แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 340 ความอิจฉา
เจียงป่าวชิงมองดูท่าทางของกงหย่าหรูจากในรถม้า ก่อนจะปล่อยม่านรถลงและนั่งตัวตรง
เจียงฉิงถามขึ้นเสียงเบา “พี่สาว มีอะไรหรือจ๊ะ ?”
เจียงป่าวชิงใจลอยอยู่ครู่หนึ่ง ผ่านไปไม่นานก็ส่ายหน้าทอดถอนใจ “น้องชายของท่านหลิวช่างน่าสงสารจริง ๆ”
“?” เจียงฉิงรู้สึกงุนงง
ทว่านี่เป็นเรื่องของผู้อื่น เจียงป่าวชิงจึงไม่ได้เล่าอะไรให้เจียงฉิงฟังมากนัก นางเพียงลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเด็กหญิงตัวน้อย
ด้านนอกรถม้า กงจี้เห็นเจียงป่าวชิงปล่อยม่านรถก็รู้สึกใจคอเหี่ยวแห้ง ประกอบกับกงหย่าหรูยังคงมองเขาอย่างเขินอายราวกับว่านางต้องการพูดอะไรบางอย่าง ทำให้เขาอึดอัดขัดตามากจึงสะบัดบังเหียนม้าและขี่ม้าจากไปทันที
กงหย่าหรูมองแผ่นหลังที่ไกลออกไปของกงจี้อย่างยากที่จะปกปิดความรู้สึกใจคอเหี่ยวแห้งได้
สุดท้าย นางกลับไปที่รถม้าของตัวเอง ทุกช่วงเวลาที่นางอยู่บนรถม้าของเจียงป่าวชิงล้วนทำให้นางนึกถึงคำพูดใจดำที่นางเคยพูดก่อนหน้านั้น มันเหมือนเป็นการตบหน้าตัวนางเองจนเจ็บปวดรวดร้าว
ตอนพัก กงหย่าหรูมักจะพากุ้ยจือมาเดินเตร่อยู่แถวรถม้าของเจียงป่าวชิงบ่อย ๆ และเมื่อเห็นว่ากงจี้มาพูดคุยกับนาง แสงประกายวาววับในดวงตานางแทบไม่สามารถปกปิดได้
ไป ๆ มา ๆ แม้แต่หลิวหมิงอันก็ยังมองเห็นถึงปัญหานี้
ในยามปกติหลิวหมิงอันก็คอยสังเกตน้องชายตัวเองอยู่เนือง ๆ มีหรือที่เรื่องความรู้สึกของน้องชายเขาที่มีให้แม่นางกงหย่าหรูเขาจะดูไม่ออก น้องชายผู้ซึ่งกำลังขมขื่นใจของเขาคนนั้นเกือบตายเพราะเพื่อนเล่นในวัยเด็กของตัวเองด้วยซ้ำ
หลิวหมิงอันไปหากงจี้เพื่อถามโดยเฉพาะ “พี่ใหญ่… รู้สึกยังไงกับกงหย่าหรูรึ ?”
อันที่จริงหากอิงตามอายุ กงจี้อายุน้อยกว่าหลิวหมิงอันสองสามปี แต่ทั้งสองคนถือว่าโตมาด้วยกัน ตอนเด็ก ๆ หลิวหมิงอันเป็นนักเลงที่ยอมทำทุกอย่าง เขาต่อสู้ประลองฝีไม้ลายมือกับกงจี้และพ่ายแพ้ไปหลายครั้งจึงเรียกกงจี้ว่าพี่ใหญ่อย่างนับถือ ตอนเด็กไม่รู้สึกอะไร ทว่าเมื่อโตขึ้นเขากลับรู้สึกอับอายเล็กน้อย ตอนนี้อย่างมากเขาก็เรียกกงจี้ว่าคุณชายกงแบบเล่น ๆ กันหรือไม่ก็เรียกกงจี้ว่าพี่ใหญ่ราวกับเป็นการหยอกล้อกันเล่นเท่านั้น
กงจี้รู้สึกงุนงงกับคำถามของหลิวหมิงอัน หัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเป็นปม “เจ้าถามอะไรของเจ้า ข้าไม่อยากเห็นหน้าแม่นางกงหย่าหรูอะไรนั่นด้วยซ้ำ”
หลิวหมิงอันถอนหายใจ “เฮ้อ… ข้ารู้สึกว่าหญิงสาวคนนั้นเหมือนจะคิดอะไรกับเจ้า…”
“หญิงที่คิดอะไรกับข้ามีเยอะแยะ” กงจี้แค่นเสียงเย็นชา “หรือว่าข้าต้องคิดอะไรกับพวกนางทุกคน ?”
“…” หลิวหมิงอันฟังออกว่ากงจี้เริ่มหงุดหงิดแล้ว เขาเองก็เข้าใจในความคิดของกงจี้เช่นกันจึงกระแอมไอเล็กน้อย “อะแฮ่ม น้องชายที่โง่เขลาของข้าคนนั้นดูเหมือนจะให้ความสำคัญต่อสหายวัยเด็กของเขามาก ข้าจึงไม่อยากให้พวกเจ้าสองคนทะเลาะกันเพราะหญิงเพียงคนเดียว จึงได้มาถามเผื่อไว้”
กงจี้โบกมืออย่างหงุดหงิด เขาหนีบท้องม้ากระตุ้นให้ม้าเดินไปข้างหน้า
หลิวหมิงอันมองออกถึงความรู้สึกที่กงหย่าหรูมีต่อกงจี้ หลิวจิ้งอี๋ก็มองออกเช่นกัน แต่หัวใจของเขากลับไม่ได้ถูกโจมตีจนเจ็บปวดอย่างที่หลิวหมิงอันคิดไว้ ตัวเขาเองก็รู้สึกแปลกประหลาดเช่นกัน เขาคิดว่าตัวเองจะเป็นทุกข์มาก แต่ไม่รู้ทำไมเขากลับเกิดความรู้สึกโล่งใจบางอย่างอย่างอธิบายไม่ถูก
ดูเหมือนว่าการดูแลกงหย่าหรูเป็นเวลาหลายปีนั้นกลายเป็นสัญชาตญาณของเขาไปเสียแล้ว ทว่าถ้าหากให้พูดถึงความรักแบบชายหญิงนั้น…
ภาพที่ปรากฏขึ้นมาในหัวของหลิวจิ้งอี๋กลับไม่เกี่ยวข้องกับกงหย่าหรูแม้แต่น้อย
ตอนนี้กงหย่าหรูเกิดความรู้สึกรักใคร่ชอบพอแบบชายหญิงรักกันกับกงจี้ หลิวจิ้งอี๋เองก็รู้สึกเป็นกังวลอยู่เล็กน้อย แต่ความกังวลนี้กลับเป็นเพราะเขามองออกว่าหัวใจของกงจี้นั้นล้วนอยู่ที่เจียงป่าวชิงทั้งหมดไม่มีเหลือให้คนอื่นเลยสักนิด
ชีวิตรักของกงหย่าหรูถูกกำหนดให้เป็นความรักที่น่าเศร้าตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น
หลิวจิ้งอี๋ถอนหายใจ ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็ดูแลกงหย่าหรูเหมือนเดิม ไหน ๆ ก็ดูแลนางมาตั้งนานแล้ว เขารู้สึกเคยชินไปแล้วด้วย
……
ช่วงพลบค่ำ เมื่อเข้าถึงจุดพักเวลาก็ล่วงเลยมาถึงตอนเย็น ที่พักนี้ค่อนข้างเล็ก ห้องหนึ่งจึงต้องอัดกันหลายคน แต่โชคดีที่พวกทหารต่างก็คุ้นชินกับความลำบาก ไม่ได้สนใจสภาพแวดล้อมเช่นนี้สักเท่าไหร่จึงทำให้มีหลายคนรวมตัวกันและพากกันนอนโดยปูที่นอนอย่างง่าย ๆ
แต่กงหย่าหรูกลับโวยวายอยู่คนเดียว
เนื่องจากห้องที่แบ่งให้นางนั้นไม่เพียงแต่ค่อนข้างเล็กแล้ว ยังค่อนข้างเก่าชำรุดทรุดโทรมอีกด้วย
“อะไรกัน! จะให้พักอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?!” กงหย่าหรูมองเตียงที่ทั้งเล็กทั้งแคบอย่างรังเกียจ คิ้วสวยงามขมวดเข้าหากันแน่น นางหันกลับไประบายอารมณ์กับหลิวจิ้งอี๋ “พี่จิ้งอี๋ พี่ช่วยเปลี่ยนห้องให้ข้าหน่อยนะ นะ…”
กุ้ยจือเตือนกงหย่าหรูเสียงเบา “คุณหนู ประเดี๋ยวข้าน้อยจะปูที่นอนให้นุ่ม ๆ เลย แบบนี้ก็สามารถพักอาศัยอยู่ที่นี่ได้แล้วเจ้าค่ะ”
กุ้ยจือเคยเป็นสาวใช้ในบ้านของขุนนางผู้กระทำความผิดที่ถูกเนรเทศคนหนึ่ง แต่หลิวหมิงอันซื้อตัวนางมาก่อนหน้านี้ มือเท้านางถือว่าทำงานได้คล่องแคล่วมาก เรียกได้ว่าสามารถดูแลกงหย่าหรูได้ดีเยี่ยม
ทว่ากงหย่าหรูถลึงตาใส่กุ้ยจืออย่างโหดเหี้ยม “หุบปากของเจ้าซะ! เจ้าไปที่ห้องของเจียงป่าวชิงแล้วดูว่าห้องของนางใหญ่กว่าข้าหรือเปล่า ไปเดี๋ยวนี้!”
หลังจากที่กงหย่าหรูรู้ว่ารถม้าคันที่เจียงป่าวชิงนั่งอยู่นั้นดูซอมซ่อมาก แต่อันที่จริงข้างในกลับสะดวกสบายกว่าคันของนางมาก นางก็มักระแวงและรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างของเจียงป่าวชิงดีกว่าของนาง
กุ้ยจือลังเล นางอยากบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่ห้องของแม่นางเจียงจะใหญ่กว่าหน่อย เพราะถึงอย่างไรแม่นางเจียงก็ยังมีน้องสาวอีกคน ทั้งสองต้องนอนพักบนเตียงทั้งคู่ ในฐานะที่นางเป็นสาวใช้ของกงหย่าหรู นางปูที่นอนนอนบนพื้นก็ได้ไม่ต้องการห้องที่ใหญ่อะไรด้วยซ้ำ
แต่คุณหนูกงหย่าหรูยังคงไล่ให้นางไปดู นางจึงต้องไปเดินวนอยู่ที่ห้องของเจียงป่าวชิง ก่อนจะฝืนใจเคาะประตู
คนที่มาเปิดประตูให้กุ้ยจือคือเจียงฉิง เด็กหญิงส่งเสียงอุทานเล็กน้อยและมองกุ้ยจืออย่างระมัดระวัง “เจ้ามาทำไม ?”
กุ้ยจือฝืนใจตอบ “ไม่มีอะไร…” นางชำเลืองมองเข้าไปในช่องประตูอย่างรวดเร็ว ห้องไม่ได้ใหญ่อะไรแต่เตียงภายในห้องใหญ่กว่าของกงหย่าหรูเล็กน้อย
กุ้ยจือเห็นเช่นนี้ก็วิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เจียงฉิงเกาศีรษะอย่างงุนงง
“นางมาทำอะไรดึก ๆ ดื่น ๆ เช่นนี้กันนะ” เด็กหญิงพึมพำ
เจียงป่าวชิงกำลังทำความสะอาดร่างกายอยู่ในห้อง นางเช็ดหน้าและเอ่ยถามเจียงฉิงไปด้วย “อาฉิง ใครรึ ?”
เจียงฉิงปิดประตูและเอ่ยตอบ “ไม่มีอะไรจ้ะ กุ้ยจือน่ะ นางมาเคาะประตูแต่พอข้าถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ เอาแต่มองเข้ามาในห้องแล้วก็วิ่งหนีไปเลย วิ่งเร็วกว่ากระต่ายอีกนะจ๊ะพี่”
เจียงป่าวชิงรู้จักกงหย่าหรูดี นางได้ยินดังนั้นก็ยิ้มขำ “นางคงจะมาดูว่าห้องของพวกเราเป็นยังไงบ้าง รอดูเถอะ ไม่แน่คืนนี้แม่คุณหนูคนนั้นของนางอาจโวยวายก็ได้”
เจียงฉิงรู้สึกประหลาดใจมากแต่นางเชื่อคำพูดของเจียงป่าวชิง จึงอดที่จะพูดขึ้นอย่างกลุ้มใจไม่ได้ “แม่คุณหนูกงหย่าหรูนี่ช่างน่ารำคาญจริง ๆ เดิมทีจุดพักนี้ก็เล็กอยู่แล้ว ห้องก็ไม่ได้มีมากมายอะไร มีให้เราพักอาศัยอย่างเรียบง่ายก็ถือว่าเป็นการดูแลเราแล้ว เฮ้อ… ขออย่าให้นางโวยวายอะไรเลย ทุกคนเดินทางมาทั้งวันต่างก็เหน็ดเหนื่อยกันทั้งนั้น”
เจียงป่าวชิงลูบศีรษะเจียงฉิงเบา ๆ “เจียงฉิงเอ๋ย… แม้แต่เด็กเล็กอย่างเจ้ายังรู้ว่าอะไรควรไม่ควรเลย แต่กงหย่าหรูนั่นอาจไม่รู้ แต่ก็นั่นล่ะ นางอาจโวยวายไม่ได้ก็ได้ แม้นางจะโวยวายแต่เราก็ไม่กลัวนาง… เอาล่ะเจียงฉิง เจ้าจัดเก็บของให้เรียบร้อยหน่อย เตรียมพักผ่อนกันได้แล้วนะ”
เด็กหญิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย
……
โชคไม่ดีที่คำพูดของเจียงป่าวชิงไม่เป็นไปตามนั้น
หลังจากที่กงหย่าหรูได้ฟังกุ้ยจือพูดอย่างอึกอักว่าเตียงของเจียงป่าวชิงใหญ่กว่าเล็กน้อย นางโวยวายกับหลิวจิ้งอี๋ทันทีว่าจะเปลี่ยนไปพักห้องที่ดีกว่าเดิม
หลิวจิ้งอี๋ทั้งเหนื่อยล้าทั้งจนปัญญา “ทุกห้องเต็มหมดแล้ว ข้าจะไปเปลี่ยนให้เจ้าได้จากที่ไหนเล่า ?”
แต่กงหย่าหรูกลับไม่ยอมเลิกรา “เจียงป่าวชิงนางมีสิทธิ์อะไรที่ได้ห้องเตียงใหญ่เช่นนั้นในขณะที่เตียงของข้ากลับเล็ก! ตลอดทางทุกสิ่งทุกอย่างของนางดีกว่าข้า นางมีสิทธิ์อะไร ?! โจรอย่างนางนั่งรถม้าดีกว่าข้าด้วยซ้ำ!”
พูดไปพูดมา กงหย่าหรูอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตลอดทางที่ไม่ว่านางจะทำตัวดีต่อแม่ทัพกงคนนั้นอย่างไร อีกฝ่ายกลับไม่สนใจนางแม้แต่น้อย แต่แม่ทัพกงกลับปฏิบัติกับเจียงป่าวชิงไม่เหมือนกัน
ความอิจฉาเผาไหม้สติปัญญาของกงหย่าหรูไปจนหมดสิ้นราวกับไฟร้อนโหมกระหน่ำ