แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 349 เจตนาร้าย
เลี่ยวชุนหยู่กลับไม่ได้รับสัญญาณจากตงเส่ เขาพยายามสะบัดแขนอยู่พักหนึ่งก็ยังไม่หลุดจากฝ่ามืออันเหนียวแน่นของเจียงฉิง ตอนนี้เขาร้อนใจมาก ปากพ่นด่าคำหยาบออกมายาวเหยียดหยุดไม่ได้
ตอนที่เขาเริ่มอยู่ภายใต้การดูแลของเจียงหยุนชานก็อายุหกขวบแล้ว และเด็กอายุหกขวบในชนบทก็ถือว่าเป็นวัยที่รู้อะไรค่อนข้างมาก อย่างเช่นคำที่ใช้ด่าคนอื่น ที่ชนบทเด็กเหล่านี้จะเห็นหรือได้ยินเป็นประจำ ทำให้ซึมซับเข้าไปในตัวอย่างไม่รู้ตัว แค่อ้าปากพวกเขาก็ด่าเป็นกันแล้ว
เจียงหยุนชานไม่อนุญาตให้เลี่ยวชุนหยู่พูดคำหยาบ เขาเข้มงวดในเรื่องนี้มาก ยามปกติเลี่ยวชุนหยู่จะอดทนอดกลั้นจนทุกข์ทรมานใจ แต่พอเขาถูกเจียงฉิงยุแหย่ในตอนนี้ตบะพลันแตกเผลอพ่นคำหยาบออกมามากมาย แรกเริ่มยังด่าไม่ค่อยเข้าใจ แต่ตอนหลังพอยิ่งด่าก็ยิ่งราบรื่น ยิ่งด่าก็ยิ่งมีความสุข
เจียงฉิงฟังจนตกตะลึงเลยทีเดียว
หากพูดกันตรง ๆ เจียงฉิงคุ้นเคยกับคำหยาบไม่น้อยไปกว่าเลี่ยวชุนหยู่ นางเร่ร่อนขอทานมาตั้งแต่ยังเล็ก และเมื่อพบกับเจียงป่าวชิงก็ไปอยู่ในหมู่บ้านโจรที่เหล่าโจรในหมู่บ้านพูดคำหยาบทุกหนทุกแห่ง ถ้าหากว่าถือตามความเคยชิน เจียงฉิงรู้คำด่าเยอะกว่าเลี่ยวชุนหยู่มาก
แต่เจียงฉิงไม่ชอบพูดคำหยาบเพราะนางรู้ว่าพี่ป่าวชิงของนางไม่ชอบฟังคำพูดเหล่านั้นที่เต็มไปด้วยคำสาปแช่งด่าทอ บางครั้งนางเผลอด่าคนอื่นอยู่เหมือนกันและพี่ป่าวชิงก็ไม่ห้าม ทว่าอย่างไรก็ตามเจียงฉิงตัวน้อยรู้ว่าถ้านางพูดคำหยาบเหล่านั้น พี่ป่าวชิงของนางจะต้องไม่สบายใจอย่างแน่นอน
เจียงฉิงมองเลี่ยวชุนหยู่ที่พ่นคำหยาบคายต่ำช้าและมีอานุภาพทำร้ายจิตใจพลางคิดในใจว่าจบเห่แล้ว พี่ป่าวชิงกับพี่หยุนชานต้องเสียใจแน่แล้ว
เจียงฉิงแอบปล่อยแขนเลี่ยวชุนหยู่อย่างเงียบ ๆ
อันที่จริงก่อนพบกันนางตั้งหน้าตั้งตารอน้องชายคนนี้อยู่พอสมควร นางเคยมีน้องชายหนึ่งคนแต่ไม่สามารถดูแลเขาให้ดีได้ ปล่อยให้เขาจากโลกนี้ไปตั้งแต่อายุยังน้อย ทุกครั้งที่เจียงฉิงคิดว่าในตอนนี้นางมีความสุขมากแต่น้องชายกลับไม่มีบุญวาสนาได้เสพสุขอย่างนาง คิดเช่นนั้นทีไรนางก็มักรู้สึกทรมานใจทุกครา
ตอนที่นางได้ยินเจียงหยุนชานบอกว่ายังมีน้องชายอายุเก้าขวบอยู่ที่บ้านอีกหนึ่งคน อันที่จริงนางดีใจมาก เพื่อน้องชายคนนี้ วันนี้นางกับพี่ป่าวชิงตั้งใจเปลี่ยนไปใส่ชุดผู้หญิงและนางยังขอให้พี่ป่าวชิงถักเปียสวยงามให้อย่างตั้งใจเพื่อมาเจอน้องชายเสียด้วยซ้ำ ไม่คิดเลยว่าน้องชายคนนี้จะดื้อรั้นมากกว่าที่คิด
เจียงฉิงมองดูเจียงหยุนชานที่เดินไปตรงหน้า สีหน้าของเจียงหยุนชานไม่สู้ดีนัก อารมณ์ในแววตาของเขาไม่ใช่ความโกรธ มันเหมือนเขากำลังตำหนิตัวเองมากกว่า
เขาโทษตัวเองที่ไม่ได้สอนเลี่ยวชุนหยู่ให้ดี
เจียงฉิงถอนหายใจ ‘น้องชุนหยู่คนนี้ไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย พี่หยุนชานคงเป็นทุกข์มากแน่นอน’ คิดแล้วนางก็เดินมายืนอยู่ข้างเจียงป่าวชิงอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะพิงลงไปบนร่างของเจียงป่าวชิงโดยไม่ได้พูดอะไร
ในที่สุดเลี่ยวชุนหยู่ที่ด่าจนพอใจแล้วก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตงเส่ทำหน้าโศกเศร้าเสียใจและคอยขยิบตาให้เขาเสมอ และเขาไม่รู้ด้วยว่าเด็กเถื่อนที่จับแขนเขาไว้ปล่อยแขนเขาแล้วเดินห่างไปตั้งแต่ตอนไหน
เมื่อสักครู่เขาหมกมุ่นกับการด่าเกินไปจึงไม่ทันสังเกตเลย
แต่ในที่สุดเลี่ยวชุนหยู่ก็เห็นเจียงหยุนชานที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาในตอนนี้ สีหน้าเด็กชายเปลี่ยนไปทันทีและพูดติดอ่างในทันใด “พี่ ข้า… ข้า…”
เจียงหยุนชานหลับตา ผ่านไปสักพักเขาถึงถอนหายใจออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง “เฮ้อ…! ช่างเถอะ เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า ทั้งครอบครัวยืนกันอยู่ข้างนอกแบบนี้ดูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่” พูดเสร็จ เขาก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปโดยไม่มองเลี่ยวชุนหยู่เลย
ไม่ตำหนิ ไม่ประณาม เพียงแค่ถอนหายใจเท่านั้น
เลี่ยวชุนหยู่เหมือนถูกใครบางคนตีด้วยไม่พลอง ใบหน้าเขาทั้งเขียวทั้งแดงดูแล้วช่างมีสีสันจริง ๆ
ตงเส่ค่อย ๆ ขยับไปอยู่ข้าง ๆ เลี่ยวชุนหยู่แล้วพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง “คุณชายเล็ก… เราเองก็เข้าไปด้วยสิ”
เลี่ยวชุนหยู่ดึงสติกลับมาและถลึงตาใส่เจียงป่าวชิงกับเจียงฉิงอย่างเดือดดาล มือกำหมัดแน่นขณะที่เดินตามเจียงหยุนชานเข้าไปข้างใน เขาเดาได้แล้วว่าผู้หญิงสองคนนี้ คนหนึ่งคงเป็นน้องสาวฝาแฝดที่พี่ชายของเขาเคยบอก และยังมีคนที่น้องสาวของพี่ชายเขายอมรับให้เป็นน้องสาวโดยชอบธรรมอีกด้วย
เลี่ยวชุนหยู่กำหมัดแน่นขึ้น
เดิมทีเจียงฉิงอยากบอกเจียงป่าวชิงว่านางรู้สึกว่าเลี่ยวชุนหยู่เหมือนจะไม่ชอบพวกนางสองคนเอามาก ๆ แต่พอคิดดูแล้วหากพูดไปมันเป็นการยุยงเสียมากกว่าการเตือน เจียงฉิงจึงปิดปากไม่ได้พูดอะไร
ถึงอย่างไรพี่ป่าวชิงของนางก็ฉลาดมากอยู่แล้ว พี่สาวคงสัมผัสได้ถึงความอาฆาตพยาบาทของเด็กคนนั้นได้เช่นกัน
เจียงป่าวชิงเดินจูงมือเจียงฉิงเข้าไปในบ้านก่อนะจะกวาดตามองสังเกตตัวบ้าน บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังเล็กที่มีลานบ้านเล็ก ๆ นอกจากห้องครัวแยกออกมาโดด ๆ แล้ว ก็มีห้องสองห้องทางทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกและมีที่นั่งอยู่หน้าห้อง ตรงกลางเป็นห้องโถงที่เหมือนกับใช้สำหรับรับรองแขก
ทางเดินในลานบ้านเป็นหินกรวด ในตอนที่ก้อนกรวดต่าง ๆ อยู่ภายใต้แสงแดดมันทั้งดูแตกต่างและสวยงามมาก ในแปลงดอกไม้เล็ก ๆ ข้างทางมีต้นไห่ถางปลูกไว้ด้านหนึ่ง แต่อีกด้านกลับเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ทว่าเห็นได้ชัดว่ามันเป็นแปลงดินที่เตรียมปลูกอะไรบางอย่าง
เจียงป่าวชิงจูงมือเจียงฉิงเดินเลียบทางเดินหินกรวดเข้าไปในห้องโถง
เจียงหยุนชานนั่งเท้าแขนอยู่บนเก้าอี้ในห้องโถงโดยที่ยังคงเงียบชวนขนลุก
เลี่ยวชุนหยู่ยืนประสานมืออยู่ด้านข้างด้วยท่าทางยอมรับผิด แต่ดวงตาที่มองซ้ายมองขวาของเขากลับแสดงให้เห็นว่าเขาไม่คิดว่าตัวเองผิดเลย เขาแค่กำลังรับมือกับเจียงหยุนชานเท่านั้น
แววตาของเจียงป่าวชิงหนักแน่น นางเดินไปข้างหน้าและเรียกว่า “พี่ชาย” เสียงเบา
เจียงหยุนชานราวกับถูกทำให้ตื่นจากภวังค์ความโกรธ เขาดึงสติกลับมาและเมื่อเห็นว่าเจียงป่าวชิงเดินเข้ามาแล้วก็รีบพูดขึ้นทันที “ป่าวชิง เจ้านั่งได้ตามสบาย ที่นี่ก็คือบ้านของเจ้าเหมือนกัน เจ้าทำตัวตามสบายได้เลย”
เจียงป่าวชิงสังเกตเห็นว่าเมื่อเจียงหยุนชานพูดคำนี้ สายตาของเลี่ยวชุนหยู่ฉายประกายความไม่พอใจออกมาเล็กน้อย
เจียงป่าวชิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ “พี่ ห้องของข้ากับอาฉิงอยู่ทางนั้นใช่ไหม งั้นเราสองคนขอตัวไปเก็บของก่อนนะ”
“ข้าพาพวกเจ้าสองคนไปดูก่อนดีกว่า พวกเจ้าสองคนดูสิว่าต้องเพิ่มอะไรในห้องอีก ถ้าต้องเพิ่มอะไรอีกก็บอกข้าได้” เจียงหยุนชานลุกขึ้น เขายังเดินได้ไม่เท่าไหร่ก็หันกลับมาพูดกับเลี่ยวชุนหยู่อย่างเคร่งขรึม “เจ้าพิจารณาตัวเองอยู่ตรงนี้ก่อน อีกประเดี๋ยวข้าจะกลับมาคุยกับเจ้า”
เลี่ยวชุนหยู่ก้มหน้า มือยังคงกำหมัดแน่น
เมื่อสามคนออกไปจากห้องโถงแล้ว ตงเส่แอบถือถ้วยน้ำเข้ามาจากด้านข้างอย่างเงียบ ๆ “คุณชายเล็ก เมื่อกี้นี้คุณชายเล็กด่าเด็กนั่นได้เจ๋งจริง ๆ ท่านหิวน้ำไหม ดื่มน้ำให้ชุ่มคอก่อนนะ”
เลี่ยวชุนหยู่พูดขึ้นด้วยความเกลียดชัง “โกหกข้าทั้งนั้น! บอกว่าเห็นข้าเหมือนน้องชายแท้ ๆ แต่หลังจากที่นางผู้หญิงสองคนนั้นมาที่นี่ก็ลืมข้าแล้ว! ตงเส่ มีแค่เจ้านี่แหละที่เป็นห่วงข้า เจ้าดูสิ เจ้ายังรินน้ำให้ข้าเลย พี่ชายข้าไม่เป็นห่วงข้าเลยด้วยซ้ำ ก็เห็นอยู่ว่าที่นี่คือบ้านของข้ากับพี่ชายข้า ไม่ใช่บ้านของผู้หญิงสองคนนั้นสักหน่อย!”
“ไอ้โย! คุณชายเล็กของข้า ท่านไตร่ตรองดูสักนิดเถอะ” ตงเส่ขยับเข้าไปตรงหน้าเลี่ยวชุนหยู่และพูดขึ้นเสียงเบา “ผู้หญิงคนที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มคนนั้นเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของคุณชายใหญ่ นางถือเป็นครอบครัวเป็นญาติสนิทเลยนะ ไม่ว่าท่านจะพูดยังไงท่านก็เทียบนางไม่ได้หรอก แต่ว่า…” ตงเส่ลากเสียงให้ยาวและยังไม่ยอมพูดต่อเพื่อยั่วให้อีกฝ่ายอยากรู้
แต่เลี่ยวชุนหยู่ยังเด็กอยู่เขาจึงหลงกลกับคำพูดนี้ ตงเส่พูดมาขนาดนี้เขาก็ติดกับและอดถามไม่ได้ “แต่อะไร ทำไมเจ้าต้องพูดครึ่งนึงซ่อนครึ่งนึงด้วย ?”
ตงเส่ทำท่าทางลึกลับแล้วพูดขึ้น “ท่านเห็นเด็กผู้หญิงอีกคนไหม คนที่จับแขนท่านเมื่อกี้น่ะ ครั้งที่แล้วคุณชายใหญ่บอกว่าน้องสาวของเขาก็ยอมรับเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องสาวโดยชอบธรรมด้วยและให้นางแซ่เจียงเหมือนกันไม่ใช่รึ ท่านดูสิว่าเด็กคนนั้นมีแผนการขนาดไหน เพื่อเอาใจน้องสาวของคุณชายใหญ่ แม้แต่แซ่ของตัวเองก็ไม่ต้องการแบบนั้น!”
.