แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 293 เป็นหญิงหรือชาย
สายลมภูเขาพัดผ่านยอดเขาเขียวขจี ราวกับว่าได้นำพาสีเขียวสดชื่นตัดกับขอบฟ้าดูสวยงาม
เจียงป่าวชิงปิดประตูบ้าน เตรียมลงเขาเพื่อไปซื้อของใช้ในชีวิตประจำวัน นางตั้งใจไปหาซื้อของหลายอย่างรวมถึงผ้าฝ้ายสำหรับทำสายรัดเวลาประจำเดือนมา มันจัดเป็นสิ่งของที่ต้องเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
เจียงฉิงอยากตามไปด้วย แต่นางดันเตะผ้าห่มออกจากตัวตอนที่นอนหลับในเวลากลางคืนเมื่อสองวันก่อน ประกอบกับลมภูเขาในตอนกลางคืนค่อนข้างหนาวเย็น นางจึงเป็นหวัดเล็กน้อย เจียงป่าวชิงเตรียมยาให้นางและสั่งให้นางนอนพักอยู่ที่บ้าน
เจียงป่าวชิงลงจากเขา ตอนที่เดินมาถึงด่านลับกลางเขา ก็เห็นจิ้นเทียนหยู่กำลังยืนคุยกับใครคนหนึ่ง นางจึงทักทายเขาพอเป็นพิธี
เมื่อจิ้นเทียนหยู่หันกลับไปเห็นว่าเป็นเจียงป่าวชิง คิ้วเข้มของเขาขมวดเล็กน้อย
วันนี้อากาศดี และเจียงป่าวชิงไม่มีอาการเจ็บไหล่มากวนใจจึงอารมณ์ดีมาก นางคอยแต่จะยิ้มแย้มไม่รู้สึกหงุดหงิดใด ๆ แม้บังเอิญมาเจอคนที่น่าโดนสั่งสอนอย่างจิ้นเทียนหยู่ก็ตาม เพราะถึงอย่างไร เพื่อเป็นการแก้ปัญหาความบ้าคลั่งไร้เหตุผลของเขา นางก็มักทำให้เขาขุ่นเคืองอยู่เสมอ มันก็สมควรแล้วที่เขาจะรู้สึกไม่ชอบหน้านาง
เมื่อจิ้นเทียนหยู่เห็นนางกำลังยิ้มแย้ม เขาก็ขมวดคิ้วเป็นปมยุ่งเหยิงกว่าเดิม
จิ้นเทียนหยู่ไม่อยากสนใจเจียงป่าวชิง แต่คนที่คุยอยู่กับเขาดันทักไอ้หมอแซ่เจียงซะได้ บัดซบจริง!
“เฮ้ หมอเจียง เจ้าจะไปล่างภูเขารึ ?”
“ใช่” เจียงป่าวชิงตอบรับ “ข้าอยากไปซื้อของใช้สักหน่อย”
ชายคนนั้นจุ๊ปาก “ฮืม… เส้นทางสู่ตีนเขาไม่ค่อยสะดวก จุดตรวจก็เยอะ การตรวจสอบและซักถามก็แยะ ยุ่งยากนัก ทำไมหมอเจียงไม่ให้คนในหมู่บ้านที่รับผิดชอบด้านการซื้อข้าวของ เป็นคนไปซื้อให้ล่ะ ?”
เจียงป่าวชิงพูดในใจว่าก็ของบางอย่างไม่สามารถให้คนอื่นช่วยซื้อได้ นางส่ายหน้ายิ้ม ๆ “พอดีว่าข้าอยากไปเดินตลาดล่างเขาด้วย ข้าไปเองดีแล้ว”
เจียงป่าวชิงบอกลาคนทั้งสองและเดินลงเขาต่อ
ตั้งแต่ที่เจียงป่าวชิงเดินจากไป จิ้นเทียนหยู่ก็ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ชายที่คุยอยู่กับจิ้นเทียนหยู่เริ่มคุยไปเรื่อยเปื่อยอีกครั้ง เขาเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้จึงส่งเสียงอุทานเล็กน้อยพร้อมทั้งตบศีรษะตัวเองไปด้วย “อ๊าก! ข้าลืมบอกหมอเจียงเลยว่าถ้าไปถึงล่างเขาแล้ว ให้ระวังตัวหน่อย”
จิ้นเทียนหยู่ขมวดคิ้วอีกครั้ง “ทำไม ?”
ชายคนนั้นหัวเราะ “หึ ๆ อันที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอกขอรับ ข้าแค่ได้ยินว่าช่วงนี้มีหัวหน้าโจรเก็บดอกไม้ที่ไม่สนชายหญิงคนหนึ่งพลัดหลงมาแถวนี้ อีกอย่าง หมอเจียงของเราก็หน้าตาหล่อเหลา ดูน่าทะนุถนอมและผิวพรรณดีเหมือนผู้หญิงซะขนาดนั้น…”
จิ้นเทียนหยู่ถลึงตาใส่ชายคนนั้นจนชายคนนั้นรู้สึกงุนงงที่ถูกถลึงตาใส่ “เอ่อ… หัวหน้าสาม ท่านถลึงตาใส่ข้าทำไม… เป็นที่ทราบกันดีว่าหมอเจียงเขาหน้าตาดีกว่าท่านไม่ใช่หรือขอรับ ?”
จิ้นเทียนหยู่กระวนกระวายใจมาก เขาพ่นลมออกจากจมูกพรืดใหญ่และระบายอารมณ์ด้วยการถลึงตาใส่ชายคนนั้นอีกครั้ง
แต่ชายคนนั้นกลับยังคงล้อเขาเล่นอยู่ได้ “ทำไมขอรับ หรือว่าหัวหน้าสามเป็นห่วงความปลอดภัยของหมอเจียง ? อ๊ะ… เฮ้ ท่านอย่าถลึงตาใส่ข้าสิ ทุกคนต่างรู้กันดีว่าท่านกับหมอเจียงไม่ถูกกัน ข้าก็แค่ล้อท่านเล่นเท่านั้นเอง อ้าว! ท่านอย่าเพิ่งไปสิขอรับ”
จิ้นเทียนหยู่กลับไปที่หมู่บ้านด้วยความโกรธในใจ ซึ่งเขาเองก็อธิบายไม่ได้ว่าทำไม
ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ในหัวของเขาก็มักนึกถึงแต่ไอ้หมอแซ่เจียง แล้วตอนนี้ เขายังนึกถึงหัวหน้าโจรเก็บดอกไม้ที่ชายคนนั้นพูดเมื่อสักครู่อีก เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองในช่วงนี้ เขามักนึกถึงหมอแซ่เจียงโดยไม่รู้ตัวอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเอาจริง ๆ เขาเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าเขาเป็นเช่นนี้มันจะอันตรายมาก ที่ผ่านมาตัวเขาขัดแย้งกับไอ้หมอแซ่เจียงนั่นมาตลอด แต่ตอนนี้พอคิดว่าไอ้หมอหนุ่มนั่นกำลังจะไปซื้อของ และอาจเกิดอันตรายอะไรขึ้น เขาก็รู้สึกร้อนใจเล็กน้อย
“เวรเอ๊ย!” จิ้นเทียนหยู่สบถ ในที่สุดเขาก็กัดฟันและออกจากหมู่บ้านเพื่อลงเขาไปตามหาเจียงป่าวชิง
นี่เขาไม่ได้ทำเพื่อตัวเองหรอก เพราะถึงอย่างไร ไม่ว่าหมอแซ่เจียงคนนั้นจะน่ารำคาญแค่ไหน แต่เขาก็เป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่สามารถตรวจโรคได้
ที่ไป๋เหล่าจิ่วล้มตกเขาอาการสาหัสก่อนนี้ก็เป็นหมอแซ่เจียงที่ช่วยชีวิตไป๋เหล่าจิ่วไว้ไม่ใช่รึ
‘ใช่ ข้าแค่ทำเพื่อหมู่บ้านเท่านั้น!’ จิ้นเทียนหยู่บอกตัวเองเช่นนั้น
……
ขณะนี้ เจียงป่าวชิงกำลังเลือกของอยู่ที่ตลาดล่างเขา ขนบธรรมเนียมพื้นบ้านที่นี่ค่อนข้างเปิดกว้าง ไม่ได้ห้ามใครออกมาจับจ่ายใช้สอย ผู้คนจึงพลุกพล่านมาก และตรงจุดหนึ่งไม่ไกลจากจุดที่เจียงป่าวชิงยืนอยู่ มีสาวน้อยสองสามคนกำลังปิดปาก พากันมองมาที่เจียงป่าวชิงอย่างเขิน ๆ บางคนที่กล้าหน่อยก็จะเดินเข้ามาทักทายเจียงป่าวชิงตรง ๆ
“ไงจ๊ะคุณชาย ไม่เจอกันนานเลยนะ”
เจียงป่าวชิงพยักหน้าให้พวกหญิงสาวเหล่านั้น นางรู้ว่าการปลอมตัวเป็นผู้ชายของตัวเองค่อนข้างแนบเนียนและได้รูปลักษณ์ออกมาแบบหมอหนุ่มที่หล่อเหลาเอาการ นางกลัวจริง ๆ ว่าจะเผลอไปสร้างหนี้รักที่ไม่ควรเกิดขึ้น จึงรักษาระยะห่างกับพวกหญิงสาวที่ชอบเข้ามารุมล้อมมาโดยตลอด
“ว้าาา… คุณชายเย็นชาตลอดเลย น่าเบื่อซะจริงนะ”
เหล่าหญิงสาวพากันบ่นกระปอดกระแปดเบา ๆ พวกนางล้อมถามคำถามนู่นนี่กับเจียงป่าวชิงอยู่สักครู่ จากนั้นก็แยกย้ายกันไป
เมื่อสลัดพวกหญิงสาวน่ารำคาญพวกนั้นได้แล้ว เจียงป่าวชิงก็รู้สึกโล่งใจมาก นางเข้าไปในร้านเสื้อผ้าและเลือกผ้าฝ้ายที่ยังไม่ย้อมสีกับฝ้ายเนื้อธรรมดามาอย่างละนิด
ผ้าฝ้ายกับฝ้ายเนื้อธรรมดานี้ไม่ถือว่าราคาแพงอะไร เจียงป่าวชิงจ่ายเงินเสร็จ กำลังจะเดินออกจากร้าน นางก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังจ้องนางอยู่ตลอดเวลา
เจียงป่าวชิงหยุดชะงักและปลุกใจตนเองให้คอยตื่นตัวระมัดระวังภัย เดิมทีนางยังอยากจะไปซื้อปลาที่ตลาดปลาแถวท่าเรือก่อน แต่เส้นทางจากที่นี่ไปยังท่าเรือจำเป็นต้องผ่านเส้นทางเล็ก ๆ ที่ค่อนข้างเปลี่ยว เพื่อความปลอดภัย เจียงป่าวชิงจึงเลือกที่จะไม่ไปซะเลย
แต่อึดใจต่อมา สิ่งที่นางคิดไม่ถึงพลันเกิดขึ้น นางเพิ่งเดินออกถนนใหญ่ได้เพียงเวลาแค่ลมหายใจเดียวก็ถูกชายคนหนึ่งกระโดดออกมาจากซอยเล็ก ๆ ด้านข้าง พุ่งเข้ามาจับตัวนางไปในซอยเล็ก ๆ อย่างรวดเร็ว
ชายคนนั้นเร็วมาก แทบจะไม่เห็นการกระทำของเขาเลยด้วยซ้ำ เขาจับตัวเจียงป่าวชิงมายังจุดที่ลึกที่สุดของซอยและกดร่างนางจนหลังชิดกำแพง
มือทั้งสองข้างของเจียงป่าวชิงถูกกดไว้ นางดิ้นรนอะไรไม่ได้เลย
ในซอยที่มืดมิดนี้ ชายคนนั้นผิวปากใส่นางด้วยเสียงครึ้มใจ “ไอ้หนู ระมัดระวังตัวใช่ได้เลยหนิ ข้าเห็นว่าหลังจากที่เจ้าออกมาจากร้านผ้าแล้ว เจ้าก็เดินไปตามถนนใหญ่อย่างมีสติตลอดเวลา เจ้าจงใจเดินอ้อมและไม่เดินเข้ามาในซอยเล็ก ๆ ด้วยซ้ำ ทำไม เจ้าคิดว่าเป็นแบบนี้แล้วข้าจะลงมือไม่ได้งั้นรึ ? ข้าขโมยดอกไม้มาตั้งหลายปียังไม่เคยโดนจับสักครั้ง งานง่าย ๆ อย่างฉกชิงตัวเจ้าที่คอยระวังตัวแค่นี้ ข้าทำได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว ฮ่า ๆ ไอ้หนู ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น กลางคืนในฤดูใบไม้ผลินั้นมีค่าเป็นเงินทองมากมาย มาเถอะ มาให้พี่ชายสอนเจ้าซะดี ๆ”
มือทั้งสองข้างของเจียงป่าวชิงถูกกดไว้อย่างแน่นหนาเสียจนนางหยิบเข็มเงินออกมาไม่ได้ ตอนนี้ทำได้เพียงใช้สมองอย่างเดียวเท่านั้น
บัดซบ! แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะทีนี้
เจียงป่าวชิงขบคิดอย่างหนัก ฮืม… นางต้องพูดอะไรบางอย่างกับโจรเพื่อเป็นการยืดเวลา “เฮ้! ไม่ใช่ว่าเจ้าเห็นว่าข้าเหมือนผู้หญิงหรอกใช่ไหม ข้าเป็นผู้ชาย เจ้าดูสิ ข้ามีลูกกระเดือก…”
ลูกกระเดือกนี้เจียงป่าวชิงทำมาจากส่วนผสมพิเศษที่ปั้นเป็นก้อนกลมเล็ก นำมาทาติดลำคอในตำแหน่งเดียวกับลูกกระเดือกจริง เวลาพูดหรือกลืนน้ำลาย มันสามารถขยับได้เสมือนลูกกระเดือกจริง ๆ
โจรเก็บดอกไม้คนนั้นหัวเราะยกใหญ่ เขาเป่าลมไปที่ในลำคอของเจียงป่าวชิง “ฮ่า ๆ ๆ ไอ้หนู เจ้ากลัวว่าข้าจะไม่รู้รึ ? บนโลกนี้มีหลายคนที่ชอบผู้ชายด้วยกัน โดยเฉพาะผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลาดูน่ากินอย่างเจ้า”
เจียงป่าวชิงไม่ชอบให้คนอื่นมาแตะต้องเนื้อตัว ตอนนี้โจรเก็บดอกไม้คนนั้นกดสองมือของนางไว้ และขยับเข้ามาใกล้นางมากขึ้น นางพยายามต่อต้านอย่างรังเกียจเต็มที่ นางเกลียดทุกสิ่งทุกอย่างของโจรคนนี้ โดยเฉพาะลมหายใจเหม็น ๆ ของเขา มันทำให้นางขนลุกและรู้สึกอยากอาเจียนสุด ๆ
เจียงป่าวชิงพยายามอดกลั้นความสะอิดสะเอียนไว้ แต่น้ำเสียงของนางยังคงสงบนิ่ง “อ้อ เจ้าชอบผู้ชายรึ ? งั้นก็น่าเสียดาย เพราะอันที่จริงข้าเป็นผู้หญิง”
ใครบางคนที่กำลังเตรียมลงมืออย่างลับ ๆ ตกตะลึงทันที
โจรเก็บดอกไม้หัวเราะยกใหญ่ “ฮะฮ่า! ไอ้หนู เจ้ากำลังหลอกใคร เมื่อสักครู่เจ้ายังบอกว่าเจ้ามีลูกกระเดือกอยู่เลย ทีนี้ล่ะมาบอกว่าเป็นหญิง”
เจียงป่าวชิงพูดห้วน ๆ “ข้าทำลูกกระเดือกปลอมมาจากสิ่งของบางอย่าง”
โจรเก็บดอกไม้ไม่อยากสนใจอะไรแล้ว ตัณหาราคะครอบงำเสียจนเขาไม่มีอารมณ์มาสนใจอะไร จะชายหรือหญิงก็ได้ทั้งนั้น
“หึ! ไอ้หนู ไม่ว่าเจ้าจะเป็นชายหรือหญิง ข้าก็เอาหมด มามะ มาให้ข้าได้ทำให้เจ้ารู้ว่าความสนุกมันเป็นยังไง”
มือหยาบหนากำลังจะปลดกระดุมเสื้อของเจียงป่าวชิง แต่เจียงป่าวชิงรีบตะเบ็งเสียงออกมา “ช้าก่อน! เจ้าไม่สงสัยเลยรึว่าข้าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ?”
โจรเก็บดอกไม้คนนั้นได้ฟัง เขาก็เลิกคิ้วและพูดอย่างชั่วร้าย “ข้าจะรอให้เสียเวลาทำไม ?! เดี๋ยวพอถอดเสื้อผ้าก็รู้แล้วไม่ใช่รึว่าเจ้าเป็นหญิงหรือชาย”
เขากดเจียงป่าวชิงแน่นขึ้นและกำลังจะถอดเสื้อผ้าของนาง