แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 367 ครูผู้หญิง
ตงเส่มองเลี่ยวชุนหยู่อย่างสิ้นหวัง แต่เลี่ยวชุนหยู่กลับไม่มองตงเส่อีกเลย เขาหมุนตัวรีบวิ่งกลับเข้าบ้านทันที
เกล็ดหิมะตกลงมาจากบนฟากฟ้า ไม่คิดว่าหิมะจะตกเอาในวันนี้
เจียงป่าวชิงมองตงเส่ที่นั่งนิ่งอยู่บนพื้น น้ำเสียงของนางยังคงราบเรียบเฉกเช่นเดิม “ห่อผ้านี้บรรจุเสื้อผ้าเก่าของเจ้า และข้างในยังมีเสื้อนวมผ้าฝ้ายสองสามตัวซึ่งเพียงพอที่จะช่วยให้เจ้าอุ่นขึ้นได้ในฤดูหนาว รับแล้วก็ไปซะ อ้อ และก็อย่ามาพัวพันกับชุนหยู่อีกล่ะ”
ในวันนั้นตงเส่ถูกส่งตัวให้กับเจ้าหน้าที่อย่างกะทันหันจึงยังเหลือเสื้อผ้าอีกจำนวนมากที่เขาไม่ได้นำไปด้วย ตลอดมาเลี่ยวชุนหยู่เก็บเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้เหล่านั้นอย่างระมัดระวัง ดูก็รู้ว่ามุมหนึ่งในหัวใจของเขายังคงหวังว่าสักวันตงเส่จะสำนึกผิดแล้วกลับใจได้
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าตงเส่ทำให้เลี่ยวชุนหยู่ผิดหวังเสียแล้ว
ตงเส่แกะห่อผ้าด้วยมืออันสั่นเทา เขาเห็นว่าเสื้อผ้าเก่า ๆ ของเขาถูกพับเก็บอย่างเรียบร้อยและถูกซักจนสะอาดแล้ว เห็นดังนั้นเขาก็ชะงักไปทันที ทว่าก็ได้แต่เศร้าใจ รื้อออกมาอย่างลวก ๆ และเลือกตัวที่หนาที่สุดมาสวมคลุมร่างกาย
ทว่าทันใดนั้นเอง เลี่ยวชุนหยู่วิ่งออกมาจากในบ้านอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เขาถือถุงหอมอันหนึ่งไว้ในมือซึ่งมันดูหนักมาก
สีหน้าตงเส่เปลี่ยนเป็นดีใจทันที “คุณชาย…”
เลี่ยวชุนหยู่วางถุงหอมนั้นลงบนห่อผ้า “นี่คือเงินเก็บของข้า มีทั้งทองแดงและเศษเงินจำนวนหนึ่ง เจ้าเอาไปเถอะ แบบนี้ถือว่าเป็นการทำให้มิตรภาพของเราสมบูรณ์แล้ว”
ตงเส่หนาวจนตัวสั่น เขาคว้าถุงหอมนั้นอย่างไม่สนใจใด ๆ มือก็รีบแกะเชือกถุงหอมออกและเห็นว่าข้างในมีเหรียญทองแดงกับเศษเงินจำนวนหนึ่งจริง ๆ
แววตาของตงเส่เต็มไปด้วยความโลภ เมื่อสักครู่ใบหน้าของเขายังเปื้อนไปด้วยน้ำมูกน้ำตาอยู่เลย ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มประจบประแจงเสียแล้ว “ขอบคุณคุณชาย ขอบคุณคุณชายจริง ๆ ข้ารู้ว่าคุณชายจะไม่ทิ้งข้า!”
พูดจบ เขาก็ยัดถุงหอมนั้นใส่ในอ้อมแขนอย่างลวก ๆ หยิบห่อผ้ามาถือไว้ด้วยมือข้างเดียวแล้วออกแรงลุกขึ้น วิ่งโซซัดโซเซจากไปไกล
เลี่ยวชุนหยู่ยืนอยู่ตรงนั้น ร่างเล็กเต็มไปด้วยความอ้างว้าง …ตงเส่แค่อยากได้เงินจริง ๆ สินะ
อันที่จริงเขาแอบหวังในใจว่าตงเส่จะผลักเงินออกไปและบอกเขาว่าตัวเองไม่ได้ต้องการเงิน เพียงแค่อยากจะกลับมาเท่านั้น แต่นี่ไม่เลย ท่าทางตงเส่ชัดเจนว่าพี่สาวคนโตของเขาพูดถูก ตงเส่ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองผิดไปแล้วจริง ๆ เขาแค่เข้าตาจนถึงได้มาทำตัวน่าสงสารที่นี่
เลี่ยวชุนหยู่เช็ดน้ำตาเงียบ ๆ
เจียงป่าวชิงถอนหายใจ การให้เงินตงเส่จะเป็นการช่วยเพิ่มความหยิ่งยโสของตงเส่ให้มีมากขึ้นเท่านั้น ตอนไม่มีเงิน เขาก็จะวิ่งมาร้องไห้มาทำตัวน่าสงสารกับเลี่ยวชุนหยู่เพื่อหวังเอาเงินก็แค่นั้น ชุนหยู่ยังเป็นแค่เด็กเล็กอยู่เลย ไม่แปลกหากเขาจะใจอ่อนถูกโน้มน้าวง่าย
ดูเหมือนว่าจะต้องระมัดระวังมากขึ้นในอนาคต และต้องตัดความคิดที่ว่าตงเส่ใช้ประโยชน์จากเลี่ยวชุนหยู่ออกไปโดยสิ้นเชิง
เจียงป่าวชิงครุ่งคิดในใจและพูดเร่งพวกน้อง ๆ ให้เข้าบ้านไปด้วย “เข้าบ้านเถอะ… หิมะตกแล้ว อากาศหนาวจัด เรารีบกลับเข้าไปในบ้านกัน คืนนี้ข้าจะทำวุ้นเส้นตุ๋นเนื้อหมูและผักกาดขาวให้พวกเจ้ากิน”
เลี่ยวชุนหยู่มองดูร่างของตงเส่ที่จากไปอีกครั้ง ในใจพลันคิดย้อนไปถึงตอนที่เจียงหยุนชานพาตงเส่มาพบหน้าเขาเป็นครั้งแรก ตงเส่ยังไม่ได้ชื่อว่าตงเส่เลย เขาเองชอบเพื่อนเล่นที่อายุมากกว่าตนสองสามปีคนนี้มาก วันนั้นหิมะตกเหมือนในวันนี้ เลี่ยวชุนหยู่จึงตั้งชื่อให้เพื่อนคนนี้ว่า “ตงเส่” นั่นคือที่มาของพวกเขา ไม่อยากเชื่อเลยว่าจุดจบของพวกเขาก็จบลงในวันที่หิมะโปรยท่ามกลางฤดูหนาวเช่นกัน ทั้งสองคนเลือกแล้วที่จะเดินไปคนละทิศละทาง
…
ตกกลางคืน เจียงหยุนชานมาหาเจียงป่าวชิงและพูดคุยกับนางเกี่ยวกับปัญหาด้านการเรียนของเลี่ยวชุนหยู่
“ครูที่เคยสอนชุนหยู่กลับบ้านเกิดเพื่อไปงานศพแม่ของเขาที่ป่วยหนักเสียชีวิต” เจียงหยุนชานถอนหายใจ “เนื่องจากครูท่านนั้นมีความรู้มาก ชุนหยู่เองก็อยู่ในความดูแลของเขาด้วยข้าจึงคิดว่าจะยังไม่เปลี่ยนโรงเรียนในขณะนี้ แต่ใครจะไปรู้ว่าจะมีจดหมายส่งมาจากลูกชายคนก่อนของเขาว่าครูท่านนั้นโศกเศร้ามาก ส่งผลต่อร่างกายทำให้ล้มป่วยจนลุกจากเตียงไม่ขึ้น ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเขาจะหายดีเมื่อไหร่ ไม่แน่อาจยืดเวลาออกไปจนถึงสิ้นปีเลยก็ได้”
“ไม่มีครูท่านใดที่รับช่วงต่อเลยหรือจ๊ะพี่ ?” เจียงป่าวชิงถามอย่างสงสัย
พูดถึงเรื่องนี้ เจียงหยุนชานรู้สึกปวดศีรษะเข้าให้แล้ว “ครูที่รับช่วงต่อเป็นคนที่…” เขามีนิสัยอ่อนโยนจึงไม่สามารถพูดคำพูดที่รุนแรงเกินไปได้ จึงต้องเปลี่ยนเป็นคำพูดที่รื่นหูแทน “ค่อนข้างเข้มงวดและมีนิสัยทื่อ ๆ เล็กน้อย เมื่อก่อนชุนหยู่เคยถูกเขาลงโทษอยู่นานหลายวัน หลังจากนั้นชุนหยู่ก็ไม่ยอมเรียนอีกเลย เดิมทีข้าคิดว่าพอครูคนก่อนกลับมาทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ใครจะไปคิดว่ามันกลับต้องล่าช้าไปอีกนานเช่นนี้”
บอกว่า “ทื่อ ๆ” แต่ความจริงคือเคร่งในกฎเกณฑ์จนเกินไปต่างหาก
วันแรกก็แสดงพลังอำนาจกับเลี่ยวชุนหยู่เสียแล้ว เขาบอกว่าเลี่ยวชุนหยู่แต่งตัวไม่ถูกต้องสอดคล้องกับกฎระเบียบ เป็นการดูถูกในจรรยาบรรณจึงไล่เลี่ยวชุนหยู่กลับบ้านทั้งอย่างนั้น
เลี่ยวชุนหยู่คิดว่าตัวเองไปทำผิดข้อห้ามอะไรจึงไปหาเจียงหยุนชานด้วยความน้อยใจ หลังจากที่เจียงหยุนชานช่วยปรับเสื้อผ้าและเข็มขัดให้แล้ว ครูท่านนั้นกลับบอกว่าเลี่ยวชุนหยู่มีท่าทีไม่จริงใจตอนที่ยอมรับความผิดซึ่งถือว่าเป็นการดูถูกโรงเรียน เขาจึงไล่เลี่ยวชุนหยู่ออกจากโรงเรียนอีกครั้ง
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เลี่ยวชุนหยู่ไม่เคยไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมแบบนี้มาก่อน เขาจึงบอกว่าจะไม่ไปโรงเรียนอีก ไม่ว่าเจียงหยุนชานจะพูดอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ยอมไป
เจียงหยุนชานรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีว่าครูท่านนั้นจงใจกลั่นแกล้งเลี่ยวชุนหยู่จึงให้น้องชายเรียนอยู่ที่บ้านเสียเลย อันที่จริงเลี่ยวชุนหยู่ไม่ได้ชอบเรียนหนังสืออะไรมากนัก เจียงหยุนชานเองก็ไม่ได้ขอให้เลี่ยวชุนหยู่เรียนจนรู้ช่องทาง เขาแค่อยากให้เลี่ยวชุนหยู่รู้หนังสือและรู้เหตุรู้ผลพื้นฐานสักหน่อยก็เท่านั้น แต่ตอนนี้มันกลับเป็นเช่นนี้มันจึงไม่ได้ก่อผลประโยชน์อะไร
เจียงป่าวชิงครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะเสนอความคิดอย่างหนึ่ง “พี่ชาย อาฉิงกำลังเรียนรู้เรื่องหยูกยากับข้าอยู่ นางรู้จักตัวหนังสือประมาณนึงแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีบางสิ่งที่ยังขาด เพียงแต่เมืองหลวงเข้มงวดอย่างยิ่งต่อการเรียนของเด็กผู้หญิง และโรงเรียนสตรี ศิษย์ในรั้วโรงเรียนจำเป็นต้องมีภูมิหลังทางครอบครัวที่ไม่ธรรมดาถึงจะสามารถเข้าเรียนได้ จะดีกว่าถ้าหากว่าเราเชิญครูมาสอนที่บ้าน แบบนี้อาฉิงกับชุนหยู่ต่างก็สามารถเรียนไปด้วยกันได้ ข้าคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ดีมาก”
เจียงหยุนชานพยักหน้าแล้วพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ข้าก็มีความคิดแบบนี้เช่นกัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันพรุ่งข้าจะไปสอบถามดูสักหน่อย น่าจะมีครูที่เหมาะสมมาสอนน้องสองคนของเราได้”
“ที่สำคัญต้องเป็นคนที่เต็มใจสอนผู้หญิงด้วยนะจ๊ะพี่ ครูหลายคนต่างก็มีความคิดมีอารมณ์ของตัวเองและไม่เต็มใจเปลี่ยนอุดมการณ์ พี่อย่าลืมอธิบายสถานการณ์ของทางเราให้ครูฟังก่อนล่วงหน้าด้วยล่ะ”
“อื้ม”
……
เจียงหยุนชานเริ่มดำเนินการอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่กี่วันเขาก็หาครูที่เหมาะสมได้ นางเป็นหญิงชราวัยห้าสิบปีที่ดูใจดีมาก เมื่อก่อนนางเรียนกับสามีมาโดยตลอด ทั้งสองคนเลี้ยงลูกสองคน แต่ลูกของพวกเขากลับจากไปตั้งแต่ยังเยาว์วัยและสามีของนางก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ในตอนนั้นหญิงชราเองก็ป่วยหนักทว่าตอนนี้นางรักษาตัวจนหายดีแล้ว
ตอนที่นางกำลังวางแผนหาอะไรทำ นางก็ได้รู้เรื่องที่เจียงหยุนชานฝากให้คนหาครูสอนศิษย์เด็กอยู่พอดี
เจียงป่าวชิงเลือกชุดพู่กันและดินสอถ่านสำหรับใช้จดใช้เขียนให้เจียงฉิงกับเลี่ยวชุนหยู่อยู่ในร้านขายของ เมื่อเห็นว่าที่นี่อยู่ไม่ไกลจากร้านยาใจสัตย์ซื่อ นางก็เดินเลี้ยวไปแวะที่ร้านยาใจสัตย์ซื่อด้วย
เกิ่งจื่อเจียงเห็นว่าเจียงป่าวชิงมาคนเดียวก็รู้สึกเสียดายอย่างมาก เขาถามขึ้น “ทำไมน้องอาฉิงไม่มาด้วยกันกับเจ้าล่ะ ?”
เจียงป่าวชิงบอกกับเกิ่งจื่อเจียงเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขาเชิญครูผู้หญิงมาสอนหนังสือให้กับเจียงฉิงและเลี่ยวชุนหยู่ที่บ้าน
เกิ่งจื่อเจียงรู้สึกอิจฉาอย่างมาก “เฮ้อ ช่างดีจริง ๆ ที่น้องอาฉิงได้พบกับพี่ชายและพี่สาวที่รู้เหตุรู้ผลและเอาใจใส่อย่างพวกเจ้า” พูดเสร็จ เขาก็นึกอะไรบางอย่างได้ ก่อนจะเดินไปรื้อของเก่าบางอย่างออกมาจากใต้ตู้
.