แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 380 ฟื้นแล้ว
เกิ่งจื่อเจียงทำหน้าขมขื่น “ข้าจะลืมเรื่องสะเทือนจิตใจขนาดนั้นได้ยังไง แม่นางเจียง เจ้าไม่รู้อะไร วันนี้ข้ากำลังตรวจดูเครื่องปรุงยาอยู่ในร้านตามปกติธรรมดา แต่ชายคนนี้เดินโซซัดโซเซเข้ามาจากนอกม่านและทรุดลงกับพื้นซะงั้น เดิมทีข้าคิดว่าเขาจงใจมาปล้นเอาเงินข้าจึงคิดหนี แต่ผ่านไปสักพักเขาก็ไม่เห็นจะยังไง พอข้าเดินไปดู ที่แท้เขาก็สลบไปแล้วและข้าก็เห็นแผลบนหัวเขาด้วย แผลไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ค่อนข้างบวมอยู่พอสมควร เจ้าคิดว่าเรื่องนี้…” เกิ่งจื่อเจียงเกาศีรษะ “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกกับข้าเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเผิงแล้ว ข้ารู้ว่าเขาไม่ใช่คนดี แต่คนเป็นหมออย่างข้าไม่สามารถทนเห็นคนตายโดยที่ไม่ช่วยอะไรได้”
เจียงป่าวชิงถอนหายใจ เดิมทีนางตั้งใจเอาถุงหอมมาให้แล้วก็กลับ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคงต้องอยู่ดูสถานการณ์ที่นี่ไปก่อน นางหยิบถุงหอมที่เจียงฉิงฝากให้นำมาให้เกิ่งจื่อเจียงออกมาจากกระเป๋าตรงเอว
“หมอเกิ่ง ถุงหอมนี้อาฉิงทำมาให้ ข้างในมีเครื่องปรุงยาที่นางจัดมาด้วยตัวเอง นางบอกว่ามันช่วยให้จิตใจสงบน่ะ”
เกิ่งจื่อเจียงรีบเช็ดมือบนผ้ากันเปื้อนที่ใส่อยู่ทันที ตอนยกน้ำเมื่อสักครู่ มือของเขาคงเปียกน้ำ หลังจากที่เช็ดมือจนสะอาดแล้วเขาถึงจะรับถุงหอมนั้นมาจากเจียงป่าวชิงด้วยความดีใจ
“ไอ้ยา! น้องอาฉิงของข้าช่างเก่งจริง ๆ” เกิ่งจื่อเจียงลืมไปชั่วขณะว่ายังมีตัวปัญหานอนอยู่บนเตียงในห้อง เขายกถุงหอมนั้นขึ้นมา พลิกถุงมองซ้ายมองขวาด้วยท่าทางชื่นชอบอย่างมากและเตรียมนำมาแขวนไว้ที่เอวแต่กลับมีความลังเลเล็กน้อย “ไม่ได้ ข้าหยิบยาและตรวจดูอาการผู้ป่วยอยู่ในร้านทุกวัน ถ้าแขวนไว้นี่มีหวังต้องเปื้อนแน่ ๆ” พูดจบเขาก็คิดจะนำไปแขวนไว้ตรงหัวเตียงแต่กลับนึกขึ้นได้ว่ายังมีบุคคลอันตรายนอนหมดสติอยู่บนเตียง ทำให้มือที่กำลังจะนำถุงหอมไปแขวนแข็งทื่อกลางอากาศทันที
เจียงป่าวชิงขี้เกียจพูดอะไรแล้ว นางจับชีพจรของคนที่นอนอยู่บนเตียงพลางรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่บาดแผลรุนแรงอะไร ให้เขาพักผ่อนอย่างสงบก็ได้ ที่เขายังไม่ฟื้นในตอนนี้คงเป็นเพราะถูกกระแทกตรงหลังศีรษะอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากเลย”
เกิ่งจื่อเจียงมีความโบราณคร่ำครึในแบบของคนเป็นหมอเล็กน้อย แต่อันที่จริงความโบราณคร่ำครึนี้ก็เป็นหนึ่งในข้อดีของเกิ่งจื่อเจียงด้วยเช่นกัน
เจียงป่าวชิงไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงขอให้เกิ่งจื่อเจียงไปหยิบเหล้ากับเทียนมาให้นาง
หลังจากที่ฆ่าเชื้อให้กับเข็มเงินอย่างง่าย ๆ แล้ว เจียงป่าวชิงก็แทงเข็มเงินลงไปบนจุดฝังเข็มทั่วทั้งร่างของชายหมดสติอย่างรวดเร็ว
เกิ่งจื่อเจียงเคยเห็นเจียงป่าวชิงใช้ทักษะเข็มเงินมาก่อน แต่เมื่อได้เห็นอีกครั้งในครั้งนี้ เขาก็ยังคงชื่นชมกับทักษะลึกลับที่ว่านี้อยู่
“แม่นางเจียง นี่เจ้ากำลังทำอะไร ?” เกิ่งจื่อเจียงอดกลั้นความสงสัยในใจไม่ได้ สุดท้ายก็ถามออกไป
เจียงป่าวชิงอธิบายโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง “ข้าช่วยให้เลือดของเขาไหลเวียนได้ดีขึ้น เพื่อให้เขาฟื้นเร็วขึ้น สภาพแวดล้อมของคนอย่างพวกเขาเป็นปัญหาสำหรับเรา ถ้าเราส่งปัญหานี้ออกไปตั้งแต่เนิ่น ๆ ชีวิตของเราก็จะสงบเร็วขึ้น”
ชายคนนี้ดูเหมือนจะเป็นหัวโจกของพวกอันธพาล คนเช่นนี้คงมีศัตรูมากมาย เกิ่งจื่อเจียงช่วยเขา เช่นนี้ ไม่เท่ากับว่ากำลังช่วยตัวปัญหาหรอกหรือ
เกิ่งจื่อเจียงพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง
……
ตอนที่ถูซีว่างตื่นขึ้นมา เขารู้สึกเจ็บท้ายทอยหน่อย ๆ ทั้งยังรู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างมาก เขาก่นด่าในใจ ทว่าก็พยายามอดทนต่อความรู้สึกไม่สบายต่าง ๆ นานาและลุกขึ้นยืน
ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงพูดของผู้หญิงดังมาจากด้านข้าง “สมรรถภาพทางกายไม่แย่เลย เจ้าฟื้นเร็วดีมาก”
ถูซีว่างพยายามอดทนต่อความไม่สบายทางกายทั้งหงายแหล่และมองตามเสียงไป
ผู้ชายที่เป็นหมอคนนั้นไม่ใช่รึ… อ้อ ไม่สิ ฟังจากน้ำเสียงเมื่อสักครู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้หญิง
ถูซีว่างรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีรูปลักษณ์งดงามมากแต่สาวไปหน่อย แต่… ต่อให้อีกฝ่ายหน้าตาสะสวยยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เพราะเขายังคงรู้สึกว่าเด็กที่ชื่อเผิงไฉ่เสียคนนั้นตรงรสนิยมของเขามากกว่า
“หมอคนนั้นล่ะ ?” ทันทีที่ถูซีว่างพูดก็ตกใจกับน้ำเสียงของตัวเอง ทำไมถึงได้แหบขนาดนี้…
ถูซีว่างเห็นว่ามีการตักเตือนที่ดูคลุมเครืออยู่ในสายตาของแม่นางที่ยังสาวมากคนนั้น “เขาไปตรวจอาการคนป่วยที่ร้านด้านหน้าแล้ว เขาช่วยชีวิตเจ้าไว้ ถ้าหากว่าเจ้าต้องการตอบแทนบุญคุณเขาละก็นะ จงอย่าสร้างปัญหาให้เขามากเกินไป”
“ข้าแซ่ถู แม้ข้าจะเป็นคนมีอิทธิพลท้องถิ่น แต่ข้าไม่ใช่คนเนรคุณ” ถูซีว่างหัวเราะอย่างเย็นชา เขาเลิกผ้าห่มแล้วลงจากเตียงด้วยอาการที่ยังคงวิงเวียนศีรษะและรู้สึกอยากอาเจียน “เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่มีเวลามาทำตัวเชื่องช้าที่นี่ เพราะข้ายังต้องไปเล่นงานไอ้คนแซ่เผิงคนนั้นอีก! หน็อยแน่ กล้าซุ่มโจมตีข้าอย่างนั้นรึ!”
ตอนที่เขาเดิน ๆ อยู่ดี ๆ ก็ถูกใครไม่รู้ทุบด้วยไม้พลองตรงหลังศีรษะ นอกจากเผิงชื่อจินที่ไม่ลงรอยกับเขาในทุกวัน เขาก็นึกถึงใครอื่นไม่ออกแล้ว
ถูซีว่างเป็นคนมีอิทธิพลท้องถิ่นของที่นี่ เขารู้อยู่แก่ใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำในยามปกติ ตอนนี้พวกน้องชายที่อยู่ข้างกายเขาไม่อยู่ ถ้าหากว่าเขาขอรับการรักษาอย่างลวก ๆ เกรงว่าเขาคงไม่มีทางฟื้นขึ้นมาได้อีกจึงรวบรวมสติเฮือกสุดท้ายและมาที่ร้านยาใจสัตย์ซื่อแห่งนี้
เขาจำได้ว่าเจ้าของร้านยาใจสัตย์ซื่อแห่งนี้กล้าช่วยเผิงชื่อจิน ถ้าอย่างนั้นอีกฝ่ายจะต้องช่วยเขาอย่างแน่นอน
และเขาก็พนันชนะ!
“เดี๋ยว คนแซ่เผิงที่เจ้าพูดถึงคงไม่ได้หมายถึงเผิงชื่อจินใช่ไหม ?” เจียงป่าวชิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองหน้าถูซีว่าง
ถูซีว่างพูดอย่างโหดเหี้ยมด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “แม้ว่าข้าจะมีศัตรูมากมาย แต่ตอนนี้คนที่กำลังขัดแย้งกับข้าไม่มีใครอีกนอกจากไอ้แซ่เผิงนั่น! ถ้าเขาไม่ได้ลอบทำร้ายข้าแล้วยังจะเป็นใครได้!”
“ไม่ใช่เขาจริง ๆ” เจียงป่าวชิงพูดอย่างใจเย็น “ข้าไม่ได้พูดแทนเขา แต่ข้าพูดตามความจริง ก่อนที่ข้าจะมาร้านยาใจสัตย์ซื่อ ข้าได้เจอกับเขาระหว่างทางพอดีซึ่งเขากำลังถามหาหลานสาวของเขาไปทั่ว แบบนี้เขาจะเอาเวลาไหนไปลอบทำร้ายเจ้า ?”
ความสนใจของถูซีว่างถูกดึงไว้โดยคำพูดของเจียงป่าวชิง “เจ้าพูดว่าอะไรนะ ?! เผิงไฉ่เสียเป็นอะไร ?!”
ไม่สามารถปกปิดความห่วงใยในคำพูดของเขาได้เลย
เจียงป่าวชิงมองถูซีว่างอย่างระมัดระวังแล้วหัวเราะอย่างเย็นชา “นางสบายดี ก็แค่ออกจากบ้านโดยที่ไม่บอกเผิงชื่อจินสักคำ ใครล่ะที่เป็นเหตุให้ลุงกับหลานประหม่าได้ขนาดนี้”
เพียงได้ยินว่าเผิงไฉ่เสียไม่เป็นอะไร ถูซีว่างก็รู้สึกโล่งใจ แต่เมื่อได้ยินการเสียดสีในคำพูดต่อมาของเจียงป่าวชิง เขาก็ทำเสียงฮึดฮัดออกมาทางจมูกราวกับว่าไม่ต้องการอธิบายกับเจียงป่าวชิงอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้าไม่รู้อะไร… ช่างเถอะ ในเมื่อไม่ใช่ไอ้แก่เผิงชื่อจิน งั้นข้าก็จะยังไม่ไปคิดบัญชีกับเขา” พูดจบ ถูซีว่างก็เตรียมเดินออกไปข้างนอก
เสียงผู้หญิงดังขึ้นมาจากทางด้านหลังอย่างเย็นชา “ถึงแม้ว่าข้าจะคิดว่าเจ้าเป็นตัวปัญหา แต่เจ้าไม่ควรออกไปในตอนนี้ หมอเกิ่งพยายามช่วยชีวิตเจ้ากลับมา ไม่ใช่ให้เจ้ามาดูถูกความพยายามของเขา ยาที่ต้มด้วยไฟอ่อนบนเตานั้น อีกประเดี๋ยวมันได้ที่แล้วเจ้าควรดื่มมันซะ แล้วทิ้งค่ารักษาไว้ด้วย ถึงตอนนั้นค่อยไปก็ยังไม่สายหรอก”
ถูซีว่างหมุนตัวกลับมาตะคอกใส่เจียงป่าวชิงอย่างหงุดหงิด “นางบ้า ไม่ใช่ว่าเจ้าสั่งข้าว่าอย่าสร้างปัญหาให้หมอคนนั้นหรอกรึ! พอข้าจะไปในตอนนี้เจ้ากลับไม่ให้ไป นี่เจ้าคิดจะทำอะไรเจ้าบอกข้าสิ ?”
คำพูดคำจาของเขานั้นหยาบคายมาก
แต่เจียงป่าวชิงเป็นใคร นางมิใช่สาวน้อยบอบบางที่ทนคำด่าไม่ได้ นางเป็นคนที่อาศัยอยู่กับพวกโจรที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายอันตรายและเห็นเลือดที่กระเด็นเป็นเหมือนฝนสาดเป็นเวลาสามปีเชียวนะ แค่นี้ไม่สะทกสะท้านหรอก
นางไม่คิดจะยกเปลือกตาขึ้นด้วยซ้ำ “เอาล่ะ หุบปากของเจ้าซะ ถ้าเจ้าไม่กลัวตายก็ลองตะคอกอีกครั้งสิ”