แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 368 ที่ทับกระดาษมีประโยชน์
มันคือที่ทับกระดาษ
บนที่ทับกระดาษนี้ถูกแกะสลักเป็นรูปร่างของเนินเขาสูงตระหง่านซึ่งดูเหมือนจะมีอายุเล็กน้อย มุมขอบของที่ทับกระดาษนี้ออกจะมันเลื่อมแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันถูกลูบอยู่บ่อยครั้ง
“นี่ไม่ใช่ของที่มีราคาอะไรหรอก” เกิ่งจื่อเจียงวางที่ทับกระดาษลงบนตู้สินค้า “แต่ปู่ของข้าใช้ที่ทับกระดาษนี้และเก็บไว้ในห้องหนังสือที่บ้านมาโดยตลอด มันถูกส่งต่อจากพ่อของข้ามาถึงข้า ตอนลี้ภัยข้าคิดว่าถ้าจะพกสิ่งของอย่างอื่นติดตัวก็คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่จึงพกเจ้านี่แค่อย่างเดียว ถือว่าเป็นความทรงจำและมันยังสามารถใช้ป้องกันตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ เจ้าไม่ต้องพูดอะไรนะ สิ่งนี้มันมีประโยชน์จริง ๆ ข้ายังเคยใช้มันทุบโจรสลบในช่วงที่ยังลี้ภัยเลย” เกิ่งจื่อเจียงพูดพร่ำไม่หยุด
เจียงป่าวชิงจึงได้แต่พยักหน้า มือนางเอื้อมไปหยิบที่ทับกระดาษนี้ใส่ลงไปในกระเป๋าที่นางถืออยู่
สำหรับกระเป๋าใบนี้ นางเพิ่งเย็บมันเสร็จเมื่อคืน กระเป๋าหนึ่งแบบแต่ถูกเย็บเป็นสองคำ ใบหนึ่งปักคำว่า “หยู่” ที่มุมกระเป๋า ส่วนอีกใบปักคำว่า “ฉิง” ที่มุมกระเป๋าเช่นเดียวกัน
ตอนที่เจียงป่าวชิงออกมาจากร้านยาใจสัตย์ซื่อก็นึกเรื่องบางอย่างได้ ก่อนหน้านี้นางพลิกดูหนังสือในบ้านและพบว่าแบบหนังสือเหล่านั้นมีเพียงอย่างเดียวคือมันล้วนเป็นประเภทหนังสือทั้งสี่และคัมภีร์ทั้งห้าทั้งนั้นซึ่งมันจำเจมาก นางครุ่นคิดอยู่สักครู่ สุดท้ายตัดสินใจเดินเข้าไปหาชายชราคนหนึ่งตรงริมถนนที่กำลังถือไม้คานขายฟืน นางเดินเข้าไปถามเขาว่าร้านหนังสือแถวนี้มีอยู่ที่ไหนบ้าง
ชายชราเห็นว่าเด็กถามทางคนนี้หน้าตาหล่อเหลามากทั้งยังพูดจาสุภาพจึงชี้ทางให้อย่างเต็มใจ เท่านั้นไม่พอ ยังพูดกำชับด้วยความหวังดี “เจ้าอย่าเดินผ่านซอยเล็ก ๆ นั่นล่ะ เมื่อไม่กี่วันมานี้ข้าได้ยินมาว่าซอยทางโน้นบางซอยไฟไม่ค่อยติดนัก มันอันตรายอยู่นะข้าว่า”
หลังจากที่เจียงป่าวชิงกล่าวขอบคุณแล้ว นางก็สวมเสื้อคลุมสีครามกระชับตัวแล้วเดินไปตามทางที่ชายชราชี้นำ นางไม่อยากสร้างปัญหาจึงไม่ได้ใช้ถนนเล็ก ๆ ในซอยเลย แต่พยายามเดินเลียบถนนใหญ่แทน
หิมะเพิ่งตกเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง ทว่าถนนหินกว้าง ๆ เส้นนี้ถูกพวกผู้คนแถว ๆ นี้ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว มันดูโล่งสะอาดตาไม่มีหิมะสั่งสมกองหนาให้น่าขัดใจ หากไม่ใช่ว่ายังมีหิมะสั่งสมอยู่บนกำแพงทั้งสองข้างของถนน ก็ยากที่จะทำให้คนมองดูรู้ว่ามีหิมะตกเมื่อไม่กี่วันก่อน
ที่นี่เป็นทางตัดของซอยหลายซอย มีพื้นที่ว่างค่อนข้างใหญ่และมีบ่อน้ำอยู่ตรงกลาง ฝ่าบ่อน้ำนั้นถูกเปิดออกและมีถังไม้สำหรับตักน้ำล้มอยู่ข้าง ๆ นอกจากนี้บนพื้นยังมีน้ำกระเด็นเปียกให้เห็นหลายจุดด้วย
ที่น่าแปลกคือบริเวณรอบ ๆ นี้กลับไม่มีคนเลย
เจียงป่าวชิงมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกประหลาดใจ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ บริเวณแต่ก็ยังคงพบว่าไม่มีใครอยู่เลยสักคน
นี่ผิดปกติไปหน่อยกระมัง ?
เจียงป่าวชิงปิดฝาบ่อน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กซน ๆ คนไหนพลัดตกลงไปโดยบังเอิญ ในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ หากเด็กตกลงไปสักคนอาจถึงตายได้เลยทีเดียว
เมื่อปิดฝาบ่อเสร็จแล้วก็จับถังไม้ถังนั้นขึ้นมาตั้งดี ๆ และเตรียมตัวเดินออกไปจากตรงนี้
ทันใดนั้น คล้ายกับมีเสียงร้องไห้ของเด็กสาวที่ไหนไม่รู้ลอยออกมาตามลมจากในซอยซอยหนึ่งซึ่งได้ยินอย่างอย่างราง ๆ ทำให้เจียงป่าวชิงชะงักเล็กน้อย
เสียงฟังดูแล้วน่าเวทนาพิกล แต่นี่เกี่ยวอะไรกับนางด้วยล่ะ
คิดได้ดังนั้นนางก็ก้าวเท้าเดินต่อไป
……
เด็กสาวนั่งอยู่บนพื้น กำลังฉุดดึงเสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาดของตัวเองด้วยความสิ้นหวัง นางถีบพื้นพลางออกแรงขยับไปด้านหลัง เสียงร้องไห้ของนางช่างน่าเวทนามาก “ไม่! เจ้าอย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา!”
ชายผู้ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้านางคืออันธพาลหน้าตาโหดร้ายคนหนึ่ง เขาเลียริมฝีปากตัวเองอย่างน่ารังเกียจ “แม่สาวน้อย ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่เจ้าไม่รู้จักว่าต้องทำยังไงเอง พี่ใหญ่ของพวกข้าหมดความอดทนต่อเจ้าแล้ว เขาสั่งให้ข้าให้บทเรียนกับเจ้า… เอาล่ะแม่นางน้อยเอ๋ย เจ้าอย่าดิ้นรนอีกเลย รู้จักเอาตัวรอดหน่อยสิ ถ้าเจ้าเชื่อฟังพี่ใหญ่ตั้งแต่แรกก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้หรอก” พูดจบเขาก็เดินเข้าไปหาเด็กสาวด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
ในขณะนี้เอง เสียงอู้อี้ดังขึ้น นั่นทำให้สีหน้าของอันธพาลแข็งทื่อในทันใด
ในดวงตาของเด็กสาวที่กำคอเสื้อตัวเองไว้แน่นยังคงมีน้ำตาคลอเบ้า นางเบิกตากว้างตกใจ สายตาหวาดหวั่นมองดูชายใบหน้าแข็งทื่อราวกับมีผีชั่วร้ายอยู่ตรงหน้าล้มลงกับพื้น เผยให้เห็นเด็กหนุ่มในชุดเสื้อคลุมคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังชายคนนั้น
เด็กหนุ่มคนนี้หน้าตาหล่อเหลานัก แต่สีหน้ากลับมีความเย็นชา เขาดูเหมือนคนที่ไม่สามารถหาเรื่องได้ง่าย ๆ
แน่นอนว่าเด็กหนุ่มคนนั้นคือเจียงป่าวชิง เจียงป่าวชิงผู้ซึ่งวันนี้ออกมาซื้อของด้วยการแต่งกายในชุดแบบผู้ชายอย่างเคย นางเชิดคางขึ้น สะบัดข้อมือเบา ๆ ตอนนี้นางถือกระเป๋าไว้ในมือซ้ายและถือที่ทับกระดาษในมือขวา ที่ทับกระดาษนี้เป็นอันที่เกิ่งจื่อเจียงเพิ่งให้มา
เมื่อสักครู่นางใช้ที่ทับกระดาษนี้ทุบหลังศีรษะของชายคนนั้นอย่างแรง
‘โอ้… ที่ทับกระดาษนี้ไม่แย่เลยจริง ๆ สมแล้วที่มันเคยถูกใช้ทุบโจรจนสลบเหมือด’ เจียงป่าวชิงคิดไตร่ตรองในใจและคิดว่าที่ทับกระดาษอันนี้ใช้ง่ายมาก
เด็กสาวตอบสนองอย่างเฉื่อยชาอยู่ชั่วขณะ แต่จากนั้นนางกำเสื้อผ้าตัวเองอย่างทำอะไรไม่ถูกพร้อมทั้งเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็วไปด้วย พอรู้สึกดีขึ้นบ้างนางก็ใช้มือค้ำกำแพงยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน “ข้า… ขอบคุณเจ้ามากจริง ๆ”
เจียงป่าวชิงถอนหายใจ นางไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านแต่อย่างใด แต่การได้ยินของนางกลับดีมากจนเกินไป เสียงร้องไห้ที่เศร้าโศกไร้ตัวช่วยของเด็กสาวทิ่มแทงนางเหมือนสว่าน ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็ไม่สามารถละเลยเรื่องทั้งหมดนี้ได้ สุดท้ายก็เลือกที่จะเดินตามเสียงร้องไห้นั้นไปและแอบย่องมาที่ด้านหลังอันธพาลคนนั้นอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะหยิบที่ทับกระดาษอันที่เกิ่งจื่อเจียงเพิ่งให้เจียงฉิงออกมาจากในกระเป๋า แข็งใจทุบมันลงไปที่ด้านหลังศีรษะของอันธพาลจนได้
“เจ้าไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม ?” เจียงป่าวชิงถามเสียงเบา
เด็กสาวตกตะลึงทันที เจียงป่าวชิงไม่ได้ใช้เสียงปลอม เสียงของนางละเอียดอ่อนนุ่มนวล เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเสียงผู้หญิง ไม่เหมือนน้ำเสียงของชายหนุ่มโดยสิ้นเชิง
“เจ้า…”
เจียงป่าวชิงพยักหน้า “อืม ข้าเป็นผู้หญิง” นางรู้ว่าเด็กสาวคนนั้นอาจมีความหวาดกลัวต่อผู้ชายอยู่ในตอนนี้ การเปิดเผยไปตรง ๆ ว่าเป็นผู้หญิงน่าจะสามารถลดความกลัวของเด็กสาวลงได้เล็กน้อย
และเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อได้ยินว่าเด็กหนุ่มในชุดเสื้อคลุมที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เป็นผู้หญิง สีหน้าของเด็กสาวก็ผ่อนคลายลงมาก นางเช็ดน้ำตาด้วยหลังมือแล้วก้มหน้าจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ผูกเชือกผูกเสื้อผ้าและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น “ฮึก... ข้าคงทำให้แม่นางต้องหัวเราะเยาะข้าแล้ว…”
เจียงป่าวชิงส่ายหน้าด้วยสีหน้าขรึมเข้ม “ไม่หรอก มันเป็นเรื่องตลกที่ไหนกันล่ะ ? เจ้าถูกคนเลวทำเลว ๆ ใส่อย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นนี้ไม่มีใครเขาหัวเราะเยาะเจ้าหรอก ถ้าจะหัวเราะเยาะจริง ๆ ก็ต้องหัวเราะเยาะเจ้าบ้านี่ต่างหาก...” เจียงป่าวชิงถีบอันธพาลที่นอนสลบอยู่บนพื้น “…ไม่ใช่เจ้า”
เด็กสาวตกตะลึง นางยกมือขึ้นปิดหน้าและร้องไห้ปล่อยโฮ
“หยุดเถอะ” เจียงป่าวชิงขัดจังหวะการร้องไห้ของหญิงสาว “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อนุญาตให้เจ้าร้องไห้นะ แต่ตอนนี้ สิ่งที่เราควรทำคือไปจากที่นี่กันก่อน มันอันตราย” นางถีบอันธพาลที่สลบอยู่บนพื้นอีกครั้ง “ไอ้บ้านี่มันยังสลบอยู่ แต่เราไม่รู้ว่าพวกของมันจะมาที่นี่ตอนไหน ข้าฟังจากที่เขาพูดแล้ว คิดว่าคงไม่ได้มีแค่มันคนเดียว”
หญิงสาวพยักหน้าอย่างต่อเนื่องด้วยใบหน้าที่สุดแสนขาวซีดและยังมีน้ำตาเกาะอยู่บนขนตาของนาง อย่างไรก็ตาม ความมีสติของเจียงป่าวชิงสามารถทำให้นางลืมร้องไห้ไปได้ชั่วขณะ “เจ้าพูดถูก… พวกเขาไม่ได้มีแค่คนเดียวจริง ๆ และข้าต้องรีบกลับบ้าน”
เจียงป่าวชิงพยักหน้าพลางนั่งยอง ๆ เพื่อจับชีพจรอันธพาลที่สลบไร้สติอยู่บนพื้น
อืม เมื่อสักครู่นางออกแรงทุบได้อย่างพอดี เจ้าบ้าคนนี่อย่างมากก็แค่สลบไป อีกไม่น่าเกินเวลาสองก้านธูปคงฟื้นขึ้นมา ดูจากที่เขาสวมใส่ชุดหนา ๆ แบบนี้แล้วไม่น่าหนาวตาย อย่างมากก็แค่ได้รับบาดเจ็บจากอากาศหนาวที่อาจกัดผิวหนังในบางส่วนเท่านั้น
เจียงป่าวชิงไม่สนใจอันธพาลคนนั้นอีก ตอนที่นางกำลังจะหมุนตัวจากไปก็เห็นว่าเด็กสาวคนนั้นพิงอยู่บนกำแพงด้วยสีหน้าเจ็บปวดทรมาน ขาข้างหนึ่งของนางก็สั่นอย่างไม่เป็นธรรมชาติด้วยเช่นกัน
“…”
เจียงป่าวชิงถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปคลำขาข้างที่สั่นน้อย ๆ นั้น
เป็นอย่างที่นางคิด แม่นางคนนี้ข้อเท้าเคล็ด
เจียงป่าวชิงถอนหายใจอีกครั้ง “เจ้าบอกมาว่าบ้านของเจ้าอยู่ที่ไหน ข้าจะพยุงเจ้าไปส่งเอง”