แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 338 ดื่มตอนร้อน ๆ
เจียงป่าวชิงฟั่นเข็มเงินที่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างง่าย ๆ และแทงเข้าไปตามจุดฝังเข็มต่าง ๆ บนร่างกายของกานซุ่ยด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ทั้งร่างของกานซุ่ยเสมือนตะกร้าใส่เข็มและด้ายที่มีเข็มเงินเสียบไว้อยู่จำนวนมาก
กานซุ่ยตัวแข็งทื่อ เขาไม่กล้าขยับตัวแม้แต่นิดเดียว
เจียงป่าวชิงสั่งเขา “เจ้าต้องปรับการหายใจให้ผ่อนคลายลงหน่อย ถ้าหากว่าเจ้าประหม่าเกินไป ประสิทธิภาพก็จะลดลงตามไปด้วย”
กานซุ่ยอยากพูดมาก ๆ ว่าตัวเขาถูกแทงจนกลายเป็นเม่นอย่างกะทันหัน เป็นใครก็ต้องประหม่ากันทั้งนั้น ทว่าในขณะนี้เขาอยู่ภายใต้สายตาของทุกคน ไม่เพียงแต่นายท่านของเขาเท่านั้น เหล่าสหายร่วมงานของเขาหลายคนต่างก็จ้องมองอยู่ข้าง ๆ ในฐานะผู้ที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวเช่นเขา เขาจำเป็นต้องกลืนคำพูดที่ค่อนข้างปอดแหกนี้กลับไป
เจียงป่าวชิงไม่รู้ถึงจิตใจของกานซุ่ย ไม่อย่างนั้นนางจะบอกเขาว่านายท่านของเขาไม่เคยประหม่าเลยในตอนที่ฝังเข็มรักษาขา
“เสร็จแล้วรึ ?” กงจี้ที่ดูอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ ถามขึ้น
เจียงป่าวชิงพยักหน้า “อื้ม ถอนเข็มได้หลังจากผ่านไปสักสองก้านธูป เขาเป็นโรคนี้อย่างกะทันหัน ต้องฝังเข็มวันละสองครั้งติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน แล้วจากนั้นเราค่อยมาดูผลลัพธ์ที่ได้กันอีกที”
กงจี้พยักหน้า
เวลาสองก้านธูปผ่านไป เจียงป่าวชิงก็มาช่วยถอนเข็มให้กานซุ่ยอีกครั้ง นางฆ่าเชื้อโรคเสร็จแล้วถึงจะเก็บเข็มเงินเข้าที่
กานซุ่ยลองขยับขา ความดีใจปรากฏขึ้นมาทางสีหน้าของเขา “เหมือน… เหมือนว่าขาของข้าจะมีความรู้สึกกลับมาบ้างเล็กน้อยแล้ว”
เจียงป่าวชิงมองขาของกานซุ่ยที่ขยับนิด ๆ อย่างพึงพอใจ แม้จะยังขยับได้เพียงน้อยนิด ทว่าถือว่ามีการพัฒนาที่ดีเมื่อเทียบกับความอ่อนแรงและอาการอัมพาตก่อนหน้านี้
“ช่วงนี้ต้องให้ความสำคัญกับอาหารหน่อย อย่ากินของมัน ๆ หรือเค็มจนเกินไป” เจียงป่าวชิงกำชับ “เอาล่ะ เวลานี้พักผ่อนไปก่อน แล้วข้าจะกลับมารักษาต่อให้เจ้าในตอนเย็น”
ฉับพลันนั้นแววตาชายหนุ่มกานซุ่ยที่มองเจียงป่าวชิง ราวกับกำลังมองดูหมออัจฉริยะผู้เป็นที่น่าเคารพนับถือคนหนึ่งเลยทีเดียว
นายทหารยศสูงที่รับผิดชอบอยู่ในห้องครัวต้มน้ำขิงเสร็จเรียบร้อยแล้วและนำมาส่งให้กับคนที่นี่พอดี เจียงป่าวชิงจึงดื่มไปถ้วยใหญ่
ต้องบอกเลยว่าน้ำขิงนี้มีรสเผ็ดหน่อย ๆ ไม่ค่อยอร่อยสักเท่าไหร่ แต่เพราะดื่มเพื่อใช้ขับไล่ความหนาวเย็น อย่างไรเสียใครดื่มเป็นต้องได้รับความทุกข์กันทุกคน
เจียงป่าวชิงมองกงจี้ด้วยหางตาและพบว่าเขาไม่ยอมดื่มน้ำขิงนี้จริง ๆ ด้วย
อันที่จริงกงจี้เป็นคนเลือกกินอย่างมาก เมื่อก่อนตอนที่นางรักษาขาให้เขา ถึงแม้ยาที่สั่งทุกวันตามสถานการณ์ที่แตกต่างกันจะไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ยามักมีรสขม ในตอนนั้นกงจี้ดื่มยาทั้งหมดโดยไม่ขมวดคิ้วด้วยซ้ำ เพราะในความเข้าใจของเขา เขาจำเป็นต้องดื่มยาเพื่อรักษาขา มันไม่สำคัญว่ายาจะขมหรือไม่ขม
แต่ในตอนนี้ เขากลับคิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำขิงนี้อีกแล้วจึงไม่ยอมดื่มมัน
เจียงป่าวชิงถือถ้วยน้ำขิงไปหาเขาและยื่นไปตรงหน้า “ดื่มซะ”
กงจี้เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ ความรังเกียจเจืออยู่ในน้ำเสียง “ข้าไม่ดื่ม มันดื่มยาก”
เหล่าองครักษ์เป็นคนสนิทของกงจี้มาหลายปีแล้ว พวกเขาไม่ได้ตกใจอะไร หลังจากที่ขาของนายท่านพวกเขาถูกพิษเล่นงาน นิสัยกับอารมณ์ของนายท่านก็แปลกประหลาดขึ้นทุกวัน มีหลายครั้งที่คุณชายสูงศักดิ์เย่อหยิ่งคนนี้มักทำเรื่องที่ทำให้คนอื่นต้องตกตะลึงอยู่บ่อยครั้ง แม้ขาของเขาจะหายดีมาสามปีแล้ว แต่อารมณ์เขากลับยิ่งแปลกประหลาดและฉุนเฉียวง่ายขึ้นเรื่อย ๆ จนเหล่าลูกน้องอย่างพวกเขารู้สึกชาชินไปโดยปริยาย
แต่เจียงป่าวชิงกลับไม่คุ้นชินกับปัญหานี้ของกงจี้จึงยัดถ้วยน้ำขิงใส่มือเขาโดยตรง
กงจี้ขมวดคิ้ว ถ้าหากว่าเป็นคนอื่นที่ฝืนยัดสิ่งของใส่มือเขา เขาอาจจะฟันมือของอีกฝ่ายให้ขาดได้ทันที แต่ตอนนี้คนที่ยัดสิ่งของใส่ในมือเขาเป็นยอดดวงใจของเขาเอง เขาจะทำอะไรได้ เขาไม่เพียงแต่ฟันมือของอีกฝ่ายไม่ได้แล้ว ยังต้องถือน้ำขิงถ้วยนี้ไว้ให้มั่นคงอีกด้วย เพราะกลัวว่าน้ำขิงร้อน ๆ ถ้วยนี้จะลวกมือบอบบางของนาง
กงจี้อึดอัดใจมาก
“เร็วสิ รีบดื่มซะตั้งแต่ตอนที่มันยังร้อน ๆ อยู่” เจียงป่าวชิงเร่งเร้าพลางหยิบร่มขึ้นมากางและเดินออกไปท่ามกลางสายฝนโปรย
กงจี้มองตามแผ่นหลังของร่างนางจนกระทั่งร่างของนางถูกบดบังด้วยสายฝนโดยสิ้นเชิงถึงจะเก็บสายตากลับมาก้มมองถ้วยน้ำขิงที่นางยัดใส่ในมือเขาด้วยสีหน้าราบเรียบ
ผ่านไปสักครู่เขาเงยหน้าดื่มมันจนหมดด้วยสีหน้าที่ยังคงราบเรียบเช่นเดิมก่อนจะโยนถ้วยใส่ในอ้อมแขนขององครักษ์
ดื่มยากชะมัด!
……
ฝนตกหนักรวดเร็วรุนแรงต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายชั่วยาม และค่อย ๆ เบาลงในตอนบ่าย
ทุกคนกินอาหารกันในบ้านซึ่งถือว่าเป็นการได้พักผ่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ มีเพียงกงหย่าหรูเท่านั้นที่ในใจเอาแต่คิดว่าเจียงป่าวชิงรู้ตัวตนที่แท้จริงของนางแล้วหรือเปล่า พอนางเห็นกุ้ยจือถืออาหารมาให้ก็นึกถึงเรื่องที่เจียงป่าวชิงพูดก่อนหน้านี้ว่า “แบ่งศพในโลงเพื่อนำไปทำอาหาร” มือพลันปัดถ้วยข้าวแล้วคว่ำหน้าด้วยความรู้สึกคลื่นไส้ เกือบคายเอาของเหลวในท้องออกมาอยู่รอมร่อ
แต่หลิวจิ้งอี๋นั้น เขารู้ว่านี่คือความทุกข์ใจของกงหย่าหรู ทว่าได้แต่มองอย่างช่วยอะไรไม่ได้อยู่ข้าง ๆ นาง นางทรมานไปมาอยู่อย่างนั้นทั้งแบบนี้ ตอนที่ฝนหยุดตกและทุกคนพร้อมออกเดินทางกันแล้ว กงหย่าหรูก็ป่วยจนได้ รูปลักษณ์ที่เดิมทีสวยสดงดงามกลับเหลือเพียงความซีดเซียวดูน่าเวทนา
หลิวจิ้งอี๋ไร้ทางเลือก ต้องฝืนใจไปหาเจียงป่าวชิง
…
เจียงป่าวชิงได้ฟังจุดประสงค์ที่หลิวจิ้งอี๋มาในครั้งนี้ก็เพียงยิ้มให้อีกฝ่าย นี่มันช่างเปรียบเสมือนการมีคนมาส่งหมอนให้ในตอนที่กำลังสัปหงกจริง ๆ เจียงป่าวชิงคิดว่าจะไปหากงหย่าหรูอยู่พอดี
เนื่องจากกานซุ่ยป่วยกะทันหันจึงไม่สามารถให้คนป่วยที่เกือบเป็นอัมพาตอย่างเขาขี่ม้า และไม่ง่ายนักที่จะหารถม้าเพิ่มในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้ พวกเขาทำได้เพียงให้กานซุ่ยไปอยู่ในรถม้าสักคันจากในรถม้าสองคันของกองทัพ
เจียงป่าวชิงพยักหน้าให้หลิวจิ้งอี๋อย่างนุ่มนวล “ฟังจากที่เจ้าพูดแล้ว ดูเหมือนว่าจะรุนแรงจริง ๆ เช่นนั้นข้าไปดูนางหน่อยก็แล้วกัน”
หลิวจิ้งอี๋จะรู้ความคิดของเจียงป่าวชิงได้อย่างไร ทันทีที่เขาได้ยินนางตอบตกลงก็พูดในใจว่าอันที่จริงแม่นางเจียงคนนี้จิตใจดีอยู่เหมือนกัน
เขามองตามแม่นางเจียงที่จิตใจดีไปที่รถม้าของกงหย่าหรู
กงหย่าหรูอ่อนแออย่างมาก นางนอนอยู่บนพื้นที่ยกสูงในรถม้าด้วยสีหน้าซีดเซียว เมื่อเห็นว่าเจียงป่าวชิงเลิกม่านประตูเข้ามาก็ตกใจเกือบกลิ้งตกลงจากพื้นที่ยกสูงนั้นอยู่แล้ว
เจียงป่าวชิงบอกใบ้ให้กุ้ยจือไปพยุงกงหย่าหรูเพื่อที่นางจะได้เข้าไปจับชีพจรให้แม่คุณหนูเอาแต่ใจ แต่กงหย่าหรูกลับขยับถอยห่างต่อต้านและมองเจียงป่าวชิงด้วยความตื่นตระหนกเต็มที่
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นยิ้ม ๆ “นี่คุณหนูกง ป่วยก็ต้องให้ดูอาการสิ จะเขยิบหนีไปไหนล่ะ”
กงหย่าหรูได้ยินเจียงป่าวชิงเรียกตัวเองว่า “กง” สีหน้านางซีดเผือดทันที นางรู้สึกว่าหินก้อนใหญ่ที่อยู่ในใจตกหล่นลงสู่พื้นเรียบร้อยแล้ว เจียงป่าวชิงรู้แล้วจริง ๆ ด้วย!
เจียงป่าวชิงมองสีหน้าซีดเผือดของกงหย่าหรูและคิดว่าที่กงหย่าหรูป่วยนั้น น่าจะเกิดจากความทุกข์ใจของนาง
“ข้าบอกตามตรงเลยนะ” เจียงป่าวชิงพูดขึ้นอย่างเอ้อระเหย “ข้ารู้สึกว่าคุณหนูกงช่างโง่เขลาซะจริง”
สีหน้ากงหย่าหรูบูดเบี้ยวดูแทบไม่ได้ นางกัดริมฝีปากมองเจียงป่าวชิงอย่างโกรธขึ้ง มันน่านักยายหมอปากมากคนนี้!
เจียงป่าวชิงมองกงหย่าหรูยิ้ม ๆ “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังเป็นกังวลอะไร เจ้ากำลังกังวลว่าข้าจะป่าวประกาศเรื่องราวของเจ้าและทำให้ความบริสุทธิ์กับชื่อเสียงเจ้าไม่มีทางฟื้นคืนได้อีกงั้นสิ”
กงหย่าหรูมือสั่นปากสั่น เจอขู่ขนาดนี้นางถึงกับพูดไม่ออก