แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 357 ร้านยาใจสัตย์ซื่อ
หญิงคนที่มีดอกไม้สีขาวเสียบอยู่บนศีรษะเดินไปที่ซอยฉางผิงด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ
พื้นที่รอบ ๆ ซอยฉางผิงโดยส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยของผู้คน เห็นได้ชัดว่าถนนสายนี้มีปัญหาเรื่องเส้นทาง ทางเลี้ยวไปเลี้ยวมามีมากเกินไปจนง่ายต่อการงง ไหนจะพื้นดินที่แสนขรุขระ บางจุดก็ไม่มีแผ่นหินทำให้เจียงป่าวชิงเกือบข้อเท้าเคล็ดในตอนที่นางกำลังสังเกตสภาพแวดล้อมของบริเวณโดยรอบ
ผู้หญิงคนที่เดินอยู่ด้านหน้าได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจึงหันกลับมามองเจียงป่าวชิงอย่างระมัดระวัง “น้องสาว เจ้าตามข้ามาจากร้านยา เจ้า… เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ ?”
เจียงป่าวชิงนั่งยอง ๆ เพื่อนวดตรงข้อเท้า ก่อนจะส่งยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้นอย่างเป็นมิตร “คุณน้าอย่าได้กลัวไปเลย ข้าได้ยินพวกคุณน้าคุยเกี่ยวกับเรื่องยาเม็ดจึงมีความสนใจอย่างมาก แต่ข้าไม่รู้จักเส้นทางก็เลยอยากไปดูพร้อมกับคุณน้าน่ะจ้ะ”
แม้ใบหน้าของเจียงป่าวชิงจะติดเย็นชาแต่นางเกิดมาสวยน่ารัก รอยยิ้มนุ่มนวลของนางดูแล้วไม่เหมือนคนไม่ดี หญิงคนนั้นจึงลดความหวาดระแวงลงโดยไม่รู้ตัว นางถามเจียงป่าวชิงทั้งที่กำลังไอ “น้องสาว ทำไมเจ้าไม่รีบพูดตั้งแต่แรกล่ะ ข้าไม่เคยใช้ยาเม็ดนั้นหรอก ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า เฮ้อ… ถือว่าลองเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน แค่ก ๆ ๆ”
หญิงคนนั้นอดไม่ได้ที่จะไอออกมาอีกเล็กน้อย
เจียงป่าวชิงตามนางเข้าไปในซอยฉางผิง ซอยนี้ค่อนข้างคับแคบ ผนังโดยรอบมีความสูงต่ำไม่เท่ากัน ผนังเตี้ย ๆ หลายจุดสูงเท่าลำคอของเจียงป่าวชิง กระเบื้องสีแดงเก่า ๆ ปูอยู่บนผนังถูกปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำจนเกือบมองไม่เห็นสีเดิมของกระเบื้องแล้ว เจียงป่าวชิงชำเลืองมองเข้าไปข้างในก็พบว่าในลานบ้านแคบมาก มุมของกำแพงส่วนใหญ่เต็มไปด้วยฟืนที่เตรียมไว้สำหรับฤดูหนาว ใต้ชายคามีพริกแห้งแขวนไว้อยู่จำนวนหนึ่ง และมีเนื้อของอาหารป่าที่เจียงป่าวชิงไม่รู้ว่าเป็นเนื้ออะไรแขวนอยู่ด้วย
ตอนที่เดินอยู่ในซอยเล็ก ๆ แห่งนี้จะได้ยินเสียงเห่าของหมาที่อยู่ในบ้านฝั่งตะวันตกและยังสามารถได้ยินเสียงน้ำเดือดของบ้านทางฝั่งตะวันออก เสียงมโนสาเร่ต่าง ๆ นานา เสียงเล่นกันของพวกเด็กเล็ก เสียงพูดคุยกันจ๊อกแจ๊กจอแจต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจนเต็มไปด้วยกลิ่นอายของชีวิต
‘ร้านยาใจสัตย์ซื่อ’ ตั้งอยู่กลางซอยแห่งนี้
ประตูร้านยาใจสัตย์ซื่อเล็กมาก ภาพรวมคือร้านที่อัดอยู่ในบ้านเรือนตั้งแออัดดูน่าสงสารอย่างมาก
มีท่อนไม้แขวนไว้อยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า มันเขียนว่า “ร้านยาใจสัตย์ซื่อ” ด้วยลายมือหวัด ๆ ดูคดเคี้ยว แม้ว่านี่จะเป็นลายมือที่เขียนอยู่บนโล่ประกาศเกียรติคุณก็ตาม
มีไม้กวาดล้มอยู่ในซอยแคบ ๆ นี้ หญิงคนนั้นหยิบไม้กวาดขึ้นมาตั้งตรงและพูดกับเจียงป่าวชิงไปด้วย “ร้านยาใจสัตย์ซื่อแห่งนี้เปิดโดยหมอชราคนหนึ่งเมื่อสองสามปีก่อน ไม่กี่วันก่อนข้าได้ยินมาว่าเขาอายุเยอะแล้วจึงลาออกและยกร้านยาใจสัตย์ซื่อแห่งนี้ให้กับคนอื่น ยาเม็ดอะไรนั่นดูเหมือนว่าหมอที่เพิ่งมารับช่วงต่อเป็นคนทำ แค่ก ๆ ไม่รู้หรอกว่าได้ผลหรือเปล่า แต่เพื่อลูกน้อยของข้า ไม่ว่าจะยังไงข้าก็อยากลองดู”
พูดเสร็จ หญิงคนนั้นก้าวเข้าไปในร้านยาใจสัตย์ซื่อโดยมีเจียงป่าวชิงเดินตามเข้าไปติด ๆ
ต้องบอกว่าร้านนี้เล็กไปหน่อย เมื่อเข้ามาในร้านก็จะเห็นตู้ยาที่วางอยู่เต็มสองข้างทาง นอกนั้นก็เหลือที่ว่างอีกไม่เท่าไหร่เพื่อให้คนได้ยืน แสงในร้านยาแห่งนี้ไม่ค่อยดีนัก ทำให้เห็นเพียงร่างร่างหนึ่งที่หันหลังให้กับพวกนาง ดูไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นกำลังยุ่งอยู่กับอะไร
หญิงคนนั้นลองเรียก “หมอ…”
“อยู่ ๆ!” ร่างนั้นสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาอย่างรวดเร็วและเกือบชนกับตู้บ้านตัวเองอยู่แล้ว ทันใดนั้น ชายคนนั้นพลันตกตะลึง เขาไม่กล้ายอมรับในทันที หรี่ตาลงเพื่อแยกแยะอยู่สักครู่ก่อนที่มือจะตบตู้สินค้าอย่างรวดเร็วด้วยความรู้สึกดีใจแต่เขาตบแรงไปจนตัวเองเจ็บมือ สีหน้าดีใจของเขาแปรเปลี่ยนกลายเป็นบิดเบี้ยวในทันที เขากลั้นหายใจและสูดปาก ทว่าเมื่อเห็นเจียงป่าวชิงก็ดีอกดีใจอีกครั้ง
เขาก็พูดขึ้นทั้งที่ยังสูดปากอยู่อย่างนั้น “แม่นางเจียง ไม่เจอกันนานเลยนะ ไอ้โย! ไม่ใช่สิ ตอนนี้เจ้ากลายเป็นสาวสวยมากแล้ว”
เจียงป่าวชิงถอนหายใจโล่งอก “หมอเกิ่งนี่เอง ไอ้ยา! ไม่เจอกันสามปี ดูเหมือนว่าเราจะสบายดีกันทั้งคู่ ช่างดีจริง ๆ”
ผู้ที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหันคนนี้คือเกิ่งจื่อเจียง หมอร้านขายยาที่ก่อนหน้านี้เคยร่วมงานกับเจียงป่าวชิง
เจอกับเพื่อนเก่าที่ห่างจากบ้านมาพันลี้ เกิ่งจื่อเจียงกับเจียงป่าวชิงต่างคนต่างมีเรื่องอยากพูดคุยกันอย่างไม่จบไม่สิ้น
นับเป็นความโชคดีในความโชคร้ายที่สามารถหนีออกมาจากจังหวัดหยูเฟิงที่ถูกน้ำท่วมถล่มได้ การที่พวกเขาได้มาเจอกันอีกครั้งในที่ห่างไกลและมีผู้คนมากมายเช่นนี้ เกิ่งจื่อเจียงสุดแสนตื้นตันใจ เขาพร่ำพูดว่าทั้งหมดเป็นโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
เจียงป่าวชิงแอบคิดในใจว่าถึงแม้นางจะรู้ว่าเกิ่งจื่อเจียงไม่ได้มีความหมายอื่น แต่ก็ไม่สามารถให้กงจี้ได้ยินคำพูดประโยคนี้ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าไอ้คนขี้หึงนั่นจะต้องทรมานคนอื่นอีกเป็นแน่
หญิงคนที่มีดอกไม้สีขาวเสียบอยู่บนศีรษะฟังทั้งสองคนคุยถึงเรื่องในอดีตเป็นเวลานานด้วยความงุนงง นางอดที่จะกระแอมไอไม่ได้และพูดขึ้นด้วยความกลัดกลุ้มเล็กน้อย “หมอ ข้าได้ยินมาว่ายาเม็ดที่ร้านยาของหมอราคาถูกมาก หมอช่วยดูให้ข้าก่อนสิจ๊ะ ยังมีเด็กที่บ้านรอให้ข้ากลับไปทำกับข้าวกับปลาให้เขาอยู่น่ะ”
เกิ่งจื่อเจียงเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝัน เขาตบศีรษะ ในใจเขาไม่คิดถือว่าเจียงป่าวชิงเป็นคนอื่นคนไกลอีก “แม่นางเจียงเจ้ารอข้าสักครู่ ข้าขอตรวจดูอาการให้นางก่อน”
เกิ่งจื่อเจียงจับชีพจรให้ผู้หญิงคนนั้น อาการไอเรื้อรังของนางค่อนข้างรุนแรง แต่โชคดีที่ยังไม่สายเกินไป เขาหยิบขวดยาเนื้อกระเบื้องสีขาวใบเล็ก ๆ ออกมาจากใต้ตู้สินค้า เทมันออกมาจากในขวดสิบกว่าเม็ดแล้วนำไปใส่ลงในขวดกระเบื้องสีขาวใบเล็ก ๆ อีกใบก่อนจะยื่นให้ผู้หญิงคนนั้น “ในนี้มียาสิบแปดเม็ด เจ้าต้องกินทุกวันครั้งละเม็ดเป็นเวลาเช้า กลางวัน เย็น และให้ดื่มน้ำอุ่น เมื่อกินหมดแล้ว อาการไอของเจ้าก็จะหายดีประมาณหนึ่ง”
ผู้หญิงคนนั้นรับขวดยามาอย่างลังเล “นะ… นี่จะได้ผลจริง ๆ หรือจ๊ะ ?”
“หึ ๆ เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าอยู่ที่นี่ ถ้ามีอะไรผิดปกติเจ้ามาหาข้าได้ทุกเมื่อ” เกิ่งจื่อเจียงรับประกัน ขาดก็แค่ท่าทางตบหน้าอกรับประกันเท่านั้นเอง
หญิงคนนั้นครุ่นคิดและคิดเอาว่าคงเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ซอยฉางผิงนี้อยู่ห่างจากบ้านของนางเพียงแค่สองซอยซึ่งใกล้มาก ถึงตอนนั้นถ้าหากมีอะไรผิดปกติก็สะดวกที่จะมาหาหมอ
“งั้น… งั้นข้าเอากลับไปลองนะ แค่ก ๆ” หญิงคนนั้นส่ายขวดยาใบเล็กนั้นอย่างลังเล นางอดไม่ได้ที่จะไอออกมาเล็กน้อย
“ได้! เจ้าเปิดใจนั่นแหละดีแล้ว” เกิ่งจื่อเจียงส่งนางด้วยท่าทางมีความมั่นใจอย่างมาก
เมื่อผู้หญิงคนนั้นออกไปจากร้านยา ไหล่ของเกิ่งจื่อเจียงผ่อนคลายลง เขารู้สึกโล่งอกอย่างเห็นได้ชัดและอดที่จะบ่นกับเจียงป่าวชิงไม่ได้ “เฮ้อ… ความระแวงสงสัยของผู้คนในเมืองหลวงช่างมีมากจริง ๆ ยาเม็ดแก้ไอที่เราเคยทำก่อนหน้านั้นขายดีมากในอำเภอ ขายจนหมดเกลี้ยงเลยทีเดียว แต่สำหรับที่นี่ ในช่วงเปลี่ยนฤดูกาลฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวคนเรามักไอและหอบหืดได้ง่าย เพื่อเป็นการเผยแพร่ยาเม็ดนี้ให้ผู้คนได้รับรู้ถึงสรรพคุณอันดีของมัน แม้ว่าข้าจะแจกให้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ แล้วแต่ก็ยังไม่มีใครกล้ากิน”
เกิ่งจื่อเจียงบ่นยกใหญ่ เขาเห็นว่าเจียงป่าวชิงกำลังสังเกตตู้ยาเหล่านั้นก็หน้าแดงเรื่อ มือเกาศีรษะอย่างเก้อเขิน “พื้นที่หน้าร้านในเมืองหลวงแพงเกินไป… ตอนนั้นข้ารีบหนีภัยจึงไม่ได้พกเงินมามากนัก และข้าเก็บออมเพิ่มอีกบ้างในช่วงสามปีที่ผ่านมา ได้ยินมาว่าในเมืองหลวงมีช่องทางทำเงินได้เร็วข้าจึงมาที่นี่ แต่เมื่อซื้อร้านเล็ก ๆ นี้ด้วยเงินออมที่มีเงินก็แทบหมดเกลี้ยงแล้ว พวกเครื่องปรุงยาจึงมีไม่ค่อยครบถ้วนสักเท่าไหร่” น้ำเสียงของเขาเบาลงเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกอับอาย
“ถ้าหากพูดตามหลัก เงินที่ได้มาจากการขายยาเม็ดนั้นควรแบ่งกับเจ้าด้วย แต่หลังจากซื้อร้านนี้ข้าก็เหลือเงินไม่มาก เกรงว่าถ้าผ่านไปอีกสักพักคง…”
เจียงป่าวชิงดึงสติกลับมา “ไม่ต้องรีบคุยเรื่องแบ่งเงินให้ข้าหรอก ตอนนี้ข้าไม่ได้ขาดเงินอะไร ร้านยาของเจ้าร้านนี้ดีมากจริง ๆ ถือได้ว่าเป็นถิ่นฐานทำเงิน”
เกิ่งจื่อเจียงรู้ว่าเจียงป่าวชิงพูดเก่ง แต่เขายังคงรู้สึกเกรงใจจึงรีบพูดรับประกันอย่างรวดเร็ว “แม่นางเจียงไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ติดเงินเจ้าด้วยเงินนี้แน่”
.
.