โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 174
Ch.174 – ไป๋หลีลงมือ
Provider : Muntra
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.174 – ไป๋หลีลงมือ
“คิดหนีหรอ?” ไป๋หลีหัวเราะคิกคัก ปลายส้นสูงสะกิดลงบนพื้นเบาๆ ทั้งคนทั้งร่างดีดทะยานไปด้วยความเร็วที่ว่องไวยิ่งกว่านางพญามดทอง
ปัจจุบัน เหลือเพียงชิหลงที่ยืนงงงัน ปากอ้ากลืนน้ำลายลงอย่างยากลำบาก เจ้าตัวกำลังสงสัยว่าตาของตนอาจกำลังมีปัญหาใช่หรือไม่?
เวลานี้ ยามเมื่อเขามองไปยังไป๋หลี จะสามารถมองเห็นถึงร่องรอยของความกลัวอย่างมิอาจปกปิดได้
ไป๋หลีร้ายกาจเกินไป!
“ผู้บัญชาการชิ คุณเป็นอะไรรึเปล่า?” บนอุปกรณ์สื่อสาร เสียงของฉินเฟิงดังขึ้น ที่เขาสามารถติดต่อกับชิหลงได้ เพราะก่อนหน้านี้ได้เชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายท้องถิ่น ซึ่งตัวตนระดับสูงสามารถสื่อสารหากันได้
“เอ่อ ฉันยังสบายดี พอดีว่าแฟนของคุณ … มิสไป๋ได้ช่วยฉันเอาไว้” น้ำเสียงของเขาฟังดูลังเล เหมือนว่ายังไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่คาดฝันจริงๆ ว่าไป๋หลีจะทรงพลังถึงขนาดนี้
ฉินเฟิงมิได้ตื่นเต้นตกใจใดๆ มันคือสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว เพราะหากไป๋หลีไม่สามารถจัดการกับนางพญามดทองได้ มันคงกลายเป็นเรื่องตลก!
ไป๋หลีน่ะเป็นถึงราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E ดังนั้นเธอย่อมทรงพลังยิ่งกว่านางพญามดทอง!
“งั้นก็ปล่อยให้ไป๋หลีจัดการเถอะ ส่วนผู้บัญชาการชิ ถ้าพักผ่อนเพียงพอ ขอให้มาช่วยสนับสนุนที่รังมดด้วย จำนวนของพวกมันมีมากเกินไป ตอนนี้พวกเลเวล G เริ่มล้มตายกันไปหลายคนแล้ว!”
“เข้าใจแล้ว ฉันจะรีบกลับไป!”
“รับทราบ ผมจะรอคุณ”
ฉินเฟิงมองไปยังสงครามชุลมุนเบื้องหน้าเขา มดเหล็กดำเมื่อเห็นนางพญามดทองทะลวงฝ่าออกไป พวกมันก็ต้องการติดตาม นอกจากนี้ ยังมีนายพลสัตว์ร้ายบางตัวที่สามารถบินได้ สามารถฝ่าวงล้อมออกมาได้เช่นกัน
เนื่องจากทุกคนที่ปิดล้อมที่นี่ ส่วนใหญ่แล้วเป็นเลเวล G ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขัดขวางสัตว์ร้ายเลเวล F จำนวนมหาศาลขนาดนี้
ภายใต้การกรีฑาทัพของมดเหล็กดำ ผู้ใช้พลังเลเวล G ถูกฉีกกระชากไม่แตกต่างไปจากเศษกระดาษ บ้างก็ถูกหัวกระแทกเข้าใส่จนกระดูกซี่โครงแตกเป็นเสี่ยงๆ ทิ่มแทงอวัยวะภายใน
สงครามสกัดกั้นในครั้งนี้ นับว่านองเลือดจริงๆ ฝูงชนจำนวนมากพยายามต่อสู้ดิ้นรนสุดกำลัง
ฉินเฟิงคอยสกัดกั้นอยู่ที่ทางแยก พรมโลกันต์ยังคงถูกปลดปล่อยออกไปอย่างต่อเนื่อง มีดกษัตริย์ครามโบกสะบัด สังหารนายพลสัตว์ร้ายที่กำลังบินว่อน แต่ก็ยังไม่อาจช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้
โชคดีที่ไม่นานเกินรอ ชิหลงก็ตามมาสมทบ
วูซซซ วูซซ วูซซซ วูซซ!
ห่ากระสุนสีแดงปะทุออก ยามปะทะระเบิดเปลวไฟลุกโชติช่วง อุณหภูมิโดยรอบพุ่งสูงขึ้นอย่างกระทันหัน
—กระสุนระเบิดไฟ!
ภายใต้ทะเลเพลิง มดเหล็กดำไหม้เกรียม กลายเป็นขี้เถ้าทันที
เมื่อมือปืนเลเวล E เปิดฉากลงมือ สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้จริงๆ
แต่กระสุนเลเวล E ที่ทรงพลานุภาพย่อมมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว เกรงว่าสงครามในครั้งนี้ น่ากลัวว่าชิหลงอาจไม่สามารถกู้คืนทุนที่เสียไปของเขาได้!
รูนไฟกลายพันธุ์ของฉินเฟิงปะทุออก และถูกเรียกกลับคืนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มสงครามจนถึงปัจจุบัน กินเวลาไปแล้วก็หลายชั่วโมง และมันไม่เคยหยุดให้ได้พักหายใจเลย ฝั่งผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล G และ F ต่างทรมานจากการฝืนใช้พลังสมาธิของพวกเขาที่ไม่อาจปรับตัวได้ทัน ต้องปลีกตัวกลับไปยังสถานที่ปลอดภัย พักผ่อนเอาแรง และสลับสับเปลี่ยนกันต่อสู้
แต่ทุกคนที่ได้เห็นการต่อสู้ของฉินเฟิง ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า คงมีเพียงปีศาจเท่านั้นถึงจะครอบครองความสามารถในการต่อสู้แบบนั้นได้
ฉินเฟิงสังหารมดเหล็กดำมากขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าพละกำลังกายของตนเติบโต มันแกร่งขึ้น แกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเนื่องจากการกอบกู้กวาดล้างเมืองหานเป็นระยะเวลากว่า 10 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิงจึงได้ทะยานขึ้นไปถึงเลเวล F9 แล้ว
และในวันนี้ความแข็งแกร่งทางกายของเขายังคงเติบโตขึ้นไม่หยุด กระทั่งกระดูกยังทานทนยิ่งกว่าเดิมมากนัก และบนปราการรูปชามใหญ่ทั้งหมด ไม่รู้ว่ามีมดเหล็กดำตกตายไปแล้วกี่ตัว
ผสานไปกับมดเหล็กดำกลุ่มใหญ่ที่ถูกปืนใหญ่พลังงานของชิหลงระเบิดสลายหายไปเมื่อครู่ พลังพิเศษติดตัวของฉินเฟิงเลยสามารถกลืนกินพลังงานมาอีกล็อตหนึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนสังหารมันก็ตาม
ราวกับมีปากใหญ่ที่มองไม่เห็น กำลังสูบกินพลังงานโดยรอบอย่างต่อเนื่อง เสริมสร้างร่างกายของฉินเฟิงไม่หยุดยั้ง
จนในที่สุด ฉินเฟิงก็รู้ได้เพียงร่างกายของเขากำลังสั่นเทา และอาการสั่นนี้ มันยังก่อให้เกิดคลื่นความผันผวน แผ่กลิ่นอายอันตรายออกมา
และทุกผู้คนที่ได้สูดกลิ่นอายนี้ รู้สึกคล้ายกำลังถูกกดดันอย่างมิอาจต้านทาน
ภายใต้ความกดดันดังกล่าว ผู้ใช้พลังโดยรอบหันขวับมามองฉินเฟิงด้วยความประหลาดใจ ลมหายใจถึงขั้นติดขัด อดยืดหลังตรงเพื่อแสดงออกถึงความเคารพเทิดทูนไม่ได้
“เลเวล E !”
“มิสเตอร์ฉินตัดผ่านขอบเขตขึ้นสู่เลเวล E แล้ว!”
“นี่ใช่ไหม … ที่เรียกกันว่าความแตกต่างระหว่างอัจฉริยะกับคนธรรมดา?”
การต่อสู้เป็นตัวเร่งพัฒนาที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้แข็งแกร่งขึ้น หลายคนค้นพบว่า หลังจากการต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง ตนเองจะแข็งแกร่งขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนทักษะหรือพละกำลังกาย ก็ไม่อาจเทียบเท่าได้กับการใช้วิธีนี้
ผู้ที่ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง จะสัมผัสได้ถึงความตายที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม
หลังจากมนุษย์ถูกฉีดยากระตุ้นแล้วต่อสู้เป็นเวลายาวนาน ร่างกายจะเกิดการเร่งเร้า สร้างเอนไซม์ชนิดพิเศษที่ช่วยเสริมพัฒนาการขึ้น นั่นเองคือที่มีของความแข็งแกร่งนี้
อย่างไรก็ตาม การตัดผ่านเข้าสู่ขอบเขตใหม่ในระหว่างการต่อสู้ นับว่าน้อยครั้งนักที่จะเกิดขึ้นได้
แต่หลังจากที่ผู้คนมองไปยังซากศพมดเหล็กดำรอบกายฉินเฟิง พวกเขาต่างก็คิดเห็นเหมือนกัน ว่าที่ฉินเฟิงสามารถทำได้มิใช่เพราะโชคช่วยหรือเหตุบังเอิญ!
แต่นั่นเพราะเขาทุ่มเทมากพอ ฆ่าสังหารไปมากมาย!!
ดังนั้นความแข็งแกร่งของฉินเฟิงที่เพิ่มขึ้น มันคือผลรางวัลจากความพยายามทุ่มเทของเขา
ฉินเฟิงรับรู้ถึงพละกำลังภายในร่างกาย และอดไม่ได้ที่จะยิ้มด้วยความพอใจ
ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงเลเวล E ซักที!
ขณะเดียวกัน มดเหล็กดำในสนามรบ จำนวนของมันก็เริ่มถดถอยลงแล้ว ด้วยการสนับสนุนจากชิหลง ความเร็วในการกวาดล้างพุ่งสูงขึ้นจนฉุดไม่อยู่
ทว่าในทำนองเดียวกัน แม้มดเหล็กดำเลเวล F จะตกตายลงอย่างต่อเนื่อง และพลังงานของพวกมันถูกสูบกลืนมายังร่างของฉินเฟิงไม่หยุดหย่อน แต่ปริมาณที่จำเป็นต่อการยกระดับสู่เลเวลต่อไป มันกลับถดถอยลงเป็นอย่างมาก
นี่มิใช่หมายความว่าพลังงานเหล่านี้อ่อนแอ แต่ปัจจุบัน หากฉินเฟิงต้องการพัฒนาขีดความแข็งแกร่งของตนเอง เขาจำเป็นต้องสูบกลืนพลังงานที่ใหญ่ยิ่งกว่าเดิม!
หลังจากเลเวล E เป็นต้นไป กระบวนการพัฒนาการจะยาวนานและเชื่องช้าลงเป็นอย่างมาก
บางคน อาจไม่สามารถทะยานขึ้นสู่เลเวล D ได้เลยตราบชั่วชีวิต
ในสถานชุมชนเฉิงเป่ย ยากนักที่จะมีใครบางคนสามารถยกระดับขึ้นสู่เลเวล D ได้ นั่นเพราะข้อจำกัดทางด้านทรัพยากร และระยะเวลาที่พวกเขาต้องสูญเสียมันมากมายเกินไป!
กระบวนการนี้อาจกินเวลานับสิบปี!
ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ใช้พลังในเลเวล E หลายคนเลยได้กลายเป็นตัวตนระดับสูงสุดของสถานชุมชนในหลายๆแห่ง ไม่ใช่เพราะพวกเขาแข็งแกร่งชนิดทรงพลัง แต่การยกระดับมันยากเย็นเกินไป
นี่เองที่บีบบังคับให้พวกเลเวลสูงๆมุ่งเน้นความสนใจไปยังเมืองอื่น เพื่อรับทรัพยากรสำหรับการยกระดับที่มากยิ่งกว่าเดิม
ผู้ใช้พลังที่สามารถทะยานขึ้นสู่เลเวล D คนล่าสุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการเขตเฉิงเป่ยเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 8 ปี และสุดท้ายก็ออกจากเมืองเฉิงเป่ยไป
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงที่มาจากอนาคต เกรงว่าอีกไม่นานคงสามารถทำลายสถิตินี้
เพราะท้ายที่สุดแล้ว กระบวนการยกระดับของฉินเฟิงน่ะไม่เหมือนกับคนอื่น!
…
กวาดมองไปยังสถานการณ์โดยรอบที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของมนุษย์เป็นที่เรียบร้อย ก็ปรากฏเสียงดังกึกก้องมาจากในระยะไกล ร่างใหญ่โตสีทองร่วงกระแทกลงบนถนน เห็นได้ชัดว่ามันตัวใหญ่มาก แต่กลับให้ความรู้สึก —ไม่ต่างไปจากตุ๊กตาที่พังแล้วเลย!!
เมื่อทุกคนมองไปยังร่างที่ใหญ่โต ทั้งหมดต่างสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว รู้สึกตื่นตระหนกและหวาดกลัว กำลังคิดจะหันหลังวิ่งหลบหนีไป
แต่เมื่อได้ลองเพ่งมองดูดีๆอีกที จะค้นพบว่า ร่างใหญ่สีทองที่ว่าใกล้จะตายอยู่รอมร่อแล้ว!
ทั้งร่างของนางพญามดทองเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ เปลือกที่เปรียบดั่งเกราะเหล็กกล้าสีทองอร่ามของมันเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว เปิดเผยให้เห็นกระทั่งเนื้อสีขาวนวลราวหิมะที่อยู่ภายใน ดูน่าเอร็ดอร่อยเป็นอย่างยิ่ง
ไป๋หลีสวมรองเท้าส้นสูง เดรสกระโปรงยาวสีขาวเดินเข้ามาอย่างไม่สนโลก แต่ท่าทีที่ดูสงบ กลับทำให้สายตาของนางพญามดทองแสดงออกถึงความหวาดกลัว
ช่วงเวลาต่อมา นางพญามดทองก็คืบคลานมาหยุดอยู่เบื้องหน้าไป๋หลี โค้งศีรษะลง คล้ายกำลังอ้อนวอนขอความเมตตา
ผู้คนที่เห็นฉากนี้ ต่างตะลึงงันจนแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง
พวกเขาจะไม่ทราบได้อย่างไรว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ในตอนนี้ สถานการณ์มันชัดเจนแล้ว
—นางพญามดทองได้ยอมศิโรราบต่อไป๋หลี!!
และในมือของไป๋หลีในขณะนี้ กำลังถือคู่ปีกอันละเอียดอ่อนราวปีกแมลงปอ ที่ยาวกว่า 3 เมตรอยู่
มันคือปีกของนางพญามดทองที่ถูกเด็ดออกไป!