แต่เจียงป่าวชิงก็ยังอ่านเนื้อหาบางส่วนได้อย่างรวดเร็ว
เจียงป่าวชิงรู้ทุกอย่างแล้วแต่ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงยืนอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ เท่านั้น
พ่อบ้านที่มาใหม่มองเจียงป่าวชิงด้วยความประหม่า ทว่าเมื่อเขาเห็นว่าเจียงป่าวชิงยังคงยืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม เขาถึงจะรู้สึกโล่งใจโดยสิ้นเชิง
หลีโผจื่อกำเงินสามตำลึงนั้น ใบหน้าชรามีรอยย่นแทบจะยิ้มแย้มบานเป็นดอกเก๊กฮวยอยู่แล้ว นางนึกไปถึงตอนที่เจียงป่าวชิงถูกให้อยู่ต่อ ตอนนั้นนางก็จะได้รับเงินอีกห้าสิบตำลึงในภายหลัง ความรู้สึกพอใจจนจะตายก่อเกิดในใจนางอย่างห้ามไม่อยู่
ชั่วครู่หนึ่งหลีโผจื่อรู้สึกถูกชะตาเจียงป่าวชิงอย่างไม่เคยมีมาก่อน
สิบกว่าครอบครัว จะบอกว่าเร็วก็ไม่เร็ว บอกว่าช้าก็ไม่ช้า ในที่สุดขั้นตอนการลงชื่อและประทับรอยนิ้วมือก็แล้วเสร็จ
ขณะนี้ ควรถึงเวลาแบ่งรถม้าแล้ว มีเด็กผู้หญิงทั้งหมดสิบสามคน เด็กผู้หญิงหกคนต่อรถม้าหนึ่งคัน เมื่อเทียบจำนวนคนกับจำนวนรถม้า จะต้องเหลือเด็กผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่เหมือนเป็นเศษเกินมา
สายตาของพ่อบ้านหวังมองสำรวจอยู่ในกลุ่มคน เพียงครู่เดียวเขาก็เรียกชื่อเจียงป่าวชิง “แม่นางที่ชื่อเจียงป่าวชิง เจ้าไปนั่งกับพวกข้า”
ในชั่วขณะหนึ่ง สายตามากกว่าสิบคู่แทบจะทิ่มแทงเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นยิ้ม ๆ “พ่อบ้านทั้งสองน่าจะเหนื่อยจากการนั่งรถตอนเดินทางมา ข้าไม่กล้ารบกวนจริง ๆ จ้ะ ให้ข้าไปนั่งเบียดกับพวกพี่ ๆ น้อง ๆ คนอื่นก็ได้นะ”
ความหงุดหงิดปรากฏขึ้นในดวงตาของพ่อบ้านหวัง แต่ตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายจึงพูดอะไรมากไม่ได้ เขาแอบคำนวณอยู่ในใจว่าถ้าผ่านช่วงเวลานี้ไป เขาจะต้องทำให้สาวงามคนนี้รู้ถึงความยอดเยี่ยมของเขาให้ได้