แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 272 จงใจทำร้ายคนอื่น สุดท้ายถูกทำร้ายซะเอง
ป้าหนิวเบะปาก ก่อนจะหัวเราะร่วนอย่างเหน็บแนมเต็มที่ “โหย ครอบครัวของพวกเจ้านี่ช่างน่าสนใจจริง ๆ มีอะไรพวกเจ้าก็โทษเจียงป่าวชิงหมด พวกเราตั้งมากมายหลายลูกตาเห็นชัดเจนว่าป่าวชิงเพิ่งมาจากข้างนอกห้อง ทำไม เด็กทั้งสองคนของบ้านพวกเจ้าปิดประตูแอบทำอะไรแผลง ๆ กันอยู่ในห้องสองต่อสอง แต่โทษคนที่อยู่นอกห้องได้รึ ? ถึงแม้ป่าวชิงจะมีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก แต่เราเห็นยังไงก็พูดไปอย่างนั้น พวกที่ฉุดดึงคนอื่น หาว่าทำเรื่องชั่วแบบนั้นมันทุเรศนัก!”
สีหน้าโจซื่อบิดเบี้ยวเหยเกสุดแสนจะดูไม่ได้
ในที่สุดเจียงป่าวชิงก็พูดขึ้น น้ำเสียงของนางนุ่มนวลทว่าดังฟังชัดมาก “ทุกคนฟังนะจ๊ะ อันที่จริงมันเป็นแบบนี้ เฉียนเซียงเซียงบอกข้าว่านางเห็นเจียงโหย่วฉายพาตัวพี่ชายข้าไป แถมยังบอกว่าช่วงนี้เจียงโหย่วฉายโหดร้ายมาก เกรงว่าเขาจะทำอะไรพี่ชายข้า พวกเราเลยจะไปหาโหย่วฉายแต่เฉียนเซียงเซียงพาข้าไปที่ริมแม่น้ำ และข้าก็เก็บสิ่งนี้ได้”
เจียงป่าวชิงหยิบถุงหอมในอ้อมแขนออกมา
ทันทีที่เจียงหยุนชานเห็นถุงหอมอันนั้น เขาก็เอื้อมมือไปคลำตรงเอวโดยไม่รู้ตัว และไม่เจอกับถุงหอมนั้นจึงพูดขึ้นอย่างแปลกใจ “หืม ? ข้าไม่ได้เจอโหย่วฉายนะ แต่พี่เอ้อยาบอกข้าว่านางอยากถามข้าเกี่ยวกับเรื่องการเรียนของโหย่วฉาย ข้ากับพี่เอ้อยาจึงไปคุยกันในห้องหนึ่ง จากนั้น…”
แม้ตอนนี้เจียงหยุนชานจะมึนศีรษะมากแค่ไหน แต่เขาก็จำอะไรได้แล้วในขณะนี้ สายตาเขาเลื่อนไปมองเจียงเอ้อยาด้วยอารมณ์ซับซ้อนและพูดขึ้น “จากนั้นข้าก็หมดสติไปได้ยังไงไม่รู้ ตอนที่ฟื้นขึ้นมา พี่เอ้อยาก็พาข้ามาที่นี่”
เจียงเอ้อยาพูดอย่างลุกลี้ลุกลนท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย “ไม่นะ ที่หยุนชานเป็นลมก็เพราะช่วงนี้เขาเหนื่อยเกินไปต่างหากล่ะ”
เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะ นางพูดต่อโดยไม่สนใจเจียงเอ้อยา “ต่อมา เฉียนเซียงเซียงก็ให้ข้ามาที่ห้องนี้ นางบอกว่าจะออกไปตามพี่หยุนชานให้ แต่รออยู่นานก็ไม่มีใครกลับมาสักที ข้าจึงออกไปหาพี่ชายข้าด้วยตัวเองซะเลย แต่แล้วเมื่อสักครู่ ข้าได้ยินเสียงดังมากแถมยังมีคนเรียกชื่อข้าด้วย ข้าก็เลยมาดูน่ะจ้ะ”
แน่นอนว่าเจียงป่าวชิงพูดจริงบ้างไม่จริงบ้างในช่วงหลัง
นางไม่ได้ออกไป แค่หลบอยู่ด้านหลังของกองนั้น รอจนทุกคนสนใจเฉียนเซียงเซียงกับเฉียนจินหวู่ที่นอนอยู่บนเตียง นางก็ค่อยแอบย่องออกไปและแสร้งทำเป็นเดินเข้ามาจากด้านนอก
เฉียนเซียงเซียงระเบิดอารมณ์พลุ่งพล่าน นางตะโกนชื่อเจียงป่าวชิงด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น “เจียงป่าวชิง! เจ้าพล่ามอะไร ทุกคน นางโกหก! นางกำลังโกหกนะอย่าไปฟัง ก็เห็นอยู่ว่านางดื่มชานั้นหมดแล้ว เป็นไปได้ยัง…”
เฉียนเซียงเซียงหยุดชะงักทันที นางสะดุ้งที่ตัวเองเผลอโพล่งอะไรที่ไม่ควรออกไป
เจียงป่าวชิงยกยิ้มมุมปากอย่างสะใจ แววตาสาวน้อยเย็นชา “ข้าทำไม ? เจ้าพูดสิ ข้าดื่มชาไม่ได้หรือไง ? อะไรคือเป็นไปได้ยังไง” เจียงป่าวชิงลากเสียงให้ยาวขึ้น “อ้อ หรือว่าในน้ำชาที่เจ้าเอามาให้ข้ามันมีอะไร”
“ไม่ ไม่มี! ไม่มีนะ!” เฉียนเซียงเซียงรีบพูดขึ้นเสียงดังอย่างร้อนรน
เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะ
แววตาของพวกชาวบ้านที่มามุงดูเฉียนเซียงเซียงกับเฉียนจินหวู่ยิ่งซับซ้อนมากขึ้น พวกคนที่มีความสามารถในการคิดคล่องตัวกำลังคิดว่าที่แท้ในน้ำชานั้นก็ถูกแอบใส่ยาอะไรลงไปนี่เอง ไม่แน่พวกเขาสองคนอาจอยากทำร้ายเจียงป่าวชิงแต่ไม่สำเร็จ และไปทำอีท่าไหนไม่รู้อย่างไม่ระวัง สุดท้ายจึงลงเอยด้วยการทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้
ส่วนทำไมถึงคิดจะทำร้ายเจียงป่าวชิงนั้น เหอะ ๆ มองดูหน้าตาของเจียงป่าวชิงก็รู้แล้ว เจียงป่าวชิงเป็นเด็กสาวที่งดงาม ทั้งสวยทั้งน่ารักจิ้มลิ้มขนาดนั้น คงชวนให้ผู้คนโหยหาไม่น้อย
ต้องบอกเลยว่ามันสมองการคิดคาดเดาสิ่งต่าง ๆ ของคนพวกนี้เกือบจะตรงกันเป๊ะเลยก็ว่าได้
โจซื่อตื่นตัวเต็มที่ นางรู้สึกว่านี่เป็นการจับผิดท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย ตอนนี้ไม่ว่านางจะพูดยังไงก็คงไม่มีใครเชื่อโดยสิ้นเชิง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจียงป่าวชิงเดินเข้ามาจากด้านนอกต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก เป็นการประกาศว่านางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
โจซื่อกัดฟันแน่น เรื่องนี้พวกนางแพ้แล้ว นางคิดอย่างแค้นใจและหันไปถลึงตาใส่เจียงเอ้อยาอย่างอดไม่ได้
แล้วดูสิ ไม่คิดว่าจะไปพูดถึงโหย่วฉายด้วย ไอ้เด็กบ้านี่! กลัวว่าชื่อเสียงของน้องชายเจ้าจะไม่ย่ำแย่พอรึไง!
“พอได้แล้ว เด็กมันก็แค่หยอกเล่นกันเท่านั้น พวกเจ้ามามุงดูอะไร กลับไปซะ” โจซื่อไล่ผู้คนออกไป “ในเมื่อไม่มีใครเป็นอะไร ทุกคนก็แยกย้ายกลับกันได้แล้ว”
ป้าหนิวหมุนตัวเดินออกจากห้อง “เจ้ายังมาบอกว่าเด็กอีกนะ แต่ละคนโตขนาดนี้แล้ว อายุมากพอที่จะแต่งงานได้แล้วแต่กลับทำเรื่องแบบนี้ได้ลง เหอะ! ข้าไม่ได้ว่านะ แต่ถ้าพี่สาวของสามีเจ้าเอาใจใส่เรื่องการแต่งงานของเด็กสองคนนี้มากกว่านี้ เรื่องที่สองพี่น้องทนเหงาไม่ไหวจนมากินกันเองแบบนี้คงจะไม่เกิดขึ้น”
สีหน้าของโจซื่อเขียวระคนซีด ได้แต่ยืนจ้องพวกชาวบ้านทยอยกันกลับบ้าน
เจียงหยุนชานพูดขึ้นเสียงเบา “ป่าวชิง เราก็กลับกันเถอะ ที่นี่บรรยากาศอึมครึมเต็มไปด้วยพิษร้ายเกินไป ไม่น่าอยู่เลย”
เจียงหยุนชานอ่อนโยนมาโดยตลอด เขาอยากก่นด่าแต่เลือกใช้คำว่า “บรรยากาศอึมครึมเต็มไปด้วยพิษร้าย” แทน ทว่านี่ถือว่าเป็นคำพูดค่อนแขวะที่ถูกใช้อย่างมีสีสันซึ่งแสดงให้เห็นได้ชัดแล้วว่าครั้งนี้เขาโกรธจริง ๆ
เจียงป่าวชิงพยักหน้า และสองพี่น้องก็เดินออกไปข้างนอกห้อง
เฉียนจินหวู่เรียกเจียงป่าวชิงด้วยสีหน้าน่ากลัว “เจียงป่าวชิง นี่ใช่ฝีมือของเจ้าหรือเปล่า ?”
ฝีเท้าของเจียงป่าวชิงหยุดชะงัก นางเอียงหน้ามองเฉียนจินหวู่ มุมปากบางยกยิ้มเยาะหยันแต่แววตากลับเย็นยะเยือก “เจ้าคิดว่าไงล่ะ จงใจจะทำร้ายคนอื่น แต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายถูกทำร้ายซะเอง”
สีหน้าของเฉียนจินหวู่กับเฉียนเซียงเซียงดูย่ำแย่อย่างที่สุด
……
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เรื่องราวของเฉียนจินหวู่และเฉียนเซียงเซียงแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านละแวกนี้ และถูกใส่ไฟจนไม่น่าฟังไปหมดแล้ว
เรื่องถูกเล่าต่อ ๆ กันประมาณว่ากลางวันแสก ๆ แต่ทั้งสองคนกลับข่มกลั้นอารมณ์กระสันไว้ไม่อยู่จนต้องมาอิงแอบอยู่ด้วยกัน และเสียงร้องของทั้งสองนั้นก็ดังไปทั่วทั้งบ้าน
ตอนที่มีคนไปพบทั้งสองคนก็ยังใส่เสื้อผ้าได้ไม่เรียบร้อย ตาหลายคู่เห็นว่าสองพี่น้องกำลังกอดกันกลมอย่างยากจะแยกจากกันอะไรทำนองนั้น
คำพูดลามกอนาจารในเรื่องเล่านั้นแจ่มชัดมาก
สองคนกลายเป็นตัวตลกให้ผู้คนพูดกันสนุกปากไปในชั่วข้ามคืน
…
เจียงเหลียนฮัวร้องไห้จนสลบไปหลายรอบ จิตใจของนางแตกสลายพังทลาย โกรธจนใช้ไม้กวาดฟาดเข้าแผ่นหลังของเฉียนจินหวู่จนเลือดซิบ เฉียนจินหวู่ถูกหวดจนหมดเรี่ยวแรงนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นและถึงกับลุกไม่ขึ้นเลยทีเดียว
เจียงเหลียนฮัวเล่นงานเฉียนจินหวู่แต่นางก็ร้องไห้ไปด้วย “ฮืออออ เจ้าเป็นผู้ชาย ข่าวลือแบบนั้นจะไม่ส่งผลต่อการหาเมียของเจ้า แต่ชื่อเสียงน้องสาวเจ้าถูกเจ้าทำลายเละขนาดนี้ ต่อไปนางจะแต่งงานยังไงแล้วใครจะเอานาง ? …ตั้งแต่น้องสาวเจ้าเกิดมา ข้าก็ประคบประหงมนางอยู่ในฝ่ามือมาโดยตลอด กลัวนางจะลำบาก แต่เจ้ากลับทำเรื่องแบบนี้ได้ลงคอ!”
เฉียนจินหวู่เจ็บจนต้องกลั้นหายใจ เขารู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดจึงไม่พูดอะไร
ช่วงนี้เฉียนเซียงเซียงร้องไห้จนตาบวมตุ่ย นางเห็นเฉียนจินหวู่ถูกฟาดจนเลือดซิบไปทั่วแผ่นหลังของเขา นางก็ร้องไห้โผเข้ากอดแขนแม่ตัวเอง “แม่ อย่าตีเลย พอเถอะเจ้าค่ะ ไม่ใช่ความผิดของพี่เขานะ… ทั้งหมดเป็นเพราะเจียงป่าวชิงนั่น…”
เจียงเหลียนฮัวโยนไม้กวาดทิ้ง นางกอดเฉียนเซียงเซียงทั้งน้ำตา “หัวใจของแม่ เจ้าถูกดูถูกเหยียดหยามขนาดนี้ ยังพูดแทนพี่ชายเจ้าอีก”
สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้
สองแม่ลูกร้องไห้ไปยกหนึ่ง เฉียนจินหวู่ก็ใกล้จะหมดลมหายใจอยู่รอมร่อ เอาเข้าจริงเจียงเหลียนฮัวรู้สึกสงสารลูกจับใจ นางคิดว่าลูกชายตัวเองคิดผิดอย่างมหันต์ที่ไปชอบนางผู้หญิงงูพิษอย่างเจียงป่าวชิง
จุดเริ่มต้นมาจากเรื่องเล็ก ๆ เองไม่ใช่รึ ? ใช่ว่าลูกชายนางจะไม่รับผิดชอบเจียงป่าวชิงสักหน่อย แม้เป็นเมียน้อยแต่ตระกูลเฉียนของนางก็จะไม่ทำให้ไอ้ขอทานเจียงป่าวชิงลำบากอย่างแน่นอน
แต่เจียงป่าวชิงจิตใจต่ำช้าซ้ำนิสัยยังชั่วร้าย ไม่คิดว่านางจะทำลายชีวิตของลูกสาวนางอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้
เจียงเหลียนฮัวขบฟันแน่น “ฮึ่ม! เพราะไอ้เด็กเลวเจียงป่าวชิงนั่นคนเดียว! ข้าจะไม่ให้เจ้าได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่เด็ดขาด!”
.
.