แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 372 นี่ท่านเป็นอะไรไป
กู่หวายเจี๋ยพูดไม่ได้ เจียงป่าวชิงจึงสามารถแสดงออกได้อย่างอิสระ น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “คุณชายกู่เป็นอะไรไปจ๊ะ ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ ? ว่ายังไงคุณชายกู่…”
กู่หวายเจี๋ยไม่ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ นี่เป็นฝีมือของสาวงามดูอ่อนโยนไร้พิษภัยที่อยู่ตรงหน้า เขาอยากตะโกนด้วยความตื่นตระหนกแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ ตอนนี้เขารู้สึกอึดอัดจนหน้าเขียวปั้ด
ไม่ว่าชายคนรับใช้หรือพวกเพื่อนกเฬวรากของกู่หวายเจี๋ยต่างก็สังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติกันแล้ว พวกเขาพากันมายืนล้อมกู่หวายเจี๋ยอย่างลุกลี้ลุกลน ปากก็ถามเป็นพัลวัน
“คุณชายกู่ คุณชายกู่ท่านเป็นอะไร ท่านพูดอะไรหน่อยสิขอรับ”
เกิดเรื่องเช่นนี้ใครยังจะมีเวลามาให้ความสนใจกับสาวงามอีก เจียงป่าวชิงสวมหมวกผ้าคลุมอย่างสงบนอกวงฝูงชนที่กำลังส่งเสียงดัง แล้วนางก็จากไป
เนื่องจากสภาพอากาศไม่ดี ช่วงนี้เจียงหยุนชานจึงกลับจากบ้านผู้เฒ่าหยุนไห่เร็วมาก ตอนที่เจียงป่าวชิงกลับถึงบ้าน นางเห็นเจียงหยุนชานกำลังชี้แนะเลี่ยวชุนหยู่และเจียงฉิงในการฝึกเขียนตัวอักษร
หลังจากที่เจียงป่าวชิงแนะนำยาบำรุงรักษาให้กับครูเวิน ขาของครูเวินก็ดีขึ้นมาก วันหิมะตกที่ทั้งชื้นและหนาวนางก็ไม่ได้เจ็บปวดมากเท่าเดิมแล้ว ถือว่าสบายกว่าเมื่อก่อนมาก แต่เพื่อเป็นการทำให้ผลการรักษามีเสถียรภาพ เจียงป่าวชิงจึงแนะนำให้ครูเวินอย่าตากลมหนาวมากเกินไปในช่วงนี้ หลังจากปรึกษาหารือก็ทำการเลื่อนเวลาเลิกเรียนให้เร็วขึ้นครึ่งชั่วยามแล้วเปลี่ยนเป็นเวลาเรียนฝึกเขียนตัวอักษรของเด็กทั้งสองแทน ทุก ๆ วันครูเวินจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวอักษรที่พวกเขาเขียน พร้อมชี้แนะให้คำแนะนำที่ดี
“กลับมาแล้วรึ ?” เจียงหยุนชานพูดยิ้ม ๆ “ข้ามีเรื่องจะปรึกษาเจ้านิดหน่อย”
“เรื่องอะไรรึ ?” เจียงป่าวชิงถอดเสื้อคลุมอยู่ในห้องถ่าน นางพูดพร้อมสะบัดเสื้อคลุมไปด้วย จากนั้นนำไปแขวนและไม่ได้พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนถนนเมื่อสักครู่แม้แต่น้อย
“ท่านอาจารย์หยุนเชิญเจ้า อาฉิง และชุนหยู่ไปเป็นแขก เดิมทีเขาตั้งใจว่าจะให้คนอื่นมาเชิญพวกเจ้า แต่ต่อมาท่านอาจารย์บอกว่าแบบนี้ดูถือว่าเป็นคนอื่นคนไกลไปหน่อย เขาจึงฝากข้าให้มาถามพวกเจ้า” เจียงหยุนชานพูดขึ้นยิ้ม ๆ “เจ้าลองดูว่าวันพฤหัสได้ไหม ?”
อันที่จริงเจียงป่าวชิงเองก็เคารพผู้เฒ่าหยุนไห่ด้วยเช่นกัน นางจึงพยักหน้า “ข้าไม่มีปัญหาอะไร อาฉิงล่ะ ?”
อาฉิงที่กำลังฝึกเขียนตัวอักษรเงยศีรษะเล็กขึ้นมา “ได้ ได้สิจ๊ะ ครั้งที่แล้วที่ข้าเห็นคุณปู่คนนั้น เขาเป็นชายชราที่มีบุคลิกแตกต่างจากผู้อื่นและดูใจดีมากด้วย”
เลี่ยวชุนหยู่ที่อยู่ข้าง ๆ ทำหน้าขมขื่น “พี่ ทุกครั้งที่ข้าไป ปู่หยุนไห่มักตรวจเรื่องการเรียนของข้า… ข้า… ข้าไม่ไปได้หรือเปล่าขอรับพี่ ?”
“นั่นเป็นเพราะท่านอาจารย์ห่วงใยเจ้า” เจียงหยุนชานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ยิ่งกว่านั้น เมื่อครั้งก่อนท่านอาจารย์ก็ไม่ได้ตรวจเรื่องการเรียนของเจ้าแล้วหนิ เจ้าจะกลัวทำไม”
“อ้อ…” เลี่ยวชุนหยู่หดคอพลางกลืนน้ำลาย
ในเมื่อนัดวันได้แล้ว แต่มันกลับเกี่ยวเนื่องไปถึงการเข้าเรียน เจียงป่าวชิงจึงคุยกับครูเวินเป็นกรณีพิเศษ แต่ถึงอย่างไร ครูเวินได้รับการแนะนำให้มาสอนที่นี่โดยผ่านความสัมพันธ์ของผู้เฒ่าหยุนไห่ นางจึงอนุญาตให้เจียงฉิงกับเลี่ยวชุนหยู่ลาได้อย่างรู้เหตุรู้ผล
ที่อยู่อาศัยของผู้เฒ่าหยุนไห่ในเมืองหลวงเป็นบ้านที่เขาซื้ออยู่ในเมืองซึ่งไม่ถือว่าใหญ่อะไร ในตัวบ้านจะมีประตูเข้าออกลานบ้านสองประตู ตำแหน่งที่ตั้งค่อนข้างลาดเอียง ทำเลเงียบสงบน่าอยู่ และอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเจียงหยุนชาน
ผู้เฒ่าหยุนไห่รับลูกศิษย์ทั้งหมดห้าคนซึ่งเจียงหยุนชานเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา ว่ากันว่าเจียงหยุนชานเป็นน้องเล็ก เป็นของล้ำค่าในหัวใจของชายชรา สำหรับผู้เฒ่าแล้ว เจียงหยุนชานเป็นที่ชื่นชอบของเขาแต่เขาเคารพในชีวิตส่วนตัวของลูกศิษย์และเขาไม่ต้องการให้ลูกศิษย์อยู่กับเขาเหมือนพวกอาจารย์คนอื่น ๆ เพราะเรื่องบางเรื่องชนรุ่นหลังก็ควรที่จะรับใช้รุ่นอาวุโส และเรื่องบางเรื่องรุ่นอาวุโสก็ต้องเคารพในตัวชนรุ่นหลังที่เป็นศิษย์ของตัวเอง
ลูกศิษย์ทั้งห้าของผู้เฒ่าหยุนไห่ได้รับของขวัญเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ ในเมืองหลวงโดยผู้เฒ่าหยุนไห่เป็นคนมอบให้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่มากนักแต่ก็เป็นบ้านที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
เมื่อได้ยินว่าพวกน้อง ๆ ของเจียงหยุนชานจะมาในวันนี้ คนรับใช้ในบ้านของผู้เฒ่าหยุนไห่ก็จัดเตรียมผลไม้และขนมไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และทำความสะอาดกันอย่างมีชีวิตชีวาตั้งแต่เช้าตรู่
เผยหยู่เจ๋อสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่อย่างเกียจคร้าน เขาไปนั่งลงตรงพื้นที่ยกสูงข้างหน้าต่างและมองไปยังลานด้านนอกหน้าต่างที่มีสาวใช้หลายคนกำลังพูดคุยกันเฮฮาขณะกวาดหิมะบนทางเดิน จากนั้นเขาก็หาว “ใช่ว่าพวกเจ้าจะไม่เคยเห็นน้องชายของเหล่าหยุนสักหน่อย ก็แค่เด็กซนคนหนึ่งเท่านั้นและมีน้องสาวเพิ่มมาอีกสองคน พวกเจ้าจะตื่นเต้นดีใจกันทำไมนักหนา ?”
สาวใช้ที่เสียบดอกเหมยไว้บนศีรษะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เผยหยู่เจ๋อ “คุณชายไม่รู้อะไร คุณชายเจียงหล่อเหลาขนาดนั้น ได้ยินมาว่าน้องสาวของเขาเป็นฝาแฝดกับเขา ข้าคิดว่านางคงสวยเพริศพริ้งที่สุดด้วยเช่นกัน เพราะเช่นนี้ เราทุกคนจึงตั้งหน้าตั้งตารอเจ้าค่ะ”
เผยหยู่เจ๋อส่งเสียงหัวเราะ “เหอะ ๆ คิดตื้น ๆ”
สาวใช้ที่เสียบดอกเหมยไว้บนศีรษะไม่ได้โกรธอะไร นางเพียงหันกลับไปพูดคุยเฮฮากับสาวใช้คนอื่น ๆ ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานต่อ
เผยหยู่เจ๋อนึกถึงใบหน้าอันหล่อเหลาของศิษย์น้องแล้วพูดในใจว่าหน้าตาดีก็เป็นเรื่องยุ่งยากอย่างหนึ่งเช่นกัน หลายปีที่ผ่านมา ท่านอาจารย์พาศิษย์น้องไปไหนมาไหนด้วยกันกับเขาเสมอ และให้โอกาสกับศิษย์น้องในงานประชุมการบรรยายด้วย นี่ไม่ใช่ว่าท่านอาจารย์กำลังปกป้องศิษย์น้องหรอกรึ
ขณะนี้ ชีวิตที่มีเกียรติมากมายกำลังพังทลายลง ขณะที่ผู้เฒ่าหยุนไห่ก็เพิ่มคุณค่าของศิษย์น้องอย่างต่อเนื่อง มันเป็นการเตือนสติอีกฝ่ายว่าถ้าคิดจะลงมือกับเขาก็ต้องลองชั่งน้ำหนักดูว่าสามารถทำอะไรได้ไหม
หากน้องสาวของศิษย์น้องเกิดมางดงามจนเกินไป ตามความสามารถของศิษย์น้องในปัจจุบัน เขาอาจไม่สามารถปกป้องน้องสาวของเขาได้… หึ! ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงน่ารำคาญจริง ๆ
เผยหยู่เจ๋อกำลังคิดหาวิธีการรับมือในใจอย่างช้า ๆ อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฮือฮา ที่หน้าลานบ้านดูเหมือนจะเสียงดังกว่าเมื่อสักครู่เล็กน้อย สาวใช้หลายคนรีบวิ่งผ่านไปพร้อมทั้งพูดกระจ่ายข่าวไปด้วย “ครอบครัวคุณชายเจียงมาถึงแล้ว!”
พูดกันตามมารยาท ครั้งแรกที่ครอบครัวของศิษย์น้องคนสนิทมาเยี่ยมบ้านท่านอาจารย์ ไม่ว่ายังไงเผยหยู่เจ๋อก็ควรที่จะออกไปต้อนรับสักเล็กน้อย แต่เผยหยู่เจ๋อเป็นคนไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก เขาอ้าปากหาวอย่างเกียจคร้านและคิดว่าเมื่อถึงตอนที่ท่านอาจารย์ให้คนมาเรียกเขา มันคงยังไม่สายเกินไปที่เขาค่อยออกไปในตอนนั้น
ผ่านไปไม่เท่าไหร่ เขาก็เห็นพวกของศิษย์น้องเดินเข้ามาจากประตูพระจันทร์โดยมีพ่อบ้านเดินนำเข้ามา สายตาเขาจับจ้องไปที่ศิษย์น้องก่อนเป็นอันดับแรก
วันนี้เจียงหยุนชานสวมชุดคลุมผ้าไหมสีเขียวใบไผ่ทำให้รูปร่างของเขาดูตั้งตรงและหล่อเหลามากยิ่งขึ้น เผยหยู่เจ๋ออดจุ๊ปากไม่ได้ เจ้าเด็กคนนี้ช่างเกิดมาหน้าตาหล่อเหลาดีแท้ แม้สวมใส่เสื้อผ้าอย่างเรียบง่ายอยู่ แต่ก็ไม่สามารถบดบังใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาได้เลย
จากนั้นสายตาของเขาเคลื่อนไปด้านข้าง และนั่นทำให้เขาตกตะลึงในทันใด
เขานั้นเตรียมใจไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วว่าน้องสาวของศิษย์น้องคงต้องงดงามมาก แต่ตัวเขาเองเคยเห็นสาวสวยมาแล้วมากมายในเมืองหลวง และเขายังเคยเห็นหลี่อันหรูกับกงหย่าหรูที่เป็นสาวสวยผู้มีชื่อเสียงในวงกว้างมาแล้ว เขาคิดว่าตัวเองไม่มีทางสะทกสะท้าน
หน้าตา มันก็เป็นแค่ร่างกายของคนเราเท่านั้น…
ทว่ารูปโฉมของน้องสาวเจียงหยุนชานนั้นเกินความคาดหมายของเขามาก นางเป็นเด็กสาวรูปร่างผอมเพรียว สวมเสื้อคลุมสีขาวนวลมีลายดอกไม้ตรงริมผ้า ปิ่นปักผมรูปผีเสื้อแกะลายฉลุสีแดงที่เสียบอยู่บนศีรษะทำให้นางดูสวยงามเป็นสง่าและเป็นทางการ แต่ถึงอย่างไรสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าใบหน้าที่สวยงามของนางซึ่งเปรียบเสมือนสายลมแรกต้นฤดูใบไม้ผลิที่ชวนให้ผู้คนเคลิบเคลิ้มไปกับมัน
ผ่านไปสักครู่ เผยหยู่เจ๋อก็กระชับเสื้อคลุมที่พาดไว้บนร่างกายตัวเองเล็กน้อย เขาลุกขึ้น สวมใส่รองเท้านุ่มที่ใช้สำหรับสวมใส่ในห้องแล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
น่าสนใจ เขาต้องไปดูสักหน่อยแล้ว