โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 151
Ch.151 – สวรรค์โปรดปราน
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.151 – สวรรค์โปรดปราน
ท่ามกลางเสียงยกยอปอปั้น
ฉินเฟิงยังนิ่งสงบ ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ
ซินเจี่ยเซิงพอเห็นก็เริ่มหงุดหงิด เขารู้สึกราวกับหมัดเด็ดที่แสดงออกมาต่อยลงบนผ้าฝ้ายนุ่มๆ
“เป็นอะไรไป? ตอนนี้เกิดกลัวขึ้นมารึไง? กระทั่งหมายเลขนักสู้ก็ยังไม่ยอมเผยมันออกมา ปอดแหกไปแล้วหรอ?”
ซินเจี่ยเซิงส่งหมายเลขนักสู้ของตนออกไปแล้ว และมันยังบ่งบอกถึงระดับความแข็งแกร่งทางกายภาพและกำลังภายในของเขา
กล่าวได้ว่าแม้จะมีท่าทีหยิ่งผยอง แต่เขาก็มิใช่ตัวโง่งมของรุ่นลูกรุ่นหลานแห่งตระกูลใหญ่ อย่างน้อยก็มีความแกร่งทางกายภาพและกำลังภายในอยู่ในระดับ ‘มากพรสวรรค์’
ซึ่งระดับมากพรสวรรค์นี้ ไม่ได้เกิดจากการโมเมขึ้นด้วยตนเอง หากแต่เป็นการประมวลผลจากการทดสอบเฉพาะของศูนย์ประลอง โดยจัดระดับให้ตามคะแนนจากน้อยไปมาก อันได้แก่ ระดับสามัญ , ระดับชั้นยอด , ระดับมากพรสวรรค์ , ระดับสวรรค์โปรดปราน , ระดับคงกระพัน
ซึ่งการที่ซินเจี่ยเซิงเป็นถึงระดับ ‘มากพรสวรรค์’ นั่นหมายความว่าเขามีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะสามารถทะยานขึ้นสู่เลเวล E ได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ถึงเวลานั้น ไม่ว่าจะไปที่ใดในเมืองเฉิงหยาง เขาก็สามารถออกปาก มีสิทธิ์มีเสียง
ฉินเฟิงที่จริงมิได้ปอดแหก แต่เขาไม่มีหมายเลขนักสู้ต่างหาก เพราะยังไงซะ เขาเพิ่งจะเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก
ฉินเฟิงเปิดอุปกรณ์สื่อสารของตน แล้วทำการเชื่อมต่อกับเครือข่ายสาธารณะ
“ยินดีต้อนรับสู่ศูนย์ประลองผู้ใช้พลังประจำเมืองเฉิงหยาง ภายในศูนย์จะประกอบไปด้วย … ”
เสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น เห็นได้ชัดว่ามันคือเสียงตอบรับอัตโนมัติสำหรับบริการของศูนย์ประลอง มีไว้ใช้อธิบายข้อกำหนดของการลงสู่สังเวียน
เห็นถึงฉากนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงซินเจี่ยเฉิง คนอื่นๆที่รุมล้อมเขายังถึงขั้นพูดไม่ออก
“อ่าว นั่นเขาเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกหรอกหรอ?”
“บางทีอาจจะไม่ใช่คนจากเมืองเฉิงหยางก็ได้”
หลังจากที่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เปลวเพลิงแห่งความโกรธของซินเจี่ยเฉิงก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง
ไอ้เด็กนี่ ที่แท้ก็แค่หมาจรจัด แต่ริหาญมาท้าทายอำนาจของตระกูลซิน—
—แสดงว่ามันไม่เห็นตระกูลซินอยู่ในสายตาเลย!
“เฮ้ไอ้บ้านนอก เพิ่งจะเคยมาเมืองเฉิงหยางเป็นครั้งแรกงั้นหรอ? ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมแกถึงกล้าล่วงเกินฉัน! คราวนี้จะได้เห็นกันว่าแกจะตายยังไง!”
นี่ดั่งสำนวนที่ว่าเป็นแค่งูดิน แค่ริอาจท้าทายมังกรเจ้าถิ่น ฉินเฟิงเพิ่งมาที่เมืองนี้เป็นครั้งแรก ก็หาเรื่องทำให้ซินเจี่ยเซิงต้องขุ่นเคืองซะแล้ว ฉะนั้นเป็นธรรมดาที่ฉินเฟิงจะต้องพบจุดจบไม่ดี
ผู้คนโดยรอบเอง ก็เหมือนจะพอคาดเดาผลลัพธ์ได้แล้วเช่นกัน และเริ่มพากันส่งเสียงสาปส่งหยาบคายออกมา
“เจ้าหนู ไม่ต้องไปฟังคนพวกนั้นหรอก เห็นเครื่องมือทดสอบผู้ใช้พลังนั่นไหม นายก็แค่ไปยืนตรงนั้นและปล่อยให้มันสแกน เสร็จสิ้นกระบวนการนายก็จะได้รับหมายเลขนักสู้ จากนั้น นายสามารถใช้หมายเลขนักสู้ทำการ ‘ขอท้าประลองแบบสุ่ม’ ได้ แต่แน่นอน ถ้าหากนายต้องการเลือก ‘จับคู่ประลอง’ กับนายน้อยซินโดยตรง ก็สามารถทำได้เช่นกัน ขอแค่กรอกหมายเลขนักสู้ลงไปบนสังเวียน!”
ฉินเฟิงรับฟังสิ่งที่ชายคนนั้นพูดอย่างตั้งใจ มันช่วยประหยัดเวลาได้มาก เขาก้าวเดินไปยังเครื่องมือที่ตั้งอยู่ในห้องโถงทันที
แสงจากเครื่องทดสอบสแกนผ่านร่างของฉินเฟิง จากบนลงล่าง ศีรษะจรดเท้า
ช่วงเวลาต่อมา เสียงจากเครื่องมือทดสอบก็ดังขึ้น
【ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!】
【ผลการทดสอบอายุกระดูก : 16 ปี】
【ผลการทดสอบความแข็งแกร่งทางกายภาพ : ระดับสวรรค์โปรดปราน】
—ระดับสวรรค์โปรดปราน นั่นเท่ากับว่าเขาเป็นมังกรในหมู่หงสา! เป็นลูกรักของพระเจ้า!!
ยิ่งไปกว่านั้นฉินเฟิงยังมีอายุแค่เพียง 16 ปี! นี่มิใช่หมายความว่าเขาเพิ่งปลุกพลังได้แค่ 3 เดือนเองหรอกหรือ?
ไม่รีรอให้ฝูงชนร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ ผลการทดสอบก็ดังขึ้นอีกครั้ง
【ตรวจพบความผันผวนของพลังสมาธิ】
【ความเข้มข้นของพลังสมาธิ : ระดับสวรรค์โปรดปราน 】
“ว่ายังไงน้าาา!!”
“หูฉันฝาดไปรึเปล่า?”
“เครื่องมันเพี้ยนไปแล้วมั้ง?”
ผู้คนเริ่มเกิดความสงสัยว่าเครื่องมือทดสอบอาจจะรวนหรือพัง
ต้องรู้นะว่า ความแข็งแกร่งทางกายภาพน่ะ มันเป็นตัวบ่งบอกถึงพละกำลังกาย และของฉินเฟิงมันสูงมาก นี่ชัดเจนว่าฉินเฟิงต้องเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ
แต่ถึงกระนั้นความเข้มข้นพลังสมาธิของฉินเฟิงเองก็ยังอยู่ในระดับสวรรค์โปรดปรานเช่นกัน เรื่องแบบนี้มันไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด
อีกด้านหนึ่ง ซินเจี่ยเฉิงเองก็ดูจะตกใจไม่น้อย
เพราะกระทั่งซินเจี่ยเซิงที่ถูกป้อนทรัพยากรมากมายตั้งแต่เด็ก และได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี ก็ยังเป็นได้แค่ผู้ใช้พลังเลเวล F6 ในระดับมากพรสวรรค์เท่านั้น แต่แค่นี้ก็นับว่าสุดยอดมากแล้ว
เพราะเหตุผลเดียวกันนี้เอง ซินเจี่ยเซิงเลยกลายเป็นคนหยิ่งผยอง เขาเลยกล้าหยามหยั่นฉินเฟิง เพราะมั่นใจว่าต่อให้เป็นหน้าไหนในเลเวลเดียวกัน ก็ไม่สามารถแข็งแกร่งพอจะต่อกรกับตนเองได้
ทว่าเมื่อครู่นี้ ความมั่นใจทั้งหมดที่มีทั้งหมด เมื่อเผชิญกับฉินเฟิง มันกลับแตกสลาย หายไปสิ้นไม่มีหลงเหลือ!
นี่มันผีห่าซาตานตนใดกัน? อายุแค่ 16 ปี แต่กลับครอบครองเลเวลเดียวกับตน กระทั่งผลวัดจากเครื่องมือทดสอบ ก็ยังอยู่ในระดับสวรรค์โปรดปราน
อย่างไรก็ตาม ราวกับประชดประชันให้คนอื่นอึ้งยังไม่พอ ผลการทดสอบยังคงไม่จบลง!
【ตรวจพบพลังวรยุทธโบราณ】
【ความเข้มข้นกำลังภายใน : ระดับคงกระพัน】
ราวกับหินมหึมาถูกทุ่มลงในแอ่งน้ำใหญ่
—ระดับคงกระพัน!!
ไม่คาดฝันเลยว่าระดับคงกระพันจะปรากฏกายขึ้น
หากใช้ห้าระดับ อ้างอิงตามระดับของสัตว์ร้าย , ระดับคงกระพันจะเทียบเท่าได้กับระดับจักรพรรดิสัตว์ร้าย!
ซึ่งผลลัพธ์ดังกล่าว มีความเป็นไปได้เฉพาะคนที่อยู่ในเลเวล D เท่านั้น และการที่ระดับจักรพรรดิสัตว์ร้ายปรากฏกายขึ้น คงไม่ต้องบอกบรรยายว่ามันน่าตื่นตะลึงเพียงใด
ซินเจี่ยเซิงเริ่มรู้สึกว่ากายเขากำลังสั่นสะท้าน
【ผลการทดสอบเสร็จสมบูรณ์】
สิ้นเสียงเครื่องทดสอบ
ข้อมูลก็ถูกผูกไว้กับอุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิง จากนั้นบัญชีนักสู้ก็ถูกจัดตั้งขึ้น
ฉินเฟิงก้าวลงจากแท่นทดสอบ มองไปยังซินเจี่ยเซิงที่บัดนี้ใบหน้าขาวอมเทาราวกับขี้เถ้า
“เริ่มกันได้รึยัง?”
คำกล่าวของฉินเฟิงแม้แผ่วเบา ทว่าสำหรับซินเจี่ยเซิง มันราวกับคำสบถสาปแช่งของปีศาจร้าย
‘เริ่มกันได้รึยังงั้นหรือ?’
ให้เริ่มอะไร?
เริ่มสู้เป็นตายไม่เกี่ยงบนเวทีอะนะ???
อย่างไรก็ตาม ซินเจี่ยเซิงมิอาจกล่าวคำเหล่านั้นออกมาได้ ‘ความเข้มข้นกำลังภายในระดับคงกระพัน , ความเข้มข้นพลังสมาธิและความแข็งแกร่งทางกายภาพอยู่ในระดับสวรรค์โปรดปราน …. ใครจะไปกล้าเริ่มกับเอ็งวะ? บิดาคนนึงล่ะไม่กล้าแน่นอน!’
“เจ้าหนู อวดดีไปเถอะ คิดว่าแค่แกแข็งแกร่งแล้วจะรอดไปได้งั้นหรือ กล้าทำให้คนตระกูลซินอย่างฉันต้องขุ่นเคือง เตรียมรับผลการกระทำได้เลย!” ซินเจี่ยเซิงกล่าวโกรธแค้น
แต่คราวนี้ เป็นสีหน้าของฉินเฟิงที่แปรเปลี่ยนไป
“อะไร? นี่แกกำลังพ่นอะไรออกมา? อย่าบอกนะว่ารู้สึกกลัวแล้ว? ยอมรับมาเถอะว่าแก ‘ปอดแหก’ !”
ฉินเฟิงเปล่งวาจาเหยียดหยัน ชัดเจนว่าไม่แยแสต่อคำขู่ของซินเจี่ยเซิง
สมองของซินเจี่ยเซิงเต้นตุบๆ เขาคล้ายเดือดพาลจนเลือดขึ้นหัว จนเกือบจะกระโจนเข้าหาอีกฝ่ายอย่างพลันแล่น—
—แต่เขาก็ไม่กล้า!
หวาดกลัวที่จะต่อสู้กับฉินเฟิง ต้องบอกว่าเวลานี้ความคิดในหัวเขาตีกันจนสมองกลายเป็นว่างเปล่า รู้สึกแค่เพียงอยู่ต่อไปคงยิ่งอับอาย
แต่ยังไม่วายทิ้งคำขู่ส่งท้าย “อย่าหนีไปไหนซะก่อนล่ะถ้าแกแน่จริง!”
สิ้นเสียง ซินเจี่ยเซิงก็หมุนตัว และ–ฟิ้ว! พุ่งจากไปอย่างรวดเร็ว ทำทีคล้ายหากชักช้า ภัยพิบัติเบื้องหลังจะไล่กวดตนเองได้ทัน
เมื่อซินเจี่ยเซิงเผ่นหนีไป ผู้คนที่แต่เดิมรายล้อมเขาก็กลายเป็นโง่งม พอเบนสายตามองฉินเฟิง ก็แยกย้ายกันหลบเลี่ยงเปิดทาง
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงกลับไม่ยอมเดินจากไป เจ้าตัวชี้ไปยังคนๆหนึ่งกลางฝูงชน
“เมื่อกี้นายใช่ไหมที่บอกจะสู้กับฉัน ไอ้คนที่บอกขอใช้แค่มือเดียวก็พอน่ะ?”
ชายคนนั้นสตั้น! เร่งโบกไม้โบกมือ
“ไม่ ไม่ ไม่ เลเวลของฉันต่ำกว่าพี่ชาย สู้กันไม่ได้หรอก!”
ฉินเฟิงหัวเราะเย็นชา ชายคนนั้นทำเหมือนกับซินเจี่ยเซิงเป๊ะ พูดจบก็หมุนตัว ฉีกวิ่งหนีไปทันที
ฉินเฟิงเลื่อนสายตาอีกครั้ง ไปตกลงที่อีกคนหนึ่ง
“ส่วนนาย บอกว่าขอใช้แค่ 2 ขาก็เตะฉันปลิวได้ใช่ไหม? งั้นมาสู้กันซักตั้งเป็นไง ฉันต่อให้ตัวเองใช้แค่ขาเดียวเลยเอ้า!”
เหงื่อเย็นเยียบทะลักออกมาจากแผ่นหลังของชายคนนั้นทันที
นั่นเพราะเขามีเลเวลสูงกว่าฉินเฟิง ตนอยู่ใน F7 ทว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพอยู่ในระดับสามัญ แม้อาจกล่าวว่าเป็นผู้ใช้พลังที่ดี แต่เมื่อเทียบกับฉินเฟิงแล้วไม่นับว่าเป็นสิ่งใด! อันที่จริงเขาไม่คู่ควรขัดรองเท้าให้ฉินเฟิงด้วยซ้ำ!
“อา! เมียฉันเพิ่งส่งข้อความมาพอดี ว่าฝากซื้อน้ำปลากลับบ้านด้วย ขอตัวก่อนนะ!”
ว่าจบ ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบโต้ พุ่งตัวหนีไปทันที!
ทว่าไม่มีใครต่อว่าเขา เนื่องจากทุกคนทราบดีว่าการหนีตอนนี้คือตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินเช่นกัน
“พวกนายทุกคนมีใครอยากจะสู้กับฉันบนสังเวียนรึเปล่า? นี่เป็น ‘ครั้งแรก’ ที่ฉันมาที่นี่ แถมยังเป็นคน ‘บ้านนอก’ ฉะนั้นได้โปรดมา ‘สั่งสอน’ กันหน่อยเถอะ!”
ฉินเฟิงจงใจยัด 3 คำ ครั้งแรก บ้านนอก สั่งสอน ที่ตนเคยถูกก่นด่า และเน้นย้ำมันเป็นพิเศษ
แต่คนเหล่านี้กลับไม่มีใครกล้าคิดว่าฉินเฟิงเป็นเพียงบ้านนอกอีกต่อไป
เนื่องจากอายุแค่นี้ แต่กลับแข็งแกร่งชนิดต่อต้านสวรรค์ บอกเลยว่าต่อให้ฉินเฟิงเอ่ยปากว่าตนเองมาจาก ‘เมืองหลวงอันดับหนึ่ง’ แห่งแผ่นดินใหญ่ในทวีปตะวันออก พวกเขาก็จะเชื่อ!!
“โอ๊ย จู่ๆฉันก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา!”
“อา! ดาราที่ฉันตามเพิ่งไลฟ์สดพอดี!”
“ฮัลโหลที่รัก? อ้าว ลูกจะคลอดแล้วหรอ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ล่ะ!”
พริบตานั้นทั้งหมดราวกับไม่เคยรู้จักซินเจี่ยเฉิงมาก่อน ไม่ทำทีเหมือนตอนเยาะเย้ยฉินเฟิง แต่แสร้งทำเป็นไม่ว่างติดธุระ อ้างเหตุผลง่อยๆ แล้วแตกกระเจิงวิ่งหลบหนีไปคนละทิศทาง …