โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 158
Ch.158 – สมดังปากว่า
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.158 – สมดังปากว่า
ซินกวงเผยรอยยิ้มเยาะ
เขาคิดว่าอีกฝ่ายเพียงล้อเล่น แต่ในเวลานั้น ฉินเฟิงกลับชักมีดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว!
มีดชนิดนี้ ดูธรรมดาเหมือนไม่มีพิษมีภัย หากแต่กำลังภายในกลับพลุ่งพล่าน พลังสมาธิที่มองไม่เห็นเองก็ล็อคตกลงบนตัวซินกวง
ประกายแสงสีแดงขนาดใหญ่พลันปะทุออกจากมีดกษัตริย์ครามของฉินเฟิง!
มีดเดียวที่ประกาศไว้ตั้งแต่แรกเริ่มสำแดงเดช!
ส่งเปลวเพลิงลุกโชนเป็นเส้นสายขึ้นสู่สรวงสวรรค์
“ทักษะมีดผลาญสวรรค์ – พลุไฟสงคราม!”
พลุไฟทะยานขึ้นสูงกว่า 20 เมตร ปะทะเข้ากับโดมโล่พลังงาน ส่งผลให้เปลวเพลิงแตกแยกเป็นสาย อ้อมวนกลับมากระจายไปรอบทิศทางบนเวที
รังสีความร้อนของฉินเฟิงปะทะเข้ากับร่างของผู้ชม ทั้งหมดรู้สึกราวกับตนกำลังถูกเผาไหม้ นอกจากนี้ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงกลิ่นอายสังหารจากกระบวนท่ามีดนี้
กลิ่นอายสังหารดังกล่าว มันทำให้พวกเขารู้สึกผวา ไม่กล้าก้าวไปออกข้างหรือถอยหลัง ทั้งคนทั้งร่างตกอยู่ในความประหวั่นพรั่นพรึง
อาวุโสบางคนที่ซุ่มซ่อนอยู่ในเมืองเฉิงหยาง ตระหนักได้ถึงกระบวนท่าอันน่าสยองขวัญนี้ ทุกคนกลายเป็นตื่นตระหนก
คราวนี้ ฉินเฟิงไม่มีการยั้งมือใดๆ
เดิมที ที่ฉินเฟิงตัดสินใจก้าวสู่สังเวียน นั่นเพราะเขาต้องการจะสู้ด้วยตนเอง มิใช่มาเพราะถูกคนอื่นบังคับให้สู้!
“แกเองก็จดจำเอาไว้ด้วยล่ะ ว่าฉันรังเกียจที่จะต้องถูกใครมาคอยบงการ!”
เฉกเช่นเดียวกับในเมืองหาน ที่ผู้คนบังคับให้ฉินเฟิงช่วยชีวิต ดังนั้นเขาจึงเชือดไก่ให้ลิงดู ไม่ยอมอ่อนข้อผ่อนปรน
และตอนนี้เขาอยากพักผ่อน ไม่อยากสู้แล้ว แต่บางคนกลับดันมาบังคับเขา!!
พลุไฟสัญญาณกินพลังงานเป็นอย่างมาก หากแต่มันก็ทรงอำนาจมากเช่นกัน สามารถสังหารการดำรงอยู่ของราชันย์สัตว์ร้ายในเลเวล F ได้ในกระบวนท่าเดียว
ซึ่งในขณะที่ผู้ใช้พลังเลเวล E เพียงลำพัง มิอาจโค่นล้มราชันย์สัตว์ร้ายได้
ดังนั้น เมื่อพลุไฟสงครามถูกใช้ออก คงไม่ต้องบอกบรรยายหรอกกระมัง ว่าจุดจบของซินกวงจะเป็นอย่างไร?
ผ่านไปสักพักเปลวเพลิงก็ค่อยๆมอดดับลง คลื่นความร้อนจากเปลวไฟเริ่มหดหาย เป่าส่วนที่คล้ายกับผงสีขาวอมเทาฟุ้งออกมา ฝูงชนมองไปบนสังเวียนที่ว่างเปล่า และพบเพียงฉินเฟิงยืนหยัดอยู่เพียงลำพัง ทันใดนั้นก็เริ่มตระหนักชัด
ว่าไอ้ผงขาวอมเทาเมื่อครู่ คงมิใช่อื่นใด แต่เป็นเถ้ากระดูกของซินกวง!!
การดวลระหว่างฉินเฟิงกับซินกวงจบลงในพริบตาเดียว!
ไม่ต่างไปจากที่ฉินเฟิงได้ลั่นวาจาเอาไว้เลย เอาใช้เพียงมีดเดียวเท่านั้น!
“ตอนนี้ มีใครยังอยากจะสู้กับฉันอีกไหม?”
แนวสายตาของฉินเฟิง กวาดไปทั่วบริเวณ
แต่ปัจจุบัน กลับไม่มีผู้ใดกล้าสบตากับเขาเลย
กระทั่งซินเจี่ยเซิง ทั้งคนทั้งร่างยังสั่นสะท้าน หลุบตาลง กล้ามองแค่เท้าของฉินเฟิงด้วยความสยดสยอง
ฉินเฟิงหัวเราะเบาๆ
เพราะมันไม่มีใครเลย
ไม่มีใครอีกแล้วที่กล้าท้าทายเขา!
ฉินเฟิงลงจากเวที นั่นเท่ากับเป็นการยุติการรับคำขอท้าประลองต่อเนื่อง แล้วจู่ๆเงินกว่า 200 ล้านเหรียญก็ถูกโอนผ่านอุปกรณ์สื่อสารมาให้ฉินเฟิงทันที
“อืม … ชนะติดต่อกัน 20 ครั้งรวด แต้มคะแนนนี้ มากพอที่จะสามารถใช้แลกเปลี่ยนกับแก่นอบิลิตี้ของราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E ได้ไหม?”
วิสัยทัศน์ของฉินเฟิง ตกลงบนร่างของผู้จัดการที่กำลังเหงื่อนแตกพลั่ก
มุมปากของอีกฝ่ายกระตุกวูบ แข้งขาอ่อนปวกเปียก เร่งตอบรับด้วยความตื่นตระหนก
“ขอรับ ใช่ขอรับ! สามารถแลกได้ขอรับ!”
“งั้นฉันก็ขอใช้แต้มแลกมัน … มัวทำอะไรอยู่ รีบนำไปสิ ฉันกำลังรีบ!”
ฉินเฟิงกล่าว
“ขอรับ! มิสเตอร์ฉินโปรดเชิญทางนี้!”
แล้วผู้จัดการก็พาฉินเฟิงเดินจากไป เมื่อถึงเวลานี้ ผู้คนก็เริ่มได้สติจากอาการช็อก คนอื่นๆเผยถึงร่องรอยของความหวาดหวั่นอยู่ในแววตา
ฝูงชนที่อยู่รอบทิศทาง เริ่มนึกได้ถึงบางสิ่ง –ไม่ใช่ว่าตอนนี้ฉินเฟิงเองก็มีสถานชุมชนเป็นของตัวเองหรอกหรือ?
แม้จะเป็นเพียงสถานชุมชนขนาดเล็ก แต่ก็ขึ้นตรงและอยู่ใกล้กันกับเมืองเฉิงหยาง หากมันสร้างเสร็จ เกรงว่าคงสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล
ดังนั้นหากจะเกิดการช่วงชิงผลประโยชน์ก็คงไม่แปลกอะไร อย่างเช่นจู่ๆผู้นำชุมชนเลเวล F ตายลงโดยบังเอิญ นั่นอาจถือว่าเป็นเรื่องปกติด้วยซ้ำ
แต่ปัจจุบัน ทุกคนทราบดี ว่าเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่มีทางเป็นไปได้!
เพราะวินาทีที่ฉินเฟิงสังหารผู้ใช้พลังเลเวล E ลง เขาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าตัวเองสามารถต่อกรกับผู้ใช้พลังเลเวล E ได้!
ฉินเฟิงเลือกรับแก่นอบิลิตี้ของราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E เป็นของรางวัลจากศูนย์ประลอง และกวาดเงินรางวัลที่ได้รับมา จากไปโดยตรง
หลังจากฉินเฟิงออกจากศูนย์ประลอง เขาก็รู้สึกได้ว่า มีชายสองคนกำลังคอยเดินตามหลังเขา แม้มิได้กล่าวคำใด แต่ก็ไม่ได้แสดงออกถึงความเป็นปรปักษ์
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่ชอบให้ใครมาคอยเดินตามก้น
ทั้งๆที่ตนระเบิดพลังอันยอดเยี่ยมถึงขนาดนั้นออกไป ก็ยังมีใครบางคนที่ตามืดบอดกล้าสะกดรอยเขาอยู่อีกหรือ ‘ก็ได้ … ไม่เป็นไร มีเหยื่อเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน’ แววตาของฉินเฟิงฉายชัดถึงคำนี้
ฉินเฟิงโอบเอวไป๋หลี แล้วพาเธอไปนั่งลงในรถศึก แต่ยังมิได้สตาร์ทเครื่อง
สองคนที่ตามมาหยุดยืนหลังรถ หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง ก็ตัดสินใจเดินเข้ามา
สองคนนี้สวมใส่เครื่องแบบของหน่วยลาดตระเวน พวกเขาเดินมาเคาะกระจกรถของฉินเฟิง
“ผู้ว่าการฉิน นี่เป็นครั้งแรกที่คุณเดินทางมาเมืองเฉิงหยาง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง การเดินทางพักผ่อนที่เหลือหลังจากนี้ ทางเราขออนุญาตเป็นไกด์ให้กับคุณ ไม่ทราบผู้ว่าการฉินคิดเห็นอย่างไร?”
ฉินเฟิงเลิกคิ้ว
เวลานี้ เห็นได้ชัดว่าพวกระดับสูงของเมืองเฉิงหยาง ได้ให้ความสนใจกับตัวเขาแล้ว
อย่างไรก็ตาม แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะหลังจากที่โลกพบเผชิญกับหายนะ ระบบอะไรเดิมๆมันก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป ท้ายที่สุดแล้ว ตำแหน่งใดล้วนไม่จีรัง วันนี้อาจใหญ่โต แต่วันหน้าอาจถูกแย่งชิงมันไปก็ได้ ผู้แข็งแกร่งคือราชา กำปั้นใครใหญ่กว่า คนนั้นก็สามารถครอบครองทรัพยากรได้มากกว่า
และการที่สองเจ้าหน้าที่หน่วยลาดตระเวน เอ่ยปากว่าต้องการมาเป็นไกด์ให้แก่เขา นั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดี
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อปกป้องฉินเฟิงไม่ให้ถูกคนอื่นๆเข้ามารบกวน ขณะเดียวกัน ก็คอยจับตาดูฉินเฟิง ไม่ปล่อยให้ฉินเฟิงสังหารใครอีก นอกจากนี้ ยังเป็นการเตือนกลายๆว่าตระกูลซินอย่าคิดมาวุ่นวายกับฉินเฟิง
เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว!
ฉินเฟิงไม่ปฏิเสธ
“ได้สิ ตามใจพวกคุณ”
แล้วทั้งสองก็พาฉินเฟิงไปยังห้างสรรพสินค้าของกลุ่มหวั่นซ่ง ฉินเฟิงติดต่อกับซุนเซี่ยน ให้อีกฝ่ายช่วยแนะนำตัวเขาแก่ผู้จัดการประจำสาขาเมืองเฉิงหยาง
เรื่องนี้ซุนเซี่ยนยินดีช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ร้านค้าอุปกรณ์ในชุมชนเฉิงเป่ยน่ะมันเล็ก … เล็กเกินไป!
ในขณะที่ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสถานชุมชนเฉิงเป่ย ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของฉินเฟิงอีกต่อไป
ณ ร้านอุปกรณ์ของกลุ่มหวันซ่ง บนชั้นที่ 25
“มิสเตอร์ฉิน ยินดีต้อนรับ ฉันชื่อว่าอันเจิ้งเว่ย รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้บริการคุณ”
“ยินดีที่ได้รู้จักผู้จัดการอัน”
ฉินเฟิงยื่นมือเชคแฮนด์กับชายวัยกลางคนเบื้องหน้า ส่วนสมาชิกหน่วยลาดตระเวนสองคนรออยู่ด้านนอก มิได้เข้าร่วมการสนทนานี้ เพราะยังไงซะ การทำธุรกรรมบางอย่างก็เป็นเรื่องส่วนตัว
ฉินเฟิงกล่าว “พอดีว่าผมมีวัตถุดิบอยู่มากมาย และอยากจะขอสั่งทำอุปกรณ์สักสองสามชิ้น”
“ถ้าอย่างนั้น อันดับแรกพวกเรามาดูวัตถุดิบกันก่อน ได้ยินมาว่ามิสเตอร์ฉินเพิ่งกลับจากการเดินทางไปเมืองหาน และสามารถเก็บเกี่ยวได้ครั้งใหญ่ แต่ไม่ต้องกังวลไป เรื่องประเมินวัตถุดิบใช้เวลาแค่ไม่นาน ส่วนอุปกรณ์สั่งทำ หลังจากออกมาเป็นชิ้นงานแล้ว ทางเรามีบริการจัดส่งไปให้!”
ฉินเฟิงยิ้ม ข่าวกรองของกลุ่มหวั่นซ่ง ช่างเหลือร้ายจริงๆ
แต่ฉินเฟิงเองก็ไม่ได้คิดมากอะไร เขาหันไปพยักหน้าให้กับไป๋หลี แสร้งวาดมือไปข้างหน้า นำเอาวัตถุดิบทั้งหมดที่มีออกมา
ปรากฏขา 8 ข้างของแม่พันธุ์แมงมุม และถุงเก็บใยร่วงตกลงมา
อันที่จริงแล้วทุกส่วนของแม่พันธุ์แมงมุมระดับราชันย์ล้วนสามารถใช้เป็นวัตถุดิบได้ ไม่เว้นกระทั่งเลือด แต่การนำมันออกมาจะเตะตาเกินไป และสถานการณ์ในเวลานั้นมันก็บีบบังคับเขา เลยจำต้องเผาวัตถุดิบดีๆทิ้งไปเกือบทั้งหมด
แต่ถึงอย่างนั้น ปริมาณของวัตถุดิบนี้ ก็ยังมากพอที่จะทำให้ผู้คนตกตะลึง
“นี่มันขาของแม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็กกับถุงเก็บใย!” ดวงตาของชายวัยกลางคนเปล่งประกายสดใสด้วยความประหลาดใจ
ฉินเฟิงพยักหน้า “ขาแมงมุมช่วยนำไปหลอมแล้วทำเกราะใน ส่วนถุงเก็บยบช่วยสร้างเป็นกระเป๋าผ้าและถักเป็นชุดให้ผมด้วย และนี่คือแบบที่ต้องการ”
ฉินเฟิงดึงภาพจากอุปกรณ์สื่อสาร มันคือชุดเดรสยาวสีขาว
ในภาพ เป็นชุดเดรสยาวสีอ่อน เนื้อผ้าบางเบา แทบจะไม่มีส่วนช่วยอะไรในการต่อสู้ ทว่างดงามมาก และหากมีประกายแสงสีเงินจากวัตถุดิบ ก็ยิ่งช่วยขับกล่อมความงดงามของมัน!
ถูกต้อง ท่านเดาไม่ผิด เดรสตัวนี้เป็นชุดสำหรับไป๋หลี!!!