แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 335 แบ่งศพในโลงเพื่อนำไปทำอาหาร
เจียงป่าวชิงยิ้ม ทว่าไม่ได้สนใจอะไรหลี่อันหรู นางดึงเจียงฉิงออกห่างจากโลงศพนั้นเล็กน้อยและพูดขึ้น “เมื่อสองสามปีก่อนเคยเกิดน้ำท่วม ทำให้เกิดความอดอยากและการก่อจลาจลในหลายพื้นที่ อาฉิง เจ้ายังจำได้ไหม ?”
เจียงฉิงพยักหน้า กำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่หลี่อันหรูที่อยู่ข้าง ๆ กลับสีหน้าเปลี่ยนไปและโพล่งพูดประณามแทรกขึ้นมาด้วยความโกรธเคือง “เหอะ! อยากจงใจสร้างความลี้ลับซับซ้อนเพื่อหลอกให้สับสนก็ควรตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนสิ! ต้าหลงของข้าเจริญรุ่งเรืองมาก แม้ในปีนั้นจะมีภัยน้ำท่วม แต่ราชสำนักจัดสรรเงินสงเคราะห์ให้กับผู้ประสบภัยตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว และยังส่งทูตวิสามัญไปปลอบขวัญผู้ประสบภัยด้วย พวกผู้คนต่างก็รู้สึกถึงพระคุณของราชสำนักและพากันคุกเข่าไปทางเมืองหลวงเป็นเวลานาน ส่วนสวรรค์ก็ตื้นตันใจทำให้สิ่งมงคลเช่นหินกวางขาวปรากฏขึ้นในหลาย ๆ พื้นที่ ความอดอยาก การจลาจลอย่างที่เจ้าพูดมันเป็นแค่ข่าวลืมจอมปลอมเท่านั้น ถ้าไม่รู้อะไรก็อย่าพูดสุ่มสี่สุ่มห้า เมื่อถึงเมืองหลวงแล้วจะลำบาก คนในเมืองหลวงไม่ได้พูดง่ายเหมือนข้าหรอกนะ แค่คำพูดที่เจ้าเพิ่งพูดเมื่อครู่นี้ก็สามารถส่งตัวเจ้าให้กับทางฝ่ายราชการในความผิดข้อหาใส่ร้ายราชสำนักได้แล้ว!”
เจียงฉิงหน้าถอดสีทันที เด็กหญิงรีบพูดแย้งอย่างโกรธแค้น “ไม่! เจ้านั่นแหละที่เป็นคนไม่รู้อะไรเลย! ยังมีหน้ามาบอกว่าสงเคราะห์ผู้ประสบภัยอีก เราอยู่ในพื้นที่ภัยพิบัติแต่กลับไม่ได้รับเงินสักแดงเดียว เจ้าพวกโกหกพกลม!”
หลี่อันหรูเบะปากไม่แยแส “หึ การสงเคราะห์ผู้ประสบภัยของราชสำนักมีไว้สำหรับสุจริตชน เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่คนนอกกฎหมายเช่นโจรภูเขาอย่างพวกเจ้าจะไม่ได้เงินเลยสักแดง”
เจียงฉิงยังอยากพูดต่อแต่เจียงป่าวชิงกลับมองหลี่อันหรูด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “คุณหนูหลี่นี่ช่างรู้มากซะจริงนะ”
หลี่อันหรูเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างหยิ่งผยอง “ให้เจ้าได้รู้ว่าผู้หญิงในเมืองหลวงไม่ใช่ปัญญาชนที่ออกนอกบ้านไม่ได้ เหตุการณ์สำคัญระดับประเทศเช่นนี้ ผู้หญิงธรรมดาคนอื่น ๆ ก็เคยได้ยินเช่นกัน เพื่อจะได้ไม่ถูกหลอกในตอนที่มีคนตั้งใจพูดถึงเรื่องนี้… ตัวอย่างเช่นเมื่อพบคนที่อ้าปากก็คิดอยากใส่ร้ายราชสำนักอย่างเจ้าแล้ว ก็ต้องมีความรู้มากไว้ก่อนสิถึงจะโต้แย้งกลับไปได้ยังไงล่ะ!”
ในคำพูดของนางปนไปด้วยความดูถูกเล็กน้อย
“เคยได้ยินอย่างนั้นรึ ?” ตอนนี้เจียงป่าวชิงไม่ได้นึกโกรธอะไร เพียงแค่หัวเราะเสียงเบาและพูดขึ้นอย่างเอ้อระเหยเท่านั้น “ดังนั้นคุณหนูหลี่ก็แค่เคยได้ยินมาไม่เท่าไหร่ แต่กลับมีความมั่นใจล้นเปี่ยมอย่างนั้นสิ …ก่อนที่ข้ากับอาฉิงจะเข้าไปอยู่หมู่บ้านฟู่กุ้ย เราออกมาจากจังหวัดหยูเฟิงที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม ผู้ประสบภัยอย่างพวกข้าสองพี่น้องเจอมากับตัวเห็นมากับตา แต่กลับเทียบไม่ได้กับการ ‘เคยได้ยิน’ ของคุณหนูหลี่อย่างนั้นสิ”
หลี่อันหรูพูดขึ้นอย่างร้อนรน “อ้าว ใครจะไปรู้เล่าว่าเจ้าพูดจริงหรือพูดโกหกกันแน่! โจรอย่างเจ้าพูดจาไม่มีความน่าเชื่อถือหรอก”
เจียงป่าวชิงไม่ได้สนใจหลี่อันหรูอีก นางชี้ไปที่โลงศพเมื่อสักครู่และวกกลับมาหัวข้อสนทนานั้นอีกครั้ง “อาฉิง ข้ายังไม่ได้บอกเจ้าเลยว่าสิ่งที่อยู่ข้างในคืออะไร”
ความสนใจของเจียงฉิงถูกเจียงป่าวชิงดึงกลับไปอีกครั้ง “พี่สาว สิ่งที่อยู่ข้างในคืออะไรหรือจ๊ะ ?”
นัยน์ตาของเจียงป่าวชิงสุขุมลุ่มลึก “นั่นคงเป็นซากศพที่เหลือซึ่งเนื้อหนังของพวกเขาถูกคนเอาไปปรุงแล้ว”
เจียงฉิงตกตะลึงทันที “ไอ้ยา! ที่นี่คือบ้านคน แสดงว่าเนื้อพวกนี้คือ…”
เจียงป่าวชิงพยักหน้า “ใช่ อาจเป็นตอนที่ข้าวยากหมากแพงในปีนั้น ผู้ประสบภัยบริเวณใกล้เคียงคงแบ่งศพในโลงศพเพื่อนำไปทำอาหาร”
ใบหน้าเด็กน้อยเจียงฉิงพลันขาวซีด ร่างเล็ก ๆ ถอยห่างจากโลงศพนั้นโดยไม่รู้ตัว ทว่าคนที่มีปฏิกิริยาตอบสนองมากที่สุดคือหลี่อันหรู นางชี้เจียงป่าวชิงด้วยความโกรธ “เจ้าพูดเหลวไหลอะไรกัน!” แต่สายตาของนางกลับมองไปยังซากศพที่ดูแล้วไม่ชัดเจนในโลงศพโดยไม่รู้ตัวและนึกถึงคำพูดที่เจียงป่าวชิงบอกว่า “แบ่งศพในโลงเพื่อนำไปทำอาหาร”
ความสะอิดสะเอียนอย่างรุนแรงทะลักขึ้นมาตามลำคอ หลี่อันหรูถึงกับต้องวิ่งออกไปอาเจียนข้างบ้านพร้อมความรู้สึกหน้ามืดวิงเวียน
เจียงฉิงไม่ได้มีปฏิกิริยาเหมือนหลี่อันหรู นางเป็นขอทานตัวน้อยมาหลายปีและเคยเห็นความมืดในสันดานของมนุษย์มาหมดแล้ว ในปีที่ข้าวยากหมากแพง นางเคยเห็นชีวิตน่าเวทนามาแล้วหลากหลายรูปแบบ และถึงกับมีคนคิดจะจับนางไปกินด้วยซ้ำ ถ้าหากเจียงป่าวชิงไม่ได้ใช้เข็มเงินแทงคนคนนั้นจากทางด้านข้าง เกรงว่านางคงกลายเป็นอาหารในจานข้าวของคนอื่นไปแล้วเป็นแน่
เจียงป่าวชิงจัดฟางในที่แห้งตรงมุมห้องหลักของบ้านเพื่อทำเป็นเบาะรองก่อนจะดึงเจียงฉิงมาพักผ่อน ทั้งสองคนหยิบถุงน้ำออกมา ในตอนที่กำลังเตรียมจะดื่มน้ำร้อนในถุงน้ำก็เห็นหลี่อันหรูพยายามฉุดดึงหลิวจิ้งอี๋มาทางนี้ พอมาถึงนางก็ชี้เจียงป่าวชิงและฟ้องหลิวจิ้งอี๋ด้วยดวงตาแดงก่ำ
“พี่จิ้งอี๋! ครั้งนี้ข้าไม่ได้หาเรื่องนางนะ เป็นนางที่พ่นคำพูดน่าสะอิดสะเอียน นางเป็นฝ่ายหาเรื่องข้าก่อนเห็น ๆ!”
ร่างกายของหลี่อันหรูเปราะบาง ไม่สะดวกนั่งรถม้านาน ประกอบกับวันนี้เป็นวันเมฆครึ้มฝนตก ขาที่ยังไม่หายดีของนางรู้สึกปวดอยู่ตลอดเวลา เมื่อสักครู่เจียงป่าวชิงก็พูดประมาณว่า “แบ่งศพในโลงศพเพื่อนำไปทำอาหาร” ทำให้หลี่อันหรูวิ่งออกไปอาเจียนอยู่สักครู่ ตอนนี้สภาพร่างกายของนางจึงไม่ค่อยสู้ดีนัก
หลิวจิ้งอี๋ถอนหายใจและทำความเคารพเจียงป่าวชิง “แม่นางเจียง ข้ารู้ว่าก่อนหน้านี้หรูเอ๋อร์ล่วงเกินแม่นางไปไม่น้อย ครอบครัวของนางเลี้ยงนางอย่างตามใจตั้งแต่เด็ก อาจให้ท้ายไปบ้างแต่นางไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรที่ไม่ดีอย่างแน่นอน และถ้าหากว่านางล่วงเกินแม่นางตรงไหนก็โปรดแม่นางจงให้อภัยด้วยเถอะ”
เจียงป่าวชิงมองหลิวจิ้งอี๋และแค่นหัวเราะ “ความหมายก็คือพวกข้าไม่ได้ถูกให้ท้ายมา จึงต้องยอมให้กับคนที่ถูกให้ท้ายเช่นนางอย่างนั้นสิ ?”
หลิวจิ้งอี๋พูดอย่างจนปัญญา “โธ่แม่นางเจียง ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
เจียงป่าวชิงหัวเราะอย่างเย็นชา “ข้าคิดว่าความหมายเหมือนกัน โปรดคุณชายหลิวช่วยจำประโยคนี้ด้วยว่าถ้าคนอื่นไม่ทำผิดต่อข้า ข้าก็จะไม่ทำผิดต่อคนอื่น แต่ถ้าคนอื่นทำผิดต่อข้าก็อย่าโทษข้าแล้วกัน! ข้าไม่ได้ว่างถึงขนาดไปหาเรื่องแม่นางหลี่เพื่อฆ่าเวลาหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะแม่นางหลี่เป็นฝ่ายมาหาข้าเองครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าก็คร้านจะสนใจนางจริง ๆ”
เจียงป่าวชิงขี้เกียจซุกซ่อนความรังเกียจในคำพูดแล้ว
หลี่อันหรูหน้าดำคร่ำครึ กำลังจะพูดอย่างไม่พอใจแต่กลับได้ยินเจียงป่าวชิงส่งเสียงหัวเราะและพูดเสริมอีกหนึ่งประโยคอย่างมีความหมายแฝงเร้น “แต่จะเป็นแม่นางหลี่หรือเปล่านั้น… ก็อีกเรื่องนึง”
หลี่อันหรูได้ฟังคำพูดนี้ จิตวิญญาณของนางเตลิดไปไกลทันที นางต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำให้ตัวเองสงบลงได้แต่กลับไม่กล้าถามเจียงป่าวชิงว่าหมายความว่าอะไร นางหันไปมองหลิวจิ้งอี๋ด้วยสีหน้าหมองหม่นริมฝีปากซีดเผือด “พี่จิ้งอี๋ เรา… เราไปตรงนั้นกันเถอะ”
หลิวจิ้งอี๋ลังเล สุดท้ายก็ประคองหลี่อันหรูไปที่อีกฝั่ง
หลี่อันหรูจงใจหลบหลีกเจียงป่าวชิง นางเลือกบริเวณที่อยู่ไกลจากเจียงป่าวชิงมากที่สุด ขดตัวอยู่ตรงมุมห้องและบีบนิ้วตัวเองอย่างหวั่นวิตกแล้วพูดกับมู่จิ้งอี๋ที่มีสีหน้ากังวลไม่ต่างกัน “พี่จิ้งอี๋ ข้าคิดว่าเจียงป่าวชิงน่าจะรู้แล้ว”
หลิวจิ้งอี๋ไม่ได้คิดอะไรมากมาย “รู้อะไรรึ ?”
หลี่อันหรูหน้าขาวซีดราวกับผีพลางกดเสียงให้เบาลง ริมฝีปากนางสั่นขณะพูด “นางน่าจะรู้แล้วว่าข้าไม่ใช่หลี่อันหรู”
สีหน้าของหลิวจิ้งอี๋เปลี่ยนไปทันทีก่อนจะถอนหายใจยาว “เฮ้อ… หรูเอ๋อร์ ตอนนั้นเจ้าไม่น่าบอกว่าตัวเองเป็นคุณหนูของตระกูลหลี่ตั้งแต่แรก…”
หลี่อันหรูพูดขึ้นอย่างคลุ้มคลั่งราวกับว่านางไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป “พี่จิ้งอี๋ นี่พี่กำลังตำหนิข้ารึ ?! ตอนที่ข้าถูกลักพาตัวข้าตกใจแทบตายเลยยืมชื่อหลี่อันหรูมาใช้เท่านั้น ไม่ได้ทำร้ายนางสักหน่อย คนที่ถูกทำร้ายคือข้า! คือข้าคนนี้ต่างหากเล่า!”
.
.