แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 259 ขวางทาง
ถึงจะบอกว่า “เบียด” กับผู้หญิงอีกหกคน แต่ความเป็นจริงพื้นที่ของรถม้าไม่เล็กเลย และการเพิ่มเจียงป่าวชิงที่มีรูปร่างผอมแห้งแบบเรียกได้ว่ากระจุ๋มกระจิ๋มก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
แม้เป็นเช่นนี้ ตอนที่เจียงป่าวชิงขึ้นรถม้า หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในรถม้ากลับกลอกตาใส่นาง และเดินบิดเอวลงจากรถ “เจ้ามันคนไม่รู้จักวางตัว หึ! ข้าจะไปนั่งรถม้าคันเดียวกับพ่อบ้านหวังเอง นี่ข้าให้เกียรติเจ้าแล้วนะ เจ้าอุตส่าห์ได้รับโอกาสดี ๆ แต่ยังจะมามัวเสแสร้งอยู่อีก ถุย!”
เจียงป่าวชิงแสดงสีหน้าราบเรียบ ก่อนจะพูดขึ้นนิ่ง ๆ “อืม หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะไปนั่งรถม้าคันนั้นอย่างว่านอนสอนง่าย”
หญิงคนนั้นเหมือนได้ฟังเรื่องขำขันที่ตลกมากอย่างไรอย่างนั้น นางแสยะยิ้ม ใช้สายตาทิ่มแทงเจียงป่าวชิงและพูดอย่างไม่ไว้หน้า “โย! เจ้าคิดว่าพวกข้าหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเหมือนเจ้าที่เกิดมาพร้อมกับรูปลักษณ์ยั่วผู้ชายแบบนั้นรึ ?”
เจียงป่าวชิงทำเป็นไม่ได้ยิน ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นก่นด่าอยู่สักครู่จนอีกฝ่ายเห็นว่านางไม่สนใจจึงถลึงตาใส่เจียงป่าวชิงอย่างแค้นใจและเดินบิดเอวขึ้นรถม้าของพวกพ่อบ้านหวังในที่สุด
รถม้าทั้งสามคันวิ่งไปตามเส้นทางบนภูเขาและเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านหลิวเจียอีกครั้ง
นี่เป็นครั้งแรกที่สาว ๆ หลายคนในหมู่บ้านบนภูเขาเหล่านี้ได้นั่งรถม้า ความรู้สึกของพวกนางเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น มือลูบคลำตรงนี้ที สายตาก็มองดูตรงนั้นที ทำให้บรรยากาศในรถม้าดูยุ่งเหยิง
ตอนที่เด็กสาวเหล่านั้นกำลังเล่นกัน เจียงป่าวชิงก็ถูกกระแทกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงพยายามหลบหลีกไม่ให้คนอื่นกระแทกมาโดนก็เท่านั้น
“เฮ้!” อยู่ ๆ ก็มีผู้หญิงที่กล้าหาญคนหนึ่งชวนเจียงป่าวชิงคุย “เจ้าหมั้นหมายแล้วจริง ๆ รึ ?”
เมื่อคำถามนี้หลุดออกมา เด็กสาวคนอื่น ๆ ในรถม้าก็เงียบลงแทบจะในทันที ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เจียงป่าวชิงกวาดตามองทุก ๆ คน
เจียงป่าวชิงพยายามขยับเคลื่อนไปที่ข้างหน้าต่างรถม้า เลิกม่านหน้าต่างเพื่อมองดูทิวทัศน์ข้างนอก และเอ่ยตอบอย่างเรียบง่ายไปด้วย “ไม่ใช่”
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงที่กล้าหาญคนนั้นรู้สึกไม่พอใจต่อท่าทางเอ้อระเหยของเจียงป่าวชิง นางจึงอดไม่ได้ กระทุ้งเจียงป่าวชิงไปทีสองที
ในยามปกติ ผู้หญิงในหมู่บ้านของพวกนางต่างหยาบคายกันจนชินแล้ว เจ้าตีข้า ข้าแทงเจ้า นี่ถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก
แต่ข้อศอกของหญิงผู้กล้าหาญเพิ่งยื่นออกไป เจียงป่าวชิงก็เก็บสายตากลับมาจากนอกหน้าต่าง และมองหน้าหญิงผู้กล้าหาญด้วยสายตาแฝงปนไปด้วยระลอกคลื่นอารมณ์
เจียงป่าวชิงไม่ได้พูดอะไร แต่หญิงผู้กล้าหาญคนนั้นกลับหดแขนตัวเองกลับมาด้วยใบหน้าเหยเก ทว่านางยังคงอดไม่ได้ที่จะพร่ำบ่น “ทำอะไรน่ะ เจ้านี่ก็เสแสร้งอยู่ได้นะ”
หลังจากเหตุการณ์นี้ บรรยากาศในรถม้าคันนี้ก็ดูแปลกไปเล็กน้อย แม้จะมีเด็กผู้หญิงที่ห่างบ้านสองสามคนกำลังพูดคุยกัน แต่ก็พากันลดระดับเสียงลงอย่างไม่รู้ตัว
‘แม่นางเจียงป่าวชิงคนนี้หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มดี แต่นิสัยแปลกประหลาดเกินไปหน่อย’ พวกเด็กสาวในรถม้าต่างก็คิดเช่นนี้เหมือน ๆ กัน
ขณะนี้เจียงป่าวชิงไม่มีอะไรต้องกังวลเกี่ยวกับการปรับบรรยากาศในรถม้ากับสาว ๆ เหล่านี้ นางจำได้แล้วว่าตั้งแต่ทางแยกเมื่อสักครู่ เส้นทางที่รถม้าเหล่านี้เดินทางไปไม่ใช่เส้นทางเข้าไปในอำเภอ
เจียงป่าวชิงหลุบสายตาลง ใช้มือลูบคลำกำไลข้อมือที่สวมอยู่บนข้อมือซ้ายเบา ๆ
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นางฝึกจนกลายเป็นความเคยชิน เมื่อใดก็ตามที่ลูบคลำกำไลข้อมือนี้ หัวใจของนางถึงจะสงบลง
รถม้าเคลื่อนที่ไปสักพักใหญ่ ในที่สุด หญิงสาวคนหนึ่งรู้สึกผิดสังเกตและเกิดความสงสัย “เอ๊ะ! ทำไมข้าดูแล้วถึงรู้สึกว่าเส้นทางนี้มันผิดปกติไปล่ะ ?”
นางเคยไปที่ในอำเภอพร้อมกับครอบครัวสองสามครั้ง จึงมีภาพความทรงจำต่อเส้นทางที่เข้าไปในอำเภออยู่บ้าง ดูเหมือนว่าไม่นานหลังจากออกจากถนนบนภูเขาในหมู่บ้านหลิวเจีย เส้นทางที่ต้องผ่านระหว่างทางไปที่อำเภอ ตรงทางแยกนั้นจะมีต้นฉัตรขนาดใหญ่ที่คอเอียงต้นหนึ่ง ซึ่งระหว่างทางนี้ หญิงสาวคนนี้เห็นต้นฉัตรมากมาย แต่ไม่มีต้นใดที่เป็นต้นฉัตรขนาดใหญ่ที่คอเอียงและถูกแมลงกัดกินลำต้นไปมากกว่าครึ่งอย่างต้นนั้นที่นางคุ้นเคยเลย
แต่เพราะนางไม่ได้จ้องหน้าต่างตลอดเวลาจึงคิดว่าตนเองมองข้ามไป และเพียงพูดบ่นนิดหน่อยก็เท่านั้น
ทว่ายิ่งเดินทางไกลขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวคนที่มองทิวทัศน์นอกหน้าต่างก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่านี่ไม่ใช่ถนนไปยังอำเภอ นางจึงบ่นมากยิ่งขึ้น และเมื่อมองดูสภาพในภูเขากับป่าสองข้างทางแล้ว ทำไมถึงรู้สึกว่ายิ่งเคลื่อนที่เข้าไปในป่าขึ้นเรื่อย ๆ เลยล่ะ
และในขณะนี้ จู่ ๆ คนบังคับรถม้าที่บังคับรถม้าคันหน้าสุดก็ดึงบังเหียนอย่างกะทันหัน ต่อจากนั้นไม่นานพ่อบ้านหวังก็ลงจากตัวรถด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“เกิดอะไรขึ้น ?” เขาถามเสียงขุ่นราวกับเพิ่งถูกใครบางคนรบกวนและรู้สึกหงุดหงิดในภายหลังทำนองนั้น
เต่เมื่อเขาลงจากรถม้าก็เหมือนถูกฟ้าผ่าแทบจะในทันที ได้แต่ยืนตะลึงอยู่กับที่ ไม่คิดเลยว่าเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานดูแลความปลอดภัยบ้านเมืองสองสามคนจะปรากฏตัว พากันมายืนรักษาความปลอดภัยอยู่ตรงทางแยกในป่ารกร้างแห่งนี้
แน่นอนว่ารถม้าที่นำขบวนหยุด รถม้าสองคันด้านหลังก็ต้องหยุดเป็นธรรมดา
คนบังคับรถม้าตัวสั่นจนพูดอะไรไม่ออก แต่สมแล้วที่พ่อบ้านหวังเป็นพ่อบ้านผู้นำ เขาใจกล้ามาก รีบสูดหายใจเข้าลึกปรับอารมณ์อย่างรวดเร็วพลางเดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าเป็นมิตรเต็มที่ และถูมือเอ่ยถาม “พวกพี่เจ้าหน้าที่ มีอะไรหรือขอรับ ?”
เจ้าหน้าที่พูดขึ้นยิ้ม ๆ “เจ้าไม่ต้องตกใจ เราคือเจ้าหน้าที่จากที่ว่าการอำเภอฉือเจีย ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีกลุ่มโจรกลุ่มใหญ่หนีการจับกุมไปและก่ออาชญากรรมทั่วทุกหนทุกแห่ง ท่านขุนนางอำเภอของเราจึงสั่งให้เฝ้ารักษาถนนสายที่ออกจากอำเภอทั้งหมด เพื่อที่โจรกลุ่มนั้นจะได้ไม่หนีไปที่อื่น”
พ่อบ้านหวังรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย แต่ตัวเขายังรู้สึกตึง ๆ อยู่จึงไม่กล้าประมาท “พวกพี่เจ้าหน้าที่ลำบากหน่อยนะ แต่พวกข้ายังต้องเร่งการเดินทาง พี่ลองดูซิว่า…” พ่อบ้านหวังยัดเศษเงินใส่ในมือเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้าราบเรียบ
เจ้าหน้าที่ชั่งน้ำหนักของเงินต่อหน้าพ่อบ้านหวัง เก็บเข้ากระเป๋าแขนเสื้อและเผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งกว่าเดิมออกมาทางสีหน้า
พ่อบ้านหวังรู้สึกโล่งใจ เขาไม่กลัวว่าเจ้าหน้าที่จะขวางทางเพื่อขอเงิน แต่กลัวว่าเจ้าหน้าที่จะไม่รับเงินของเขาต่างหากล่ะ
แต่ในเมื่อตอนนี้รับเงินแล้ว แสดงว่าเรื่องนี้ก็ง่ายต่อการปรึกษาหารือ
เจ้าหน้าที่พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าต้องเร่งการเดินทางก็ต้องปล่อยผ่านไปให้เร็วที่สุด แต่เบื้องบนมีคำสั่งมาอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ ฉะนั้นข้าต้องทำการตรวจสอบตามกฎระเบียบ หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสา”
พ่อบ้านหวังรีบพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “ได้ ได้เลย นี่เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วล่ะ เชิญ ๆ ๆ” เขาขยับเข้าไปใกล้เจ้าหน้าที่คนนั้น “แต่เอ่อ… ข้าขอพูดตรง ๆ แบบไม่ปิดบัง ในรถม้าแต่ละคันนี่คือผู้หญิงที่ข้าเลือกให้นายท่านของข้า และคิดจะพาตัวพวกนางกลับไปให้นายท่านของข้าทำการเลือกเมียน้อยน่ะ”
เจ้าหน้าที่พยักหน้า เขาเผยรอยยิ้มที่คนเป็นชายเขารู้กันออกมาให้เห็น “นายท่านของเจ้าช่างมีบุญวาสนาจริง ๆ” พูดเสร็จ เขาก็เดินไปด้านหน้า เลิกม่านรถออกเผยให้เห็นใบหน้าที่มีชีวิตชีวาของหญิงสาวในหมู่บ้านบนภูเขาปรากฏขึ้นข้างใน
คนในหมู่บ้านต่างเคารพยำเกรงต่อพวกเจ้าหน้าที่กันทั้งนั้น หญิงสาวสองสามคนจึงอดไม่ได้ที่จะขดตัวและกลืนน้ำลาย แต่จากนั้นกลับมีนางหนึ่งกล้าพูดขึ้นมา “พี่เจ้าหน้าที่ เราต่างเป็นเด็กผู้หญิง ไม่ได้เป็นโจรอะไรอย่างที่พี่พูดหรอกจ้ะ”
เจ้าหน้าที่พยักหน้า แต่สายตาของเขาเลื่อนไปหยุดที่เจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงก้มหน้า ขณะที่หญิงสาวสองสามคนที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะรู้สึกริษยาเล็กน้อย
หน้าตางดงามคือเรื่องดี ไปที่ไหนต่างก็ดึงดูดสายตาผู้คน
เจ้าหน้าที่ปล่อยม่านรถก่อนจะเดินไปดูรถม้าคันหลัง แล้วถึงจะกลับมาพูดกับพ่อบ้านหวัง “ดูท่าแล้วโจรคงจะไม่ได้ซ่อนอยู่ในกลุ่มหญิงสาวเหล่านี้หรอก”
พ่อบ้านหวังพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ใช่! …พี่เจ้าหน้าที่ พี่ว่าพวกข้าสามารถไปได้หรือยังขอรับ ?” พูดเสร็จ เขาก็ยัดเงินให้เจ้าหน้าที่อย่างปวดใจอีกครั้ง