แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 377 ไม่ยอม
ถ้าหากว่าเป็นคนใจอ่อน เกรงว่าคงตอบรับไปแล้ว แต่เจียงป่าวชิงรู้สึกว่าตัวเองใจแข็งมากจึงส่ายศีรษะปฏิเสธออกไปอย่างแน่วแน่ “คุณหนูจ้งเอ้อไม่ต้องดึงดันแล้ว มันไม่มีประโยชน์อะไรที่ข้าจะต้องการบุญคุณจากเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นถ่านนี้ก็จำเป็นสำหรับข้า แล้วข้าจะยกให้เจ้าได้ยังไง ?”
คุณหนูจ้งเอ้อสูดหายใจเข้าลึก ๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางใกล้รักษาต่อไปไม่ไหวแล้ว นางเริ่มพูดห้วน ๆ และเลิกเรียกว่าพี่สาวด้วย “เจ้ายกถ่านห้าตะกร้านั้นให้ข้าเถอะ แล้วข้าจะมอบถ่านกระดูกเงินแบบธรรมดาให้กับเจ้า” ในคำพูดของคุณหนูจ้งเอ้อปนไปด้วยความแข็งกร้าว “แบบนี้คงจะได้ใช่หรือไม่ ?”
เจียงป่าวชิงเบื่อหน่ายกับการโต้เถียงและย้ำท่าทีของนางกับคนอื่นด้วยเรื่องนี้จริง ๆ โดยเฉพาะการแสดงออกตรง ๆ ที่ไม่ต่างจากการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงเมื่อครู่นี้ของคุณหนูจ้งเอ้อนี่ ยิ่งทำให้รู้สึกว่าหมดคำจะพูด
เจียงป่าวชิงจึงบอกกับคุณหนูจงเอ้ออย่างเด็ดขาด “คุณหนูจงเอ้อไปหาถ่านกระดูกเงินห้าตะกร้าที่ร้านอื่นเถอะ ข้าจะไม่ยกให้คุณหนูเด็ดขาด ข้าพูดแต่เพียงเท่านี้ ขอตัว”
เจียงป่าวชิงหมุนตัวอย่างคล่องแคล่วเตรียมจะจากไป คุณหนูจ้งเอ้อจึงหันกลับไปตะเพิดพนักงานในร้านโดยที่ไม่สนใจรักษาภาพลักษณ์อะไรอีกแล้ว “ไหนเถ้าแก่ร้าน ออกมานี่ซิ! พวกเจ้าอยากล่วงเกินจวนเอินเวยโป๋ของข้าใช่ไหม ?! ถ่านกระดูกเงินสามสิบตะกร้า ถ้าขาดแม้แต่ตะกร้าเดียวพวกเจ้าก็เตรียมตัวรอไว้ได้เลย”
พนักงานร้านโค้งตัวและพยายามยิ้มประจบอยู่ข้าง ๆ เขากลัวว่าไฟนี้จะเผามาถึงร้านของพวกเขา แต่มันกลับไม่มีประโยชน์ ในที่สุดมันก็เผามาถึงร้านของเขาจนได้
พนักงานร้านทำหน้าเศร้า “อย่าสิแม่นาง ร้านของเราไม่มีของแล้วจริง ๆ…”
“ข้าไม่สน” คุณหนูจ้งเอ้อพูดขึ้นอย่างแข็งกร้าว “สรุปแล้ว วันนี้เจ้าต้องรวบรวมถ่านกระดูกเงินจนครบสามสิบตะกร้าให้ข้า! มิเช่นนั้นก็เตรียมตัวรอไว้!”
เริ่มไม่มีเหตุผลแล้ว
พนักงานร้านจนปัญญาแล้วจริง ๆ เขาจึงต้องเรียกเจียงป่าวชิง “แม่นางคนนั้นโปรดรอก่อนจ้ะ ข้าจะคืนเงินให้ท่าน ข้าขายถ่านนี้ให้ท่านไม่ได้แล้วจริง ๆ มิเช่นนั้นข้าแย่แน่ ท่านไปดูที่ร้านอื่นเถอะจ้ะ”
คุณหนูจ้งเอ้อมองเจียงป่าวชิงด้วยรอยยิ้มที่ยากจะปกปิดความลำพองใจ
เจียงป่าวชิงหยุดฝีเท้าลงและหันไปมองพนักงานร้าน “การทำการค้าให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ ดังนั้นเจ้าต้องคิดให้ดี ถ้าหากว่าอำนาจสามารถทำให้พวกเจ้าสูญเสียหลักการสำคัญได้ แล้วแบบนี้ต่อไปใครยังจะอยากมาซื้อของที่ร้านของพวกเจ้าอีก ?”
น้ำเสียงที่เจียงป่าวชิงพูดนั้นไม่ได้ดังอะไร ออกนุ่มนวลเสียมากกว่าแต่เจ้าของร้านกลับรู้สึกว่าแม่นางคนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าคุณหนูจากจวนโป๋ที่ไม่มีเหตุผลคนนั้นเสียอีก
“แต่ว่าแม่นาง… คือข้าจนปัญญาแล้วจริง ๆ โปรดเห็นใจ…” พนักงานร้านรู้สึกลำบากใจจนใกล้จะร้องไห้อยู่แล้ว “ท่านเองก็เห็นว่าข้าไม่อยากให้มันเป็นเช่นนี้เลย ทำการค้านั้นมิใช่เรื่องง่าย ถือซะว่าข้าขอร้องท่านก็แล้วกัน” พูดจบ พนักงานร้านก็นึกถึงแม่ที่ล้มหมอนนอนเสื่ออยู่ที่บ้านและอดเช็ดน้ำตาไม่ได้ “แม่ที่บ้านยังรอข้าซื้อยาไปให้ด้วยเงินค่าจ้างงานของข้าอยู่เลยจ้ะ…”
เจียงป่าวชิงไม่ได้พูดอะไร
คุณหนูจ้งเอ้อยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้งและจงใจพูดกับเจียงป่าวชิงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ว่าไงล่ะ บางครั้งสถานการณ์ก็แข็งแกร่งกว่าคน นั่นเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ พนักงานร้านไม่อยากขายของให้เจ้า เจ้าเองก็อย่ามัวไร้ยางอาย รับเงินคืนแล้วไปหาซื้อที่อื่นซะ”
เจียงป่าวชิงหัวเราะเบา ๆ “คุณหนูจ้งเอ้อนี่ช่างมาดใหญ่จริง ๆ” สีหน้าของนางนิ่งมาก “คุณหนูนั่นแหละที่ควรหยุดไร้ยางอายและเลิกทำให้พนักงานร้านลำบากใจ ก็รู้กันอยู่ว่าหลังจากที่ข้าจ่ายเงินของข้าออกไปแล้ว ถ่านกระดูกเงินจำนวนห้าตะกร้านี้ก็เป็นของข้าโดยสมบูรณ์ตามกฎแห่งต้าหลง ข้าก็แค่ฝากไว้กับทางร้านชั่วคราวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าคุณหนูจะบังคับพนักงานร้านยังไงก็ไม่มีประโยชน์ เพราะถ่านกระดูกเงินห้าตะกร้านี้ไม่ได้เป็นของพวกเขา พวกเขาไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจแทนข้า ถ้าหากว่าคุณหนูบีบบังคับคนอื่นเพราะต้องการจะเอามันมาเป็นของตัวเอง ก็ทำได้แค่ไปที่หน่วยงานตัดสินความยุติธรรมประจำเมืองเพื่อตกลงกัน การกระทำของคุณหนูเท่ากับเป็นการคิดแย่งของของคนอื่น คุณหนูจากจวนโป๋อันแสนสง่าดันใช้อำนาจมาข่มเหงผู้คนเพื่อถ่านกระดูกเงินแค่ห้าตะกร้า ถ้าชาวบ้านรู้ให้คงได้อับอายกันไปถ้วนทั่ว และคนจะคิดกันว่าขนาดกับของแค่นี้ยังใช้อำนาจบีบบังคับเอามาได้ขนาดนี้ แล้วถ้าเพื่อสิ่งอื่น ไม่รู้ว่าจะใช้อำนาจในทางที่ผิดอย่างไรกันอีก …คุณหนูจ้งเอ้อคิดดูให้ดีสิว่าถ้าสำนักงานตรวจการณ์ได้ยินเรื่องนี้เข้า ไม่รู้ว่าพวกเขาจะกราบบังคมทูลในการประชุมเช้าของราชสำนักยังไง”
ความลำพองใจที่ยากจะปกปิดได้บนสีหน้าของคุณหนูจ้งเอ้อค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีหน้าหม่นคล้ำและขาวซีดตามลำดับ เมื่อได้ยินคำพูดในช่วงหลัง สีหน้าของนางก็ยิ่งย่ำแย่ราวกับป่วยหนัก
“เหลวไหล!” ฮวาหลงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “ต่อให้เจ้าไปฟ้องพวกเจ้าหน้าที่เราก็ไม่กลัว เพราะท่านฝูหยิ่นมีส่วนเกี่ยวดองกันกับทางครอบครัวข้างนอกของคุณหนูสามของเรา ถ้าเจ้าไปก็คงไม่ส่งผลดีกับตัวเจ้าเอง”
“อ้อ ที่แท้พวกเจ้าก็ลอยตัวอยู่เหนือความยุติธรรมเพราะมีเส้นสายอยู่ในราชการนี่เอง” เจียงป่าวชิงพยักหน้าอย่างคล้อยตาม “อื้ม แต่แบบนี้ยิ่งน่าสนใจมากกว่าเดิม ตอนนี้ราชสำนักกำลังจับกุมข้าราชการที่มีพฤติกรรมทุจริตอย่างเคร่งครัด ดูเหมือนว่าจวนของเจ้าตั้งใจแน่วแน่ที่จะวางตัวบนเวทีที่ทุกคนจับจ้อง” เจียงป่าวชิงพูดเสียงเบาและราบเรียบ รอยยิ้มเยาะเผยออกมาเล็กน้อย “คุณหนูจ้งเอ้อ หรือว่าสำนักงานตรวจการณ์เป็นผู้ที่คอยประสานภายในอยู่ในจวนโป๋ ? เป็นอย่างที่เขาว่ากันว่าผู้หญิงช่างมีความสามารถยอดเยี่ยมจริง ๆ ด้วย”
“หุบปาก!” ในที่สุดคุณหนูจ้งเอ้อก็รักษากิริยาไว้ไม่ไหว สีหน้านางเปลี่ยนไปทันที
“คุณหนู ให้ข้าน้อยไปฉีกปากมันเถอะเจ้าค่ะ” สาวใช้ฮวาหลงแสดงท่าทางเหมือนกับจะเข้าไปต่อสู้กับเจียงป่าวชิงได้ทุกเมื่อ
“พอแล้ว!” คุณหนูจ้งเอ้ออารมณ์เสีย นางดุด่าฮวาหลงอย่างดื้อรั้นโดยไม่สนใจแสดงรอยยิ้มไร้ที่ติของตัวเองอีกแล้ว “เจ้าไม่ได้ยินที่นางพูดเมื่อกี้นี้รึ ?! ถ้าหากว่าเจ้าตบตีนาง กลับไปนางก็จะหาว่าจวนโป๋ของเราอาศัยอำนาจข่มเหงผู้อื่น!”
น้ำเสียงของคุณหนูจ้งเอ้อที่ใช้พูดมีความปลิ้นปล้อนเล็กน้อย ในคำพูดก็เต็มไปด้วยการถากถางด้วยความโกรธแค้น
เจียงป่าวชิงทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยิน ยังคงยิ้มอ่อนต่อไป “คิดอะไรน่ะ เพื่อจัดการพวกเจ้า ข้าต้องเสียสละตัวเองและโดนพวกเจ้าตบสักครั้งแบบนั้นรึ ? ฝันอะไรอยู่”
ตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้วที่เจียงป่าวชิงดึงเข็มเงินออกมาจากกำไลบนข้อมือซ้ายด้วยสีหน้าราบเรียบ และนำไปซ่อนตรงหว่างซอกนิ้วมือข้างซ้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ใครที่คิดจะลงไม้ลงมือกับนางอย่างไม่ลืมหูลืมตา ก็ลองดูได้เลย
ขณะนี้ สายตาของคุณหนูจ้งเอ้อที่จ้องไปยังเจียงป่าวชิงมีความอาฆาตแค้น
เจียงป่าวชิงไม่เคยกลัวที่จะสร้างความเกลียดชัง แต่ถ้าคุณหนูจ้งเอ้อคนนี้ยังคงไร้เหตุผลต่อไป มันเสียเวลาจนเกินไปจริง ๆ
“จะว่าไปแล้ว ร้านนี้ไม่ได้มีเพียงถ่านแบบคุณภาพดีอย่างเดียว ไม่ใช่ว่ายังมีแบบคุณภาพสูงสุดอีกหรอกรึ ?” เจียงป่าวชิงพูดขึ้น “คุณหนูจากจวนโป๋คงจะไม่ได้ขาดเงิน ในเมื่อไม่พอใจกับถ่านธรรมดา งั้นก็ซื้อถ่านกระดูกเงินแบบคุณภาพสูงสุดมาโปะห้าตะกร้าที่เหลือซะสิ ดีกว่ามาโต้เถียงกับข้าที่นี่ เสียเวลาเปล่า ๆ”
ในหัวใจของคุณหนูจ้งเอ้อราวกับว่ามีบาดแผลเจ็บแสบ
ดูเหมือนว่านางหญิงผู้ต่ำต้อยคนนี้จะไม่รู้ว่าถ่านกระดูกเงินแบบคุณภาพสูงสุดนั้นราคาแพงแค่ไหน!
อย่ามองว่าสูงกว่าแค่ระดับเดียว เพราะช่องว่างระหว่างระดับนี้เป็นช่องว่างที่ใหญ่มาก ราคาถ่านกระดูกเงินแบบคุณภาพสูงสุดหนึ่งตะกร้า เทียบเท่ากับราคาถ่านกระดูกเงินแบบคุณภาพดีจำนวนเจ็ดถึงแปดตะกร้าเลยทีเดียว แน่นอนว่าสินค้าราคาแพงเช่นนี้ไม่สามารถรายงานไปยังฝ่ายดูแลเงินตราของทางจวนนางได้ ถ้าต้องซื้อถ่านกระดูกเงินแบบคุณภาพสูงสุด นางทำได้เพียงแค่ล้วงกระเป๋าเงินตัวเองมาจ่ายเท่านั้น
ตอนอยู่ที่บ้าน แม่ใหญ่มักเข้มงวดเรื่องเงินรายเดือน ประกอบกับทุกคนในจวนต่างก็ต้องใช้เงินกันทั้งนั้น ลำพังแม่ของนางกับนางไม่ได้มีเงินเหลือในมือมากนัก ถ้าหากว่าตัวนางเองต้องมาออกเงินจ่ายค่าถ่านกระดูกเงินแบบคุณภาพสูงสุดห้าตะกร้านี้ด้วยตัวเอง ช่วงเวลาหลังจากนี้ไปอีกนานนางคงขัดสนอย่างหนัก
แต่ทว่าตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากวิธีนี้ นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาที่บ้านต่าง ๆ จะมาเอาถ่านกระดูกเงินแล้วด้วย ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องเร่งจัดการเรื่องถ่านกระดูกเงินสามสิบตะกร้านี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด
คุณหนูจ้งเอ้อกัดฟันแล้วพูดกับพนักงานร้าน “นำถ่านกระดูกเงินแบบคุณภาพสูงสุดมาให้ข้าห้าตะกร้า” เมื่อพูดประโยคนี้ ฟันของคุณหนูจ้งเอ้อก็สั่นกระทบกันดังกึก ๆ
ทว่าในส่วนของพนักงานร้าน แน่นอนว่าเขาดีใจมาก หนึ่งคือสามารถแก้ไขเรื่องยุ่งยากได้ สองคือได้ขายสินค้าราคาแพงซึ่งไม่มีเรื่องไหนที่จะดีไปกว่านี้อีกแล้ว เขาจึงรีบตอบรับอย่างต่อเนื่อง และรีบไปจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จทันที
เจียงป่าวชิงเดินออกจากร้านนี้ไปอย่างสงบภายใต้สายตาของคุณหนูจ้งเอ้อที่อยากทิ่มแทงนางให้รู้แล้วรู้รอด