แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 369 ครูเวิน
บ้านของผู้หญิงคนนั้นอยู่ไกลออกไปเล็กน้อย เจียงป่าวชิงประคองนางที่เดินกะเผลกเพราะข้อเท้าเคล็ดและพาไปส่งที่บ้าน หญิงสาวเพิ่งเข้าไปในบ้าน ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาพร้อมพูดขึ้นอย่างวิตกกังวล “ไฉ่เสีย เจ้าไปไหนมา ? ช่วงเวลาอันตรายแบบนี้ไม่ใช่ว่าข้าเคยสั่งเจ้าไว้ว่าพยายามอย่าออกจากบ้านหรอกรึ… นี่เจ้า… นี่เจ้าเป็นอะไร ?!”
หญิงสาวพยายามจัดเสื้อผ้ากับผมแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีอุปกรณ์อะไรติดตัว ผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยในตอนนี้ของนางจึงทำให้ชายคนนั้นรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
ในที่สุดชายคนนั้นก็สังเกตเห็นเจียงป่าวชิง เขาเบิกตาโตตกตะลึง “เจ้า—”
เจียงป่าวชิงถอนหายใจเงียบ ๆ ชายคนนี้ถือได้ว่าเป็นคนคุ้นเคย เขาคือชายผู้ที่นางกับเกิ่งจื่อเจียงช่วยชีวิตไว้เมื่อวันก่อนนั่นเอง อันที่จริง หลังจากที่เกิ่งจื่อเจียงถูกข่มขู่ นางก็ไปสืบเรื่องของ “เผิงชื่อจิน” ที่ออกมาจากปากชายคนที่วันนั้นมาหาเรื่องถึงร้านยาและพบว่านี่ไม่ใช่ความยุ่งเหยิงยิ่งใหญ่อะไรนัก ก็แค่เผิงชื่อจินคนนี้มีหลานสาววัยสิบห้าคนหนึ่ง นางมีรูปลักษณ์สวยงามเป็นที่ต้องตาของชายผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นคนหนึ่ง แต่เผิงชื่อจินเป็นคนหยิ่งทะนง เขาจะยอมให้หลานสาวแต่งงานกับชายผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นคนนั้นได้อย่างไร ชายผู้มีอิทธิพลจึงข่มขู่ว่าจะต่อยเผิงชื่อจินทุกครั้งเมื่อเห็น และจะต่อยจนกว่าเขาตาย!
หลังจากที่เผิงชื่อจินฟังเผิงไฉ่เสียเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดเมื่อสักครู่ด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้แล้ว เขาโมโหหน้าดำคล้ำเขียว ทุบกำปั้นหนัก ๆ ลงบนโต๊ะไม้ด้วยความโกรธ ทำให้โต๊ะไม้ส่ายไปมาสองสามครั้งและเกือบคว่ำลงกับพื้น
“ฮึ่ม ข้าไม่คิดว่าคนพวกนี้จะ… จะไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้!” เผิงชื่อจินกัดฟันจนเกิดเป็นเสียงที่ฟังดูน่ากลัว เขาคุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่งเพื่อทำความเคารพเจียงป่าวชิง “นายน้อยมีพระคุณต่อข้ามากจริง ๆ! ข้าขอขอบคุณมากที่เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้เมื่อครั้งที่แล้วซึ่งข้ายังไม่ทันได้ตอบแทนเลย ครั้งนี้ยิ่ง…”
เจียงป่าวชิงหลบหลีกการทำความเคารพของเผิงชื่อจินพลางเอ่ยปัด “เจ้าอย่าทำเช่นนี้เลย ข้าแค่เดินผ่านไปเจอเข้าพอดีก็เท่านั้นเอง”
แม้จะเป็นเช่นนั้น เผิงชื่อจินยังคงยืนหยัดทำความเคารพเจียงป่าวชิง ทว่าเมื่อทำความเคารพเสร็จแล้ว เผิงชื่อจินรู้สึกงุนงงเล็กน้อย “นายน้อย เสียงของเจ้า… เอ่อ…”
เพื่อปลอบขวัญเผิงไฉ่เสียก่อนหน้านี้ เจียงป่าวชิงไม่ได้ใช้เสียงปลอม ตอนนี้นางก็ขี้เกียจใช้เสียงปลอมแล้วเช่นกัน พอเห็นว่าเผิงชื่อจินถามเกี่ยวกับเสียงของตน นางจึงพยักหน้าตรง ๆ เลย “อืม ข้าไม่ใช่ผู้ชาย”
เผิงชื่อจินตกใจสะดุ้งตัวโยน
หลังจากรู้ว่าเจียงป่าวชิงเป็นผู้หญิง เขาถึงกับต้องพยายามควบคุมตัวเอง ไม่ค่อยกล้ามองหน้าเจียงป่าวชิงเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เจียงป่าวชิงส่ายหน้าแล้วจับชีพจรให้กับเผิงไฉ่เสียอีกครั้ง คลำกระดูกข้อเท้าที่เคล็ดจนแน่ใจแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก นางก็ขอตัวกลับบ้าน
หลังจากที่เจียงป่าวชิงกลับไปแล้ว เผิงชื่อจินมองหลานสาวที่กำลังก้มหน้าเช็ดน้ำตาอยู่ จากนั้นเขาตัดสินใจ “ไฉ่เสีย ไม่อย่างนั้น เจ้าไปกับเจ้าเด็กแซ่ติงคนนั้นเถอะ พวกเจ้าหลบหนีไปให้ไกล ไปจากที่แห่งนี้ซะดีกว่า”
เผิงไฉ่เสียเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ “คุณลุง…!”
เผิงชื่อจินถอนหายใจ เขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ เผิงไฉ่เสีย หน้าดำคร่ำเครียดจนดูเหมือนแก่ขึ้นสิบกว่าปีอย่างไรอย่างนั้น “เจ้าเป็นเลือดเนื้อเดียวที่เหลืออยู่ของพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ ลุงเคยสัญญาว่าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี ลุงไม่ได้ตอบตกลงในตอนที่พวกอันธพาลนั้นข่มขู่ลุง ลุงไม่ได้กลัวตาย แต่ลุงกลัวว่าเจ้าจะถูกทำร้าย… เมื่อก่อนตอนที่เจ้าต้องใจกับเจ้าเด็กแซ่ติงคนนั้น ที่ลุงไม่เห็นด้วยกับพวกเจ้าก็เพราะเรามีความแค้นกับบรรพบุรุษของตระกูลติง แต่ตอนนี้มัวสนใจอะไรไม่ได้มากขนาดนั้นแล้ว ลุงจะไม่ก้าวก่ายเรื่องระหว่างเจ้ากับเจ้าเด็กแซ่ติงคนนั้นอีก”
เผิงไฉ่เสียน้ำตานองหน้าตั้งแต่แรกแล้ว นางรู้ดีว่าช่วงนี้คุณลุงใช้ชีวิตอย่างไร เขามักมีรอยฟกช้ำกลับบ้านบ่อย ๆ และเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาก็ถูกพันด้วยผ้าพันแผลทั่วร่างกาย เดิมทีที่นางแอบออกไปในวันนี้ก็เพราะอยากรวบรวมความกล้าที่จะประลองกับอันธพาลที่ต้องตานาง แต่ใครจะไปรู้ว่าจะเจอเข้ากับเรื่องแบบนั้น…
เผิงไฉ่เสียร้องไห้สะอึกสะอื้น
……
หลังจากที่เจียงป่าวชิงออกมาจากบ้านของเผิงชื่อจิน นางก็เดินกลับไปทางเดิมที่มาจากซอยเล็ก ๆ เมื่อครู่
แต่ทว่าบนพื้นในซอยลึก อันธพาลคนที่ถูกนางทุบจนสลบด้วยที่ทับกระดาษไม่อยู่แล้ว
เจียงป่าวชิงนั่งยอง ๆ ลงกับพื้นและมองดูร่องรอยที่เหลืออยู่บนพื้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน รอยเท้าที่คดเคี้ยวหลงเหลืออยู่บนพื้นนี้คงเป็นหลังจากที่อันธพาลคนนั้นตื่นขึ้นมาแล้วเขาก็โซซัดโซเซจากไป
เจียงป่าวชิงพ่นลมหายใจลงบนฝ่ามือ หยิบกระเป๋าหนังสือเดินถือออกไปจากในซอย
……
ครูผู้หญิงที่เจียงหยุนชานเชิญมาสอนหนังสือให้กับเจียงฉิงและเลี่ยวชุนหยู่แซ่เวิน นางเป็นหญิงชราใจดีมาก ผมของนางถูกหวีจนเรียบอยู่ด้านหลังศีรษะ นางสวมกระโปรงดอกไม้สีครามสุภาพ เรียบ ๆ แต่ดูงดงาม การพูดการจาก็สุภาพมีมารยาท อาจมีติดตลกบ้างเล็กน้อยแต่ก็เป็นอะไรที่ดี ไม่นานนางได้รับการเคารพที่ออกมาจากใจของเด็กทั้งสอง
เจียงป่าวชิงกำลังทำความสะอาดทางเดินอยู่ในลานบ้าน หน้าตานางดูผ่อนคลายในขณะที่ได้ฟังเสียงการอ่านออกเสียงจากห้องหนังสือเล็ก ๆ ที่เพิ่งทำความสะอาดใหม่
อากาศค่อนข้างหนาว หลังจากที่เจียงป่าวชิงทำความสะอาดทางเดินเสร็จก็ไปทำขนมที่ห้องครัว เสร็จแล้วก็ยกไปให้ครูเวินและศิษย์ทั้งสองคน
ช่วงพักกลางวัน เจียงป่าวชิงถือกาน้ำชาดอกเก๊กฮวยด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างถือขนมกุ้ยฮวานึ่งผงเกาลัด เอ่ยทักทายเล็กน้อยและเข้าไปในห้องหนังสือห้องเล็ก
ภายในห้องหนังสือมีความอุ่นกำลังดีจากเตาทำความร้อน เดิมทีเจียงฉิงกำลังจะเติมถ่าน แต่เลี่ยวชุนหยู่กลับแย่งที่คีบถ่านไปจากในมือของนาง “พี่เจียงฉิง ระวังหน่อยอย่าให้ลวกมือล่ะ พี่ไปกินขนมและพักผ่อนสักนิดเถอะ ให้ข้าทำเองดีกว่า”
ครูเวินพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความชมเชย
“อากาศหนาวเช่นนี้แต่กลับขอรบกวนให้ครูเวินมาสอนศิษย์ที่นี่ ข้าเกรงใจจริง ๆ แต่ข้าต้องขอบคุณครูเวินมากเลยเจ้าค่ะที่มาสอนให้น้อง ๆ ของข้า” เจียงป่าวชิงรินชาให้ครูเวิน
ครูเวินไม่ได้ปฏิเสธอะไร นางเพียงยกถ้วยชาขึ้น ใบหน้ายิ้มแย้ม “ไม่เป็นไร ๆ ข้าเองอยู่บ้านมานาน กระดูกแก่ใกล้ขึ้นสนิมเต็มที มีโอกาสดี ๆ ที่ทำให้ออกมาเดินข้างนอกได้บ้างก็ดีเหมือนกัน พวกน้อง ๆ ของแม่นางเจียงต่างก็เป็นเด็กดีกันทั้งนั้น ในฐานะครู ดูแลสอนความรู้ให้กับเด็ก ๆ ไม่ได้ลำบากอะไรข้าเลย”
ใครบ้างไม่อยากฟังคำชม สำหรับเจียงป่าวชิง การชมพวกน้อง ๆ ของนางทำให้สบายใจมากกว่าถูกชมเองซะอีก เจียงป่าวชิงยิ้มอย่างจริงใจมากกว่าเดิม “ถึงยังไงก็โปรดครูเวินช่วยปลูกฝังพวกเขาให้มากยิ่งขึ้นด้วยเจ้าค่ะ”
ครูเวินพยักหน้ายิ้ม ๆ “ได้ นั่นเป็นหน้าที่ของครูอยู่แล้ว”
หลังจากคุยเล่นกันอีกสักพัก เจียงป่าวชิงก็ลุกขึ้นจากไป แต่ในจังหวะนั้น เลี่ยวชุนหยู่กระแทกเข้ากับชั้นวางอย่างไม่ระวัง เขาส่งเสียงร้องเล็กน้อย
หากพูดกันตามหลักนี่ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรสำหรับการชนกระแทกในขณะที่เด็ก ๆ กำลังเล่นซน แต่เลี่ยวชุนหยู่ดูเหมือนจะเจ็บมาก เขาเอามือป้องแขนที่กระแทกเมื่อสักครู่ด้วยใบหน้าขาวซีด
เจียงป่าวชิงเดินเข้าไปคลำกระดูกดูและพบว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก นางไปหายาขี้ผึ้งมาทาให้เขา
เจียงฉิงเคาะศีรษะเล็กของเลี่ยวชุนหยู่เบา ๆ “เลินเล่อซะจริง ไม่ดูหน้าดูหลังเลย เจ้านี่นะ ไม่รู้จักทำตัวให้เรียบร้อยหน่อย เจ็บตัวเลยเห็นไหม”
เลี่ยวชุนหยู่ก้มหน้าไม่ได้พูดอะไร แต่คุณนายเวินกลับเห็นถึงอะไรบางอย่าง นางถามเจียงป่าวชิงอย่างประหลาดใจ “แม่นางเจียงดูช่ำชองดี เจ้ารักษาโรคเป็นหรือ ?”
เจียงป่าวชิงพยักหน้า “ข้ารู้บ้างนิดหน่อยจ้ะครู”
ครูเวินลังเล สุดท้ายนางถามออกมา “งั้นข้าขอให้เจ้าช่วยตรวจดูให้ข้าหน่อยได้ไหม ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ข้ารู้สึกว่าขาและเท้าของข้ามันฝืด ๆ อาการมีมาเป็นพัก ๆ แต่ข้าบอกไม่ถูกเกี่ยวกับสาเหตุของอาการ”
นี่ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เจียงป่าวชิงก้มลงเพื่อคลำกระดูกช่วงขาและเท้าของครูเวิน จับชีพจรให้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถาม “ครูเวินเจ้าคะ ตอนที่ยังสาว ๆ ขาและเท้าของครูเคยได้รับบาดเจ็บมาใช่ไหมเจ้าคะ ?”