แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 95 อย่าคิดว่าจะได้เพาะปลูกอย่างตั้งใจ
ตอนที่ 95 อย่าคิดว่าจะได้เพาะปลูกอย่างตั้งใจ
นี่เป็นท่าทางของคนในครอบครัวท่านปู่เจียงจริง ๆ
เจียงป่าวชิงพยักหน้าและถามเจียงเหล่าหวู่ “ท่านปู่ห้า ท่านปู่คิดจะทำอย่างไรหรือเจ้าคะ ? ข้าให้ครอบครัวของท่านเช่าที่ด้วยความจริงใจ แต่ไม่คิดว่าครอบครัวของท่านปู่สองจะใช้วิธีทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไร้ผลประโยชน์เช่นนี้มาทำให้พวกท่านปู่ห้าเดือดร้อน”
“ป่าวชิงเจ้าอย่าพูดแบบนี้ เจ้าให้พวกข้าเช่าที่ดินของครอบครัวเจ้า พวกข้ามีแต่จะขอบคุณเจ้า อย่าพูดว่าเดือดร้อนอะไรอย่างนั้นเลย” เจียงเหล่าหวู่ถ่มน้ำลายลงบนพื้น จากนั้นแววตาของเขาก็โหดเหี้ยมขึ้นทันที “เขากล้าพาลโดยไร้เหตุผล เราเอาเหตุผลเข้าสู้ คงจะพาลมากกว่าเขาอย่างแน่นอน! ไป อีกประเดี๋ยวเราไปที่บ้านของเขาเพื่อพูดคุยด้วยเหตุผลกัน!”
……
ท่านปู่เจียงกำลังนั่งขัดสมาธิดื่มเหล้าอยู่บนเตียงอิฐ
เหล้าที่เขาดื่มเป็นเหล้าท้องถิ่นที่หมักโดยครอบครัวตัวเอง มันไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ แล้วยังมีรสขมของเหล้าที่มีฤทธิ์รุนแรงอีกด้วย แต่มันก็ดีกว่าไม่มีอะไรดื่ม ตอนที่ท่านปู่เจียงไม่มีอะไรทำ เขามักจะชอบรินใส่ถ้วยเล็ก ๆ และดื่มเพลิน ๆ
เจียงเหมยฮัวลูกสาวคนเล็กที่แต่งออกไปเมื่อก่อนหน้านี้ ในบ้านก็รับเงินค่าสินสอดมาจากตระกูลเมิ่งเป็นจำนวนเงินเจ็ดตำลึง ตอนนี้จึงเป็นช่วงที่การเงินไม่ขัดสน ท่านปู่เจียงจึงกำลังคิดว่าจะเอาเงินไปซื้อเหล้าดี ๆ มาเพิ่มให้ตัวเองดีหรือไม่
หลีโผจื่อถือกะละมังซักผ้าไว้ในมือและเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เมื่อนางเห็นท่านปู่เจียงกำลังดื่มเหล้าเพลิน ๆ นางก็อดที่จะบ่นอย่างเสียไม่ได้ “อายุขนาดนี้แล้วยังต้องไปซักผ้าด้วยตัวเองอยู่อีก” จากนั้นนางก็เพิ่มเสียงพูด “เหอะ! ลูกสะใภ้กับหลานสาวไม่มีใครทำให้สบายใจเลยสักคน”
หลังจากที่เจียงเหมยฮัวแต่งเข้าไปในตระกูลเมิ่ง เริ่มแรกหลีโผจื่อยังคงปลื้มอกปลื้มใจอยู่บ้าง ถึงอย่างไรก็มีเงินก้อนโตเข้ามาในครอบครัว แต่ตอนหลังเมื่อถึงเวลาทำงานบ้าน หลีโผจื่อหงุดหงิดทันที
ไม่มีคนกวาดพื้นในบ้าน ไม่มีคนเช็ดโต๊ะ ไม่มีคนซักผ้า ซึ่งทั้งหมดนี้เคยเป็นหน้าที่ของเจียงเหมยฮัว แต่หลังจากที่นางแต่งออกไปแล้ว งานทุกอย่างจึงต้องตกมาเป็นของหลีโผจื่อ
พอบอกให้โจซื่อทำ โจซื่อก็ประคองเอวและบอกว่านางเหนื่อยกับงานแต่งงานของเจียงเหมยฮัวก่อนหน้านี้จนเอวเคล็ด จึงต้องพักผ่อนสักสองสามวัน ทว่าพอจะให้เจียงต้ายาทำ เจียงต้ายาก็เอาแต่นอนอยู่บนเตียงไม่ต่างอะไรกับคนตาย แล้วยังบอกอีกว่าก่อนหน้านี้ตัวเองเสียเลือดจนเกือบตายและยังบำรุงร่างกายไม่เรียบร้อยดี พอจะให้เจียงเอ้อยาทำ เจ้าเด็กปลิ้นปล้อนคนนี้กลับวิ่งเร็วเสียยิ่งกว่าใคร วัน ๆ เอาแต่อ้างว่าไปเล่นกับหลานชายสุดที่รักของหลีโผจื่อ หลีโผจื่อจึงรู้สึกจนปัญญากับนางจริง ๆ
หลังจากซักผ้าตลอดช่วงเช้าของวันนี้ หลีโผจื่อก็กำลังจะอาเจียนตายอยู่รอมร่อ
ท่านปู่เจียงผู้ที่ไม่เคยแตะต้องงานบ้านเลยสักครั้ง เมื่อได้ยินหลีโผจื่อบ่นเรื่องงานบ้านตรงนี้ เขาก็ปวดศีรษะและพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “พอแล้ว เรื่องแค่นี้เอง เจ้าทำเองก็ได้มิใช่รึ ?!”
ไฟโกรธของหลีโผจื่อพุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ ทว่าเมื่อนางเห็นท่าทางหงุดหงิดและสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีของปู่เจียง นางก็ไม่กล้าทะเลาะกับเขา จึงทำเพียงก่นด่าและวางกะละมังซักผ้าลงไปบนพื้นอย่างแรง แล้วนางก็เลิกม่านเดินออกไปทันที
หลีโผจื่อไปที่ห้องของโจซื่อผู้เป็นลูกสะใภ้ก่อน เมื่อนางเห็นโจซื่อยังคงแสร้งทำเป็นนอนอยู่บนเตียง นางก็ก่นด่าใส่หน้าเต็ม ๆ “เจ้าคนไร้จิตสำนึก มิน่าล่ะถึงได้จับผัวของตัวเองไว้ไม่อยู่ คิดว่าข้าไม่รู้รึ ?! นี่เจ้าเหนื่อยที่ไหน เจ้าแค่ดูแลผัวของตัวเองไม่ได้ ทำให้ไม่มีหน้าออกไปเจอผู้คนจึงต้องหนีงานมาอยู่ในห้องอย่างไรเล่า ลูกสะใภ้อย่างเจ้าน่ะหรือ ถุย! ข้าจะบอกให้เจ้าฟัง ถ้าเจ้ายังนอนอยู่อีก ถึงตอนที่ลูกชายข้าพาแม่หม้ายซ่งอะไรนั่นเข้าบ้าน เจ้าก็รีบหลีกทางซะ! อย่างน้อย ข้าก็เห็นว่ามือและเท้าของแม่หม้ายซ่งนั้นคล่องแคล่ว อีกทั้งนางยังเป็นคนที่ทำงานเป็นด้วย”
โจซื่อน้ำตาคลอเบ้า ทีแรกนางถูกด่าจนรู้สึกอับอายและเคียดแค้น ตอนหลังได้ยินว่าหลีโผจื่อยอมรับแม่หม้ายซ่ง นางก็ตกใจไม่กล้าแสร้งทำทีว่าป่วยอีก นางรีบกลิ้งลงมาจากบนเตียงและแสดงความเคารพหลีโผจื่อทันที “ท่านแม่ ข้าไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่อย่าให้อีหนิวพาหญิงมารยาสาไถยคนนั้นเข้ามาในบ้านเราเด็ดขาดนะ ไม่อย่างนั้น… ไม่อย่างนั้นพี่ฉายของเราจะต้องอับอายไปทั่วหมู่บ้านแน่ ๆ”
โจซื่อพอจะฉลาดอยู่บ้าง นางรู้ว่าถ้าหากอ้อนวอนคนใจจืดใจดำอย่างหลีโผจื่อ หลีโผจื่อจะต้องไม่ฟังนางอย่างแน่นอน แต่หากนางหยิบยกลูกชายคนเล็กมาพูด หลีโผจื่อคงจะพอฟังนางอยู่บ้าง
และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ หลีโผจื่อด่าประจานโจซื่อทันที “เจ้าก็ยังรู้นี่ว่ามีพี่ฉาย ข้าจะบอกให้เจ้าฟัง หากว่าเจ้ายังทำท่าทางเช่นนี้อีก ข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้ว ถึงอย่างไรแม่หม้ายซ่งก็ยังสาวยังแส้ และนางจะต้องมีหลานอ้วน ๆ ให้ข้าได้อีกหลายคนอย่างแน่นอน”
โจซื่อตกใจจนขาอ่อน
หลีโผจื่อจัดการด่าโจซื่อที่กำลังตกใจทั้งอย่างนั้น นางรีบทำการสั่งสอนโจซื่อให้เชื่อฟังทันที
หลังจากที่ได้ด่าระบายอารมณ์ หลีโผจื่อก็รู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ตอนไปที่ห้องของหลานสาวทั้งสองคน สีหน้าของนางก็ดูดีขึ้นมาหน่อยแล้ว และเมื่อนางเข้าไปดูก็เห็นเจียงต้ายาผู้เป็นหลานสาวคนโตกำลังนั่งอยู่บนเตียงพลางมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ซึ่งไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
หลีโผจื่อเข้าไปตบลงที่หลังของเจียงต้ายา
เจียงต้ายารู้สึกเจ็บ นางหันกลับมาเห็นว่าเป็นหลีโผจื่อ สีหน้าของนางก็กระตุกเล็กน้อย จากนั้นนางก็เรียกหลีโผจื่อว่า “ท่านย่า”
หลีโผจื่อพูดจาแปลก ๆ “ไอ้โย! เจ้ายังรู้ว่าข้าเป็นย่าของเจ้าอยู่อีกรึ ? ดูสภาพเจ้าสิ ข้ายังคิดว่าเจ้าเป็นย่าของข้าเสียอีก”
เมื่อสักครู่เจียงต้ายาก็ได้ยินการเคลื่อนไหวในห้องแม่ของนางคร่าว ๆ แล้ว นางจึงไม่กล้าเป็นอริกับหลีโผจื่อ ทำได้เพียงก้มหน้าไม่พูดอะไร
หลีโผจื่อก่นด่า “เหอะ! เจ้าก็แค่แท้งลูกเองไม่ใช่รึ ? ทำเหมือนว่าเจ้าล้ำค่ามากอย่างนั้นแหละ นอนอยู่บนเตียงนานแค่ไหนแล้วล่ะ ? นี่เจ้าคิดจะนอนไปจนตายเลยหรืออย่างไร ?! วันนี้ลุกขึ้นมาทำงานให้ข้าซะ คนในบ้านเลี้ยงเจ้ามาโดยเปล่าประโยชน์ตั้งนาน เจ้ากลับมาทำให้อับอายขายหน้า แล้วยังทำให้เสียเงินอีกต่างหาก ตอนที่เจ้าเกิดมาข้าน่าจะกดเจ้าให้จมอยู่ในกระโถนฉี่ให้รู้แล้วรู้รอด เวรกรรมจริง ๆ!”
เจียงต้ายาถูกหลีโผจื่อสาดน้ำลายใส่จนแข็งทื่อไป แต่นางกลับไม่กล้าต่อต้านหลีโผจื่อ ทำได้เพียงลุกขึ้นจากบนเตียงอย่างว่าง่ายและไม่กล้าพูดอะไรอีก
หลีโผจื่อก่นด่าอย่างสบายใจ จากนั้นนางก็สั่งเจียงต้ายา “ไป! ไปตักหญ้าหมู หมูที่เลี้ยงไว้ยังรู้จักให้คนในบ้านกินเนื้อมันตอนสิ้นปี เลี้ยงหมูดีกว่าเลี้ยงเจ้าอีก”
เจียงต้ายาก้มหน้าก้มตาเดินออกไปสะพายตะกร้าไม้ไผ่ไว้บนหลังและไปตักหญ้าหมู
หลีโผจื่อหาเจียงเอ้อยาไม่เจอ นางเดาว่าเจียงเอ้อยาคงจะพาเจียงโหย่วฉายออกไปเล่นข้างนอกอีกแล้ว นางจึงถ่มน้ำลายลงบนพื้นและกลับไปที่ห้องอย่างแค้นใจ
โจซื่อนำเสื้อผ้าที่ซักเสร็จแล้วไปตากด้านนอก
หลีโผจื่อที่มองอยู่พยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนจะนั่งลงไปบนเตียง เมื่อเห็นว่าท่านปู่เจียงยังคงหลับตาดื่มเหล้าอย่างสบายใจอยู่ตรงนั้น นางก็อดที่จะพูดขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ “ตาแก่ ข้าว่าข้าวในที่ดินห้าไร่นั้นก็ใกล้จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว”
เมื่อพูดถึงที่ดินห้าไร่ที่แบ่งให้สองพี่น้อง เรื่องนี้เกือบจะกลายเป็นความเจ็บปวดในหัวใจของท่านปู่เจียงเลยก็ว่าได้
เมื่อหลีโผจื่อพูดถึงเรื่องนี้ ท่านปู่เจียงก็อดที่จะถลึงตาใส่หลีโผจื่ออย่างเสียไม่ได้
หลีโผจื่อเบะปาก “ถลึงตาใส่ข้าทำไมไอ้แก่ ต่อไปถ้าข้าวพร้อมให้เก็บเกี่ยวแล้วก็ต้องคืนที่ดินให้หมาป่าตาขาวสองตัวนั้นอยู่ดี”
ท่านปู่เจียงพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “อย่าคิดว่าพวกมันจะได้เพาะปลูกอย่างตั้งใจ!”
หลีโผจื่อนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงและอุทานออกมาเบา ๆ จากนั้นนางก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ผักกาดขาวที่เจ้ากับอีหนิวปลูกน่ะ ข้าว่าดีมากเลย เจ้าสัตว์สองตัวนั้นรอให้ผักกาดขาวสุกก็คงจะพลาดช่วงเวลาในการเพาะปลูกพอดี ดูเอาเถอะว่าถึงตอนนั้นพวกมันจะกินอะไร”
ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่อย่างสนุกปาก จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงทุบประตูดังมาจากด้านนอก
เมื่อโจซื่อที่กำลังตากผ้าอยู่ในลานบ้านได้ยิน นางก็ถามกลับไป “ใครรึ ?”
“ข้าเอง เจียงเหล่าหวู่” เจียงเหล่าหวู่ขานรับอย่างไม่สบอารมณ์
ท่านปู่เจียงกับหลีโผจื่อมองหน้ากันทันที “พี่ห้ามาได้อย่างไร ? ไม่ได้การ! ข้าต้องออกไปดูสักหน่อย”
ท่านปู่เจียงวางถ้วยเหล้าลง จากนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นจากบนเตียงทันที ส่วนหลีโผจื่อนั้น นางก็รีบตามออกไปด้วยเช่นกัน
.