แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 343 เด็กสาวกับพิณจีน
คงเป็นเพราะนี่คือช่วงเปลี่ยนฤดู ลูกค้าในร้านเสื้อผ้าจึงไม่ค่อยมากเท่าไหร่ หลังจากที่เจียงป่าวชิงกับกงจี้เข้าไปในร้านก็ดูเหมือนว่าสายตาของทุกคนต่างก็พากันมารวมอยู่ที่พวกเขา
โทษใครไม่ได้ ทั้งสองคนเดินด้วยกันช่างเป็นอะไรที่สะดุดตาอย่างยิ่งยวด ชายหน้าตาหล่อเหลา “สองคน” ช่างดูโดดเด่นกว่าใคร ทั้งสองเดินด้วยกัน ไม่ต้องพูดเลยว่าภาพฉากนี้จะสวยงามน่ามองเพียงใด
แม้แต่เจ้าของร้านที่อยู่ในร้านเสื้อผ้าก็ยังอดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามาแนะนำสินค้าให้กับพวกเขาเลย “คุณชายทั้งสอง ไม่ทราบว่าพวกท่านอยากดูเสื้อผ้าแบบไหนหรือ ? แบบเสื้อผ้าของร้านเราเป็นที่นิยมล่าสุดในเมืองหลวงเลยทีเดียว หากว่าสวมใส่ออกไปต้องดูดีอย่างแน่นอน”
กงจี้มองแบบเสื้อผ้าที่แขวนอยู่อย่างจับผิด เขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “วัสดุที่ใช้ถักทอหยาบเกินไป”
ถ้าหากว่าเป็นคนอื่นพูด เจ้าของร้านคงคัดค้านไปแล้ว วัสดุที่ใช้ถักทอทำเสื้อผ้าของร้านเขานั้น หากเปรียบกับร้านทั่วเมืองแล้ว มันหยาบตรงไหนกัน ?
แต่คุณชายทั้งสองนี้ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายหรือท่าทาง ดูก็รู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เจ้าของร้านจึงไม่มีความมั่นใจที่จะคัดค้าน ทำเพียงแค่ตอบรับอย่างนอบน้อม “โอ้! หากท่านอยากได้วัสดุชั้นดีกว่านี้ข้าจะให้คนไปนำออกมาให้ พอดีวัสดุเหล่านั้นล้ำค่าเกินไป หากแขวนไว้ข้างนอกเกรงว่าจะถูกจับบ้างลูบคลำบ้างจนพังเอาได้”
พูดเสร็จ เจ้าของร้านส่งสายตาให้พนักงานในร้านเพื่อให้ไปนำเสื้อผ้าที่ใช้วัสดุล้ำค่าของทางร้านออกมาจากในห้องเก็บของด้านหลัง
แต่เจียงป่าวชิงกลับคิดว่าไม่จำเป็น “นี่คุณชายกง ข้ากับอาฉิงยังต้องโตอีก เสื้อผ้าที่แขวนอยู่เหล่านี้ก็ไม่ได้แย่ ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองซื้อวัสดุชั้นเลิศหรอกน่า”
อีกอย่าง เสื้อผ้าเหล่านี้ล้วนเป็นชุดผู้ชายซึ่งสะดวกต่อการสวมใส่ยามเดินทาง มันน่าจะใส่ได้ไม่กี่ครั้ง ถ้าหากซื้อชุดที่ดีเกินไปมันจะเป็นการสิ้นเปลืองเอาได้
กงจี้ไม่สนใจคำพูดของเจียงป่าวชิง หลังจากที่เจ้าของร้านนำเสื้อผ้าชั้นเลิศออกมาแล้ว แม้เขาจะยังคงไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ในเมื่อชุดเหล่านี้ใช้วัสดุที่ดีที่สุดแล้วเขาก็ต้องเลือกใช้อย่างเสียมิได้
“ข้าเอาแบบนี้แหละ พวกเจ้าวัดขนาดรูปร่างของนางและตัดเย็บเสื้อผ้าให้นางสักสองสามชุด” จากนั้นเขาหันไปมองเจียงป่าวชิง “เจ้าจำขนาดเสื้อผ้าของน้องสาวเจ้าได้ไหม ?”
เจียงป่าวชิงมองผ้าไหมที่สวยงามอย่างจนปัญญาและถอนหายใจ ในขณะที่เจ้าของร้านตกใจที่ได้รู้ว่าเจียงป่าวชิงเป็นหญิงเพราะกงจี้เพิ่งเรียกว่านาง แต่เขาก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างว่องไว
เจียงป่าวชิงกับกงจี้ออกมาจากร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปแล้ว กงจี้สั่งทำเสื้อผ้าให้เจียงป่าวชิงกับเจียงฉิงคนละสี่ชุด เนื่องจากเป็นงานเร่งรีบเขาจึงต้องจ่ายเงินจำนวนมาก แต่ขอให้ทำเสร็จในวันพรุ่งและนำไปส่งที่โรงเตี๊ยม แน่นอนว่าเจ้าของร้านรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
ดีมากเพียงใดแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจียงป่าวชิงห้ามเขาไว้ เกรงว่าเขาคงต้องสั่งทำชุดเจ็ดถึงแปดชุดให้พวกนางเป็นแน่แท้
ทว่ากงจี้ยังอารมณ์ค้าง แต่เพื่อไม่ให้กงจี้ซื้อของให้อย่างไม่สามารถควบคุมได้อีก เจียงป่าวชิงจึงฉุดดึงเขาไปที่ร้านอาหารใกล้ ๆ นี้ “ข้าหิวแล้ว เรากินอะไรหน่อยเถอะ”
กงจี้เห็นด้วย แต่ร้านอาหารแห่งนี้ไม่มีห้องรับรองส่วนตัว เขากับนางจึงต้องหาตำแหน่งที่นั่งที่เหมาะที่ควร สุดท้ายมาได้โต๊ะติดกับหน้าต่างชั้นสองซึ่งถือว่าเงียบสงบพอสมควร
ตอนสั่งอาหาร กงจี้มองดูรายการอาหารอย่างจ้องจับผิด เขาเอ่ยสั่งพนักงานร้าน “นำอาหารจานพิเศษทั้งหมดของร้านพวกเจ้ามาให้พวกข้าอย่างละหนึ่ง”
พนักงานเดินไปที่ครัวเพื่อรายงานเรื่องรายการอาหารอย่างมีความสุข
เปลืองจริง ๆ!
เจียงป่าวชิงไม่อยากพูดอะไรกับเขาอีกแล้ว พูดไปก็เท่านั้น
เมื่อพนักงานยกอาหารออกมาให้ บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารเลิศรสมากมายหลากหลาย เจียงป่าวชิงมองดูอาหารเหล่านั้นด้วยความกลัดกลุ้ม นี่มันเยอะเกินไปมาก
เจียงป่าวชิงกำลังพยายามกินอาหารเพื่อให้ไม่รู้สึกเสียดายเงินไปมากกว่านี้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่ากงจี้กำลังมองอยู่ด้วยแววตายิ้มแย้ม
เนื่องจากมีน้องสาวอยู่ที่บ้าน เจียงป่าวชิงจึงให้ความสำคัญกับมารยาทและวิธีการกินของตัวเอง เมื่อเห็นว่ากงจี้มองมาเช่นนั้นก็คิดว่าตัวเองมีปัญหาตรงไหนหรือเปล่าจึงลูบแก้มโดยไม่รู้ตัวและเอ่ยถามเสียงเบา “มีอะไรติดหน้าข้ารึ ?”
กงจี้เลิกคิ้วขึ้นและพูดนิ่ง ๆ “ไม่มี ข้าแค่ชอบมองเจ้าเท่านั้น”
กงจี้ไม่ใช่คนที่ชอบพูดคำพลอดรักอะไร จู่ ๆ เขาก็พูดมันออกมาอย่างกะทันหันทำให้เจียงป่าวชิงหน้าแดงใจเต้นโครมคราม นางถึงกับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรอยู่ชั่วขณะ
ตอนที่กำลังพูดไม่ออกก็มีเด็กผู้หญิงอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปีโดยประมาณเดินถือพิณจีนขึ้นมาบนชั้นสอง นางมองไปรอบ ๆ สุดท้ายเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะของพวกเขาอย่างขลาดกลัวและพูดขึ้นเสียงเบา “คุณชายทั้งสอง ให้ข้าร้องเพลงให้พวกท่านฟังเถอะนะจ๊ะ”
อันที่จริงเจียงป่าวชิงชอบดูอุปรากรจีนโบราณและชอบฟังคนเล่นดนตรีอยู่พอสมควร แต่มีคนมาร้องเพลงอยู่ข้าง ๆ ในตอนที่กำลังรับประทานอาหารเช่นนี้มันออกจะค่อนข้างรู้สึกอึดอัดไปหน่อย นางจึงปฏิเสธไปอย่างนุ่มนวล “ไม่เป็นไรจ้ะ”
เด็กผู้หญิงคนนั้นตาแดงก่ำ นางกอดพิณจีนพลางคุกเข่าลงตรงหน้าเจียงป่าวชิง “คุณชายช่วยเมตตาหน่อยนะจ๊ะ สงสารข้าเถอะ ครอบครัวข้ายากจน พ่อที่อยู่ที่บ้านกำลังป่วยหนักและขึ้นอยู่กับข้าที่จะร้องเพลงเพื่อแลกเงินค่ายา วันนี้ยาที่บ้านก็หมดแล้ว ถ้าหากว่าไม่มีเงินซื้อยา เกรงว่า…” นางก้มหน้าสะอื้นไห้อย่างสุดที่จะทนได้
ในน้ำเสียงอ่อนหวานของเด็กสาวปนไปด้วยความโศกเศร้า เสียงเล่าเรื่องแผ่วเบานั้นสามารถดึงดูดความสนใจของคนที่อยู่อีกโต๊ะได้อย่างรวดเร็ว
ชายคนนั้นวางเท้าบนเก้าอี้ด้านข้างแล้วผิวปาก “แม่นางคนงาม เจ้ามาหาข้าดีกว่า สองคนนั้นไม่รู้จักดูแลเอาใจใส่สตรี แต่ข้าคนนี้เป็นคนที่รักและทะนุถนอมสาวงามดีที่สุด มา เจ้าร้องเพลงซาบซึ้งกินใจให้ข้าฟังแล้วข้าจะให้รางวัลอย่างงาม”
เด็กสาวกอดพิณจีน ลุกขึ้นจากบนพื้นอย่างขลาดกลัว นางมองพวกกงจี้ด้วยน้ำตานองหน้าและย้ายไปที่โต๊ะของชายคนนั้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะเริ่มดีดพิณจีนและร้องเพลงด้วยน้ำเสียงไพเราะทว่าเศร้าโศกอยู่ในที
ร้องเพลงเสร็จ ชายคนนั้นปรบมืออย่างคึกคักดีใจ “ไอ้ยา! ร้องได้ไม่แย่เลยหนิ ดีมาก! ถึงอารมณ์มาก! สาวน้อยเจ้ายังเด็กนัก ข้าไม่คิดว่าพอร้องเพลงแล้วจะได้อารมณ์เช่นนี้” พูดจบชายคนนั้นหยิบทองแดงออกมายัดใส่ในมือของเด็กสาวอย่างลวก ๆ “ข้าให้รางวัลเจ้า ไปซื้อยาให้พ่อเจ้าเถอะ”
เด็กสาวส่งเสียงอุทานอย่างตกใจ นางกอดพิณจีนไว้และก้าวถอยหลังอย่างหมดสภาพในขณะที่ชายคนนั้นทำทีเหมือนรอให้นางทำอะไรบางอย่างให้เขา แต่เมื่อเห็นว่านางไม่ทำเขาก็พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
“บ๊ะ! เจ้านี่ไม่รู้เอาซะเลยว่าต้องทำอะไร ข้าให้เงินเจ้าแต่ดูเจ้าสิ!” ชายคนนั้นตบโต๊ะตวาดขึ้นเสียงดัง “ข้าหมดอารมณ์แล้ว เจ้าจะไปไหนก็ไปไป๊!”
เด็กสาวพยายามกลั้นน้ำตา
เจียงป่าวชิงกำลังดื่มน้ำผึ้งผสมเหมยเขียวอยู่ก็เห็นว่าเด็กสาวคนนั้นเดินมาหยุดที่ข้างโต๊ะนางอีกครั้ง แล้วถามด้วยน้ำเสียงสะอื้นเล็กน้อย “คุณชายทั้งสอง ฟังเพลงไหมจ๊ะ ?”
“ไม่ฟัง” กงจี้ตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง
เด็กสาวกอดพิณจีนไว้และร้องไห้สะอื้นทั้งอย่างนั้น “คุณชาย โปรดเมตตาหน่อยเถอะนะ สงสารข้าด้วยเถอะ…”
เจียงป่าวชิงวางช้อนลง เมื่อด้ามช้อนเครื่องเคลือบสัมผัสกับชามกระเบื้องทำให้เกิดเสียง “ติ๊ง” ที่คมชัดมาก
เสียงร้องไห้ของเด็กสาวหยุดชะงักเล็กน้อย แต่จากนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เจียงป่าวชิงถอนหายใจ “แม่นาง เจ้ามาหาคนผิดแล้ว อย่ามองว่าเราสองคนดูเหมือนเอาเปรียบได้ง่าย อันที่จริงเราทั้งคู่เป็นคนใจแข็งเหมือนเหล็ก” เจียงป่าวชิงหยุดพูด กวาดตามองอาหารที่วางเต็มอยู่บนโต๊ะและอดที่จะแขวะกงจี้ในใจไม่ได้ ‘นี่ไม่ใช่เหมือนหรอก แต่นี่แสดงให้เห็นว่าเป็นพวกคนรวยที่ถูกเอาเปรียบได้ง่ายเลยต่างหากล่ะ’
เด็กสาวมองเจียงป่าวชิงด้วยใบหน้าขาวซีด “ข้าไม่เข้าใจว่าคุณชายหมายความว่ายังไง…”
เจียงป่าวชิงเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะและถามอย่างอดทน “เจ้าทำเงินได้มากที่สุดจากการดีดพิณในแต่ละวันเท่าไหร่ ?”
เด็กสาวตอบ “ถ้าหากว่าโชคดีและแขกรู้สึกสงสาร ข้าก็สามารถทำเงินได้หลายสิบทองแดงเลยจ้ะ แต่ถ้าดวงไม่ดีบางครั้งไม่ได้สักทองแดงเลยก็มี” พูดจบ เด็กสาวก้มหน้าลง เนื้อตัวนางสั่นเทา
.