แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 365 น้องสาว
เจียงป่าวชิงอาศัยอยู่ในหมู่บ้านโจรที่เต็มไปด้วยภยันตรายเป็นเวลาสามปี ฉากเหตุการณ์อะไรนางก็เห็นมาหมดแล้วจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำขู่ของชายคนนั้น ทว่าถ้าหากพูดกันอย่างละเอียด เรื่องนี้ถือว่านางนี่เองที่เป็นคนลากเกิ่งจื่อเจียงลงน้ำไปด้วยกัน
เจียงป่าวชิงรู้สึกว่าตัวเองต้องรับผิดชอบต่อเกิ่งจื่อเจียงจึงพูดขึ้น “เอาอย่างนี้ดีไหมหมอเกิ่ง ช่วงนี้หมอเกิ่งไปหลบที่บ้านข้าก่อน เรื่องนี้ถ้าข้าไม่ดึงเจ้ามาเกี่ยวข้องก็คงไม่เกิดปัญหาพวกนี้หรอก”
เกิ่งจื่อเจียงส่ายศีรษะปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก ต่อไปนี้ข้าแค่คอยหลบหลีกเรื่องพวกนี้ก็ได้แล้วแหละ… เจ้าไม่ต้องโทษตัวเอง ไม่กี่ปีมานี้ข้าได้ไปอยู่ในที่ที่ไม่เป็นหลักเป็นแหล่งและได้เห็นคนทุกข์ทรมานมาแล้วมากมาย สภาพจิตใจของข้ามีเกราะป้องกันอยู่ อย่างกรณีเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ยังไงข้าก็ช่วยไอ้หนุ่มนั่น หลังจากที่ได้เห็นสภาพนั้นแล้ว ถ้าข้าไม่ได้ช่วยเขา ข้าคงนอนไม่หลับแน่”
เกิ่งจื่อเจียงถอนหายใจสักพัก เจียงป่าวชิงเห็นว่าท่าทีของเขาแน่วแน่มากจึงไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ถึงอย่างไรนี่ก็คือสิ่งที่นางก่อขึ้น นางคิดว่านางจะขยันมาที่นี่บ่อย ๆ มีเรื่องอะไรจะได้ดูแลกันได้
ตอนมาครั้งต่อไป เจียงป่าวชิงก็พาเจียงฉิงมาด้วย
เจียงฉิงอยู่กับเจียงป่าวชิงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้เจียงป่าวชิงจะไม่ค่อยควบคุมการกระทำของน้องสาวมากนักแต่เจียงฉิงเป็นเด็กฉลาดมากและนางไม่อยากทำให้เจียงป่าวชิงต้องอับอายเพราะนาง นางจึงควบคุมตัวเองได้ดีและมีมารยาทมากด้วย นางมาถึงร้านยาใจสัตย์ซื่ออย่างเงียบ ๆ เมื่อเห็นเกิ่งจื่อเจียงนางก็เรียกเกิ่งจื่อเจียงว่า “พี่ชาย” ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานในแบบของเด็กดี
สาวน้อยหน้าตาน่ารัก ปากก็หวานหยดย้อย สุดท้ายเด็กหญิงเรียกเกิ่งจื่อเจียงว่าพี่ชายบ่อยเข้าจนติดปาก เพียงไม่ถึงครึ่งวัน เกิ่งจื่อเจียงที่อยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่เล็กก็รู้สึกไว้วางใจเจียงฉิงและนึกอยากให้นางเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของตน
ช่วงนี้กิจการร้านยาใจสัตย์ซื่อดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนในบริเวณใกล้เคียงเริ่มสนใจร้านยาใจสัตย์ซื่อที่มีคนรับช่วงต่อนี้บ้างแล้ว ตอนที่เกิ่งจื่อเจียงยุ่งอยู่กับงาน เจียงป่าวชิงมักพาเจียงฉิงมาช่วยกันคัดแยกและจัดเก็บเครื่องปรุงยาในตู้เหล่านั้น
ตอนที่ร้านยานี้อยู่ในความดูแลของหมอชราคนเก่ส ชื่อเสียงร้านจัดได้ว่าไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นัก หลัก ๆ คือหมอชราคนนี้อายุมากแล้ว สายตาไม่ค่อยดีทำให้หยิบจับเครื่องปรุงยาปนกันหลายชนิด ไม่ก็ถูกคนเสนอสินค้าหลอกบ้าง เติมยาแต่ละทีอีกฝ่ายมักนำยาเก่าที่เก็บมานานหลายปีแล้วมาสวมรอยเป็นยาใหม่ แม้พวกคนป่วยที่มาซื้อยาจะแยกไม่ออกแต่ประสิทธิภาพของยาแน่นอนว่าต้องได้รับผลกระทบ จวบจนเวลาผ่านไปนานเข้าเรื่อย ๆ ก็ไม่มีใครอยากมาตรวจอาการหรือหาซื้อหยูกยาที่ร้านยานี้อีก
การที่เกิ่งจื่อเจียงสามารถซื้อร้านยานี้ต่อได้ในราคาต่ำนั้นก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเหล่านี้เช่นกัน ซึ่งในตอนที่เขาซื้อต่อ แม้แต่วัตถุดิบยาหรือพวกตัวยาต่าง ๆ ก็ได้มาด้วย พวกเครื่องปรุงยาเหล่านี้เกิ่งจื่อเจียงทำการคัดแยกไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ผ่านการคัดแยกให้เรียบร้อย
เจียงป่าวชิงไม่มีอะไรทำจึงพาเจียงฉิงมาช่วยกันคัดแยกและจัดเก็บเครื่องปรุงยาให้กับเกิ่งจื่อเจียง พวกนางสองพี่น้องมักทำเช่นนี้เมื่อตอนยังอยู่ที่หมู่บ้านฟู่กุ้ย มีเครื่องปรุงยาที่ขึ้นราจนเสียประสิทธิภาพจำนวนมากอยู่ในห้องเก็บของของหมู่บ้านฟู่กุ้ย พวกนางสองคนก็ช่วยกันแยกออกมาทีละนิดว่าอันไหนยังดี ๆ อยู่ และอันไหนใช้ไม่ได้แล้ว แยกไปแยกมาจนคุ้นชินกับมันมาก
เกิ่งจื่อเจียงชอบน้องเจียงฉิงคนนี้มาก ตอนที่เจียงป่าวชิงกำลังจะกลับ เขาลากนางไปพูดกระซิบเสียงเบา “ช่วงนี้เจ้ามาที่นี่คนเดียวไปก่อนนะ ยังไม่ต้องพาอาฉิงมาด้วย”
เจียงป่าวชิงมองเกิ่งจื่อเจียงอย่างไม่เข้าใจ
เกิ่งจื่อเจียงมองไปรอบ ๆ แล้วพูดขึ้นเสียงเบา “เจ้าลืมเรื่องเมื่อสองวันก่อนแล้วรึ ? ถ้าหากว่าไอ้ผู้ชายหน้าเหี้ยมคนนั้นมาก่อกวนอีกจะทำยังไง ? อาฉิงยังเด็กอยู่เลย มันอันตรายกับนาง”
เจียงป่าวชิงพูดยิ้ม ๆ “ขอบคุณหมอเกิ่งมากที่เป็นห่วงอาฉิง แต่ไม่ต้องห่วง ในเมื่อข้าพาอาฉิงมาที่นี่ แน่นอนว่าข้าจะไม่ให้นางถูกทำร้ายเด็ดขาด เด็กคนนี้มีใจอยากร่ำเรียนวิชาการรักษาโรค ที่ข้าพานางมาที่นี่เพราะไม่อยากให้นางห่างเหินกับความรู้ด้านนี้นานนัก”
เกิ่งจื่อเจียงได้ยินว่าเจียงฉิงมีใจอยากเรียนวิชารักษาโรคภัยก็ปลื้มอกปลื้มใจทันที มือพลันตบขาดังฉาด “บ๊ะ อย่างนี้ก็เหมาะเลยสิ นี่คงเป็นน้องสาวที่สวรรค์มอบให้ข้าแน่แล้ว”
เจียงป่าวชิงชำเลืองมองเกิ่งจื่อเจียงนิ่ง ๆ ทว่าเขาหดศีรษะ ทำเป็นมองไม่เห็นก่อนจะรีบมุดกลับเข้าไปด้านหลังตู้สินค้าเพื่อหยิบยาต่อ
เนื่องจากช่วงนี้อากาศเย็นลงเรื่อย ๆ เกิ่งจื่อเจียงจึงแขวนผ้าม่านหนา ๆ ไว้นอกประตูร้านยา เจียงป่าวชิงเองก็ช่วยร้อยกระดิ่งลมและนำมันไปแขวนไว้ข้างนอกเช่นกัน เวลามีใครเลิกม่านเข้ามา กระดิ่งลมจะได้เกิดเป็นเสียงดัง ตอนอยู่ในร้านก็จะได้รู้ว่ามีคนมา
เช่นเดียวกับตอนนี้ กระดิ่งลมด้านนอกเกิดเป็นเสียงดัง เกิ่งจื่อเจียงเงยหน้าขึ้นก็เห็นหญิงสาวคนที่ใช้ยาเม็ดแก้ไอเป็นคนแรกเลิกม่านเข้ามา ในมือนางยังถือถ้วยอะไรบางอย่างมาด้วย
เมื่อเห็นเจียงป่าวชิง หญิงสาวคนนั้นชะงักก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น “อ้อ เจ้าเองก็อยู่ด้วย” สิ้นเสียงทักทายอย่างเรียบง่าย หญิงสาววางถ้วยน้ำต้มไก่ในมือลงบนตู้สินค้าให้เกิ่งจื่อเจียงอย่างมีชีวิตชีวา
“หมอเกิ่งกำลังยุ่งอยู่รึ ?”
“เฮ้ ๆ ๆ สะใภ้หวัง นี่เจ้า…” เกิ่งจื่อเจียงพูดขึ้นอย่างตกใจ
ณ ตอนนี้ไม่เห็นความทุกข์เฉกเช่นแต่ก่อนจากหญิงสาวที่ถูกเรียกว่า “สะใภ้หวัง” เลย ผมของนางถูกมัดเก็บเป็นทรงอย่างเรียบร้อยสวยงามด้วยผ้า สีหน้าของนางมีเลือดฝาด ดวงตาเต็มไปด้วยแววแห่งความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และนางในตอนนี้ดูเป็นคนที่มีความสามารถในการทำงานมากเป็นพิเศษ
“สวัสดีหมอเกิ่ง หมอเกิ่งอย่าได้เกรงใจไปเลย ยาเม็ดที่หมอให้ข้ามาก่อนหน้านี้วิเศษมากแต่หมอไม่เก็บเงินข้า ข้ารู้สึกไม่สบายใจมากจริง ๆ” หวังเหลียนซิ่วพูดอย่างตรงไปตรงมา “ไก่ตัวนี้น่ะข้าเลี้ยงมันด้วยข้าวกล้องที่บ้าน เนื้อมันอร่อยมาก ข้าไม่มีอะไรจะขอบคุณหมอเกิ่งนอกเสียจากหาทำน้ำต้มไก่ร้อน ๆ มาให้ซด หมอเกิ่งลองชิมน้ำต้มไก่นี้ดูสิว่าถูกปากหรือเปล่า”
เมื่อเผชิญกับความคาดหวังของหญิงสาว เกิ่งจื่อเจียงปฏิเสธไม่ลง จำต้องยกถ้วยน้ำต้มไก่ขึ้นดื่มแล้วเอ่ยชม “อื้ม รสไม่แย่เลย”
หญิงสาวยิ้มพึงพอใจ จากนั้นนางบ่นเรื่องมโนสาเร่อีกนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยว่าตนยังมีธุระต่อที่บ้าน ครั้งหน้าค่อยมารับถ้วยคืน ว่าจบนางโบกมือและกลับไปทันที
“พี่ชายเกิ่งนี่สุดยอดจริง ๆ เลยนะเจ้าคะ” เจียงฉิงพูดขึ้นอย่างสุภาพ “สะใภ้ผู้หญิงคนนั้นคงซาบซึ้งในบุญคุณของพี่ชายเกิ่งมากจริง ๆ”
เกิ่งจื่อเจียงยิ่งรู้สึกเขินอายมากกว่าเดิม เขายกแขนเสื้อขึ้นมาบังหน้าครึ่งหนึ่ง “เจ้าไม่ต้องสุภาพกับข้าขนาดนั้นหรอกน้องอาฉิง และอ้อ เรื่องสะใภ้หวังน่ะเจ้าอย่าพูดแบบนี้เลย เป็นพี่สาวของเจ้าต่างหากที่บอกรายการส่วนผสมยาเม็ดนั้นกับข้า ข้าถือว่าสุดยอดที่ไหนล่ะ”
“ทำไมจะไม่สุดยอดล่ะจ๊ะ ?” เจียงฉิงพูดขึ้นอย่างตั้งใจ “คนเป็นสหายกันบอกสูตรยากันเป็นเรื่องปกติ และเมื่อสักครู่ที่สะใภ้หญิงคนนั้นทำแบบนี้ก็เพราะพี่ชายเกิ่งเป็นคนที่ช่วยนางไว้ยังไงล่ะจ๊ะ”
เกิ่งจื่อเจียงมองเจียงฉิงอย่างงุนงง ผ่านไปสักครู่เขาถึงจะหันไปมองเจียงป่าวชิง “ป่าวชิง เจ้าให้อาฉิงมาเป็นลูกบุญธรรมที่บ้านข้าเถอะ ข้าสัญญาว่าข้าจะรักและทะนุถนอมนางเป็นอย่างดี”
เจียงป่าวชิงยิ้มอย่างสงบก่อนจะพูดออกมาเชิงแกล้งหยอก “เหอะ ๆ ฝันไปเถอะหมอเกิ่ง”
……
เมื่อออกมาจากร้านยาใจสัตย์ซื่อ เจียงป่าวชิงกับเจียงฉิงถือโอกาสเดินเลี้ยวไปที่ตลาดเพื่อซื้อกับข้าวสำหรับรับประทานกันในวันนี้ และตอนที่กำลังเดินถืออาหารกลับบ้านนั้น ก็เห็นว่าเลี่ยวชุนหยู่ถูกใครบางคนฉุดดึงอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน
ตอนนี้เจียงฉิงถือว่าเลี่ยวชุนหยู่เป็นน้องชายในการดูแลของนางแล้ว ทันทีที่เห็นว่าเขากำลังต่อต้านใครคนนั้นอย่างเห็นได้ชัดและกำลังฉุดดึงกันไปมา นางรู้สึกโกรธทันที สองเท้ารีบเดินจ้ำเข้าไปหาโดยที่ยังถือผักกาดขาวอยู่ในมือ
“เฮ้! ไอ้เจ้าคนที่กำลังดึงน้องชายข้าอยู่ ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!” เจียงฉิงตวาด
ใครคนนั้นผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หน้าตาก็สกปรกมอมแมม เมื่อถูกเจียงฉิงตวาดใส่ สมาธิก็พลันหลุด เลี่ยวชุนหยู่จึงใช้โอกาสนี้ดิ้นรนออกมา