แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 348 เลี่ยวชุนหยู่
เจียงป่าวชิงเห็นว่าบนใบหน้าของเจียงหยุนชานเต็มไปด้วยความลังเลก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ และจงใจแกล้งเจียงหยุนชาน “พี่ พี่ไม่พอใจกงจี้ขนาดนั้นเลยรึ ?”
แต่เจียงหยุนชานกลับส่ายหน้าอย่างตั้งใจ “ไม่ แม้นิสัยคุณชายกงจะแปลกประหลาดไปหน่อย แต่เขาก็เป็นคนดีอย่างไม่ต้องสงสัยและเป็นผู้มีพระคุณที่ให้ชีวิตใหม่แก่เราสองพี่น้อง ข้าไม่ได้ไม่พอใจอะไรเขาหรอก เพียงแค่…” เจียงหยุนชานขมวดคิ้ว “ข้าเคยได้ยินมาว่าสถานการณ์ภายในครอบครัวของเขาค่อนข้างซับซ้อนจึงเป็นห่วง กลัวว่าเจ้าจะถูกเอาเปรียบเมื่อถึงตอนนั้น”
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นอย่างตั้งใจ “ไม่หรอกพี่ กงจี้ต้องปกป้องข้าได้แน่ ส่วนข้าเองก็ไม่ใช่สัตว์กินพืชสักหน่อย จะถูกเอาเปรียบง่าย ๆ ได้ยังไงล่ะ พี่ต้องเชื่อมั่นในตัวข้ากับกงจี้สิ” นางหยุดชะงักเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “อีกอย่าง เมื่อถึงตอนนั้นพี่จะได้หนุนหลังให้ข้าด้วยไง”
เจียงหยุนชานได้รับกำลังใจจากเจียงป่าวชิงก็รู้สึกห้าวหาญขึ้นทันที เขาพยักหน้าอย่างหนักแน่นและพูดอย่างตั้งใจ “ป่าวชิง เจ้าไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วงเลย!”
ตอนที่สองพี่น้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เจียงฉิงส่งเสียงอุทานพลางพูดขึ้นอย่างอ่อนแอ “การที่พี่สาวไตร่ตรองไปไกลขนาดนี้ เพราะพี่ตั้งใจว่าจะแต่งงานกับแม่ทัพกงอยู่แล้วหรือจ๊ะ ?”
“…” นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงป่าวชิงอยากเย็บปากของอาฉิงให้รู้แล้วรู้รอด
สุดท้าย รถม้าก็มาหยุดในซอยค่อนข้างเงียบสงบแห่งหนึ่ง คนบังคับรถม้านำม้านั่งมาวางให้และเอ่ยชมตำแหน่งของที่นี่ไปด้วย “ไม่ใช่ว่าข้าจะประจบอะไรหรอกนะนายเจียง แต่ตำแหน่งของบ้านหลังนี้ช่างดีจริง ๆ กลางซอยเงียบสงบ มีร้านขายผักผลไม้อยู่ไม่ห่างจากหลังซอย ถนนหน้าซอยก็มีร้านขายพู่กันขายหมึกขายแท่งเขียนตำราและยังมีร้านผ้าอยู่เยอะ สามารถเข้าสู่โลกและสามารถถอยหลังเพื่อเรียนรู้ได้ โอ้! ตำแหน่งดีมากจริง ๆ คนมั่งคั่งร่ำรวยธรรมดาก็ซื้อบ้านที่นี่ไม่ได้”
เจียงหยุนชานถูกคนบังคับรถม้าเอ่ยชมจนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เขาอธิบาย “นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่ท่านอาจารย์มอบให้ข้าเมื่อข้าอายุครบสิบหก เดิมทีข้าไม่กล้ารับไว้ แต่ท่านอาจารย์บอกว่าข้าเข้าเมืองหลวงมาได้จะครบปีแล้ว ถ้าข้ามีที่พักคงเป็นเรื่องดี เหมือนพวกศิษย์พี่ของข้าต่างก็มีกันคนละหลังทั้งนั้น หากข้าไม่รับไว้มันเป็นการดูไม่ดี” พูดไปพูดมาเจียงหยุนชานรู้สึกเกรงใจ “ท่านอาจารย์มีพระคุณกับข้ามาก ข้าไม่รู้จะตอบแทนเขายังไงดีเลยจริง ๆ”
คนบังคับรถม้าอดยกนิ้วโป้งให้เจียงหยุนชานไม่ได้ เขาพูดด้วยความอิจฉาว่า “ท่านอาจารย์ของนายเจียงขาดลูกศิษย์อีกไหมหนอ คนอายุมากเช่นข้ายังสามารถเข้าตาท่านอาจารย์อยู่หรือเปล่า ?”
เดิมทีนี่เป็นคำพูดล้อเล่น แต่เจียงหยุนชานกลับอธิบายอย่างจริงจัง “ข้าคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์เคยบอกว่าจะไม่รับลูกศิษย์เพิ่มแล้ว”
คนบังคับรถม้ารู้สึกงุนงง ทว่าจากนั้นเขาหัวเราะยกใหญ่ “ฮ่า ๆ ๆ นายเจียงช่างเป็นผู้มีนิสัยใจคอจริงจังจริง ๆ”
เมื่อพาเจียงป่าวชิงกับเจียงฉิงมาส่งที่นี่แล้ว ภารกิจของคนบังคับรถม้าก็สิ้นสุดลง เขาทำความเคารพเจียงป่าวชิงกับเจียงฉิง “แม่นางทั้งสอง ข้าขอลาแต่เพียงเท่านี้”
เจียงป่าวชิงกับเจียงฉิงขอบคุณคนบังคับรถม้าที่ดูแลพวกนางมาตลอด แต่เขากลับพูดขึ้น “ข้าต่างหากที่ควรขอบคุณแม่นางทั้งสอง ถ้าหากว่าไม่ได้แม่นางทั้งสองที่คอยช่วยเหลือผู้บาดเจ็บก่อนหน้านี้ ก็ไม่รู้ว่าเรายังต้องสูญเสียสหายร่วมทางไปอีกกี่คน บุญคุณใหญ่ล้นเช่นนี้มันเบาเกินกว่าจะกล่าวด้วยคำขอบคุณ ต่อไปถ้าหากว่าแม่นางทั้งสองมีอะไรให้รับใช้ก็บอกข้าได้เลย” พูดเสร็จ เขาเอ่ยขอบคุณอย่างตั้งใจ ทิ้งตำแหน่งที่อยู่ชั่วคราวของเขาให้พวกนางแล้วถึงจะบังคับรถม้าจากไป
…
ก๊อก ๆ ๆ!
เจียงหยุนชานยกมือเคาะประตูบ้านหลังเล็กและร้องเรียก “ตงเส่ เจ้าอยู่หรือเปล่า ?”
ตงเส่เป็นเด็กรับใช้ของเลี่ยวชุนหยู่ บางครั้งเจียงหยุนชานต้องไปแสวงหาความรู้กับท่านอาจารย์ของเขาสองสามวัน ช่วงเวลานั้นก็ฝากให้ตงเส่ดูแลเลี่ยวชุนหยู่
ในบ้านหลังเล็กนี้ ตอนนี้มีเพียงเจียงหยุนชาน เลี่ยวชุนหยู่ และตงเส่พักกันอยู่สามคน
ตอนที่ได้รับจดหมายของกงจี้ช่วงก่อนหน้านี้ เจียงหยุนชานจัดเก็บสองห้องฝั่งทิศตะวันออก ด้วยเหตุนี้ เลี่ยวชุนหยู่จึงร้องไห้โวยวายอีกครั้ง เขาคิดว่าเจียงหยุนชานไม่ให้ความสำคัญกับเขาถึงได้เก็บกวาดห้องที่เขาใช้เก็บของเล่นให้กับคนอื่น เรื่องนี้ทำให้เขาระบายอารมณ์อยู่สักพัก
เจียงหยุนชานเคาะประตูอยู่สักพักแต่ก็ยังไม่มีคนขานรับจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หรือว่าทั้งสองคนออกไปเล่นบ้า ๆ อีกแล้ว เฮ้อ! เจ้าเด็กชุนหยู่ ก็เคยบอกไว้แล้วว่าจะพาพวกเจ้ากลับมาในวันนี้ และให้รออยู่ที่บ้านกับตงเส่”
เจียงป่าวชิงยั้งมือที่กำลังเคาะประตูของเจียงหยุนชาน แนบหูติดกับประตูแล้วฟังอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ค่อย ๆ ขมวดคิ้วและทำปากบอกกับเจียงหยุนชานแบบไม่ออกเสียง “มีคนอยู่ในบ้าน”
เจียงหยุนชานขมวดคิ้ว มีคนอยู่ในบ้านแท้ ๆ แต่กลับไม่มีคนขานรับ ช่างก่อกวนเหลือเกิน คิดได้ดังนั้น สีหน้าเจียงหยุนชานพลันเปลี่ยนไป คงไม่ใช่ว่าโจรขึ้นบ้านกระมัง
แม้กฎระเบียบในเมืองหลวงจะค่อนข้างดี แต่ก็ไม่สามารถต้านทานโจรได้ทุกคน และแม้ตงเส่จะอายุมากกว่าเลี่ยวชุนหยู่ ถึงอย่างไรก็ยังเป็นแค่เด็กวัยสิบสาม ถ้าหากว่า…
เจียงหยุนชานเป็นกังวลอย่างหนัก สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาและเขาก็เริ่มกลัดกลุ้มมากขึ้น
เจียงป่าวชิงส่งสายตาให้เจียงหยุนชานและพูดไปด้วย “พี่ ดูเหมือนว่าจะไม่มีคนอยู่ข้างใน ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราไปพักที่บ้านสหายของข้าก่อนสักวันดีไหม ?”
แม้สองพี่น้องจะไม่ได้เจอกันสามปี แต่อย่างน้อยความเข้าใจกันก็ยังคงอยู่ เพียงแค่เจียงป่าวชิงส่งสายตา เจียงหยุนชานก็รู้ได้ทันทีว่านางคิดจะทำอะไรจึงตอบรับคำพูดของนาง “เฮ้อ! ดูเหมือนว่าชุนหยู่จะออกไปเล่น นี่เขาก่อเรื่องจงใจใส่กุญแจข้างในแน่ ๆ ไป ป่าวชิง เราไปพักที่บ้านสหายเจ้ากันเถอะ”
เจียงป่าวชิงจูงมือเจียงหยุนชาน จงใจเพิ่มน้ำหนักฝีเท้าและค่อย ๆ เดินห่างไปไกล
ผ่านไปสักครู่ประตูก็เปิดออก ก่อนที่ศีรษะมีลูกผมปุกปุยจะมุดออกมาจากซอกประตู มองซ้ายมองขวาก่อนจะพูดขึ้นด้วยท่าทีทำเป็นลึกลับ “ตงเส่ พวกเขาไปแล้วจริง ๆ”
อีกเสียงพูดขึ้นอย่างสนุกสนาน “ฮ่า ๆ ๆ คุณชายเล็ก ข้าบอกแล้วไงว่าวิธีนี้ได้ผล”
เจ้าของศีรษะมีลูกผมปุกปุยนั้นเปิดประตูออกและเอามือเท้าสะเอวอยู่ตรงประตูอย่างภาคภูมิใจ “หึ ข้าต้องการทำให้พวกเขารู้ว่าใครเจ๋งที่สุดในบ้านหลังนี้!”
“อ้อ เจ้าเองรึเลี่ยวชุนหยู่” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้าง เจียงฉิงโผล่ออกมาจากที่ลับตาคนและจับแขนเลี่ยวชุนหยู่ไว้ก่อนจะพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ให้ข้าดูหน่อยสิว่าทำไมเจ้าถึงได้เจ๋งที่สุดในบ้านหลังนี้”
เลี่ยวชุนหยู่สะดุ้งโหยง “อ๊าก! เจ้าเด็กเถื่อนนี่โผล่มาจากไหน” เขาดิ้นรนพยายามสะบัดแขนของเจียงฉิง “ปล่อยข้า ปล่อย!”
ถึงอย่างไรเลี่ยวชุนหยู่ก็อายุเพียงเก้าขวบ เด็กผู้ชายมักเจริญเติบโตช้ากว่าเด็กผู้หญิงนิดหน่อย ดังนั้น เจียงฉิงในวัยสิบสองจึงควบคุมเลี่ยวชุนหยู่วัยเก้าขวบได้อย่างง่ายดาย
นี่เป็นครั้งแรกที่เลี่ยวชุนหยู่ถูกผู้หญิงรังแก ปกติแล้วเด็กผู้หญิงที่โตกว่าเขาหน่อยมักจะรู้จักหลีกเลี่ยงไม่มาทะเลาะกับเขา ขณะนี้เขาหน้าแดงก่ำ หันไปขอความช่วยเหลือจากตงเส่ “ตงเส่ เจ้าจะยืนโง่อยู่ทำไม ยังไม่รีบมาช่วยข้าอีก!”
“ดะ… ได้เลย” ตงเส่รีบตอบพลางรูดแขนเสื้อขึ้นเตรียมเข้าไปร่วมสงครามย่อม ๆ
ทว่าทันใดนั้นเขาเห็นว่าเจียงหยุนชานหรือคุณชายใหญ่ของเขาทำสีหน้าเย็นชาและกำลังเดินมาทางนี้จากท้ายซอยพร้อมหญิงสาวงดงามรูปลักษณ์ราวกับนางฟ้านางสวรรค์ที่ลงมาบนพื้นโลกก็มิปาน
ตงเส่ปอดแหกทันที เขากระแอมไอและบอกไม่ให้เลี่ยวชุนหยู่โวยวายอีก
.