โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 186
Ch.186 – ปืนใหญ่พลังงาน
Provider : Muntra
วันนี้ลง 2 ตอน 186 187
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.186 – ปืนใหญ่พลังงาน
“เลเวล G จะจัดอยู่ในหมวดหมู่ผลงานกึ่งสมบูรณ์ พวกเขาได้รับการติดเชื้อทางยีน ทำให้กลายเป็นกึ่งสัตว์ร้ายทันที และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอายุยืนไปถึงวัยผู้ใหญ่ ทั้งยังอ่อนแอ ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าผู้ใช้วรยุทธโบราณมากมายนัก เป็นผลงานจำพวกไม่มีค่า ถือเป็นตัวทดลองล้มเหลว”
“ในส่วนของเลเวล F ยังสามารถคืนร่างด้วยตัวเองได้ หากอยากกลายร่างก็ฉีดตัวยาที่ทำมาโดยเฉพาะ มีความแข็งแกร่งในระดับนายพลหรือราชันย์สัตว์ร้าย ได้รับความว่องไวและประสิทธิภาพในการต่อสู้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ข้อเสียที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ จะค่อยๆสูญสิ้นจิตสำนึกไป และจะกลับมาหลังจากจบการต่อสู้เท่านั้น”
“ในเลเวล E … ก็เหมือนกับฉัน ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปลักษณ์ของสัตว์ร้าย แต่สามารถครอบครองความสามารถของมัน ที่เปลี่ยนไปมีแค่สีผม ดวงตา เล็บ ที่เหลือล้วนอยู่ในสภาพสมบูรณ์”
ฉินเฟิงเอ่ยเสียงหม่น “งั้นมีการทดลองมนุษย์กลายพันธุ์เลเวล D กับ C รึเปล่า?”
“น่าจะมีนะ และความแข็งแกร่งของพวกเขาคงมากกว่าฉันเป็นทวีคูณ ทั้งยังเป็นในทิศทางที่ต่างออกไป ระหว่างนี้พวกเขาก็กำลังทดสอบกับฉันอยู่เหมือนกัน โดยหวังว่าฉันจะสามารถครอบครองพลังของสัตว์ร้ายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งๆที่ยังอยู่ในร่างมนุษย์ได้”
051แข็งแกร่งก็จริง แต่ยังไม่มากพอ แน่นอนที่ว่าไม่มากพอนั่นหมายถึง ‘ยังไม่มากพอเท่ากับความแข็งแกร่งของหนูหลากสีระดับราชันย์’
เพราะครั้งหนึ่งในช่วงที่มันปรากฏกายขึ้น อำนาจทำลายล้างกล่าวได้ว่ามันเพียงหนึ่ง สามารถโค่นมนุษย์นับ 10,000 ลงได้เลยทีเดียว
และฉินเฟิงก็พอจะเดาได้ ว่าหากมีเลเวล D ก็คงจะมีเลเวล C เช่นกัน บางทีมนุษย์กลายพันธุ์ในเลเวลที่กล่าวมา อาจไม่ใช่การทดลองเกี่ยวกับการเปลี่ยนรูปร่าง แต่น่าจะถูกทดลองกับยีนของสัตว์ร้ายระดับสูง
บางทีหากการทดลองสามารถไปได้ถึงในระดับลึก พวกเขาอาจสามารถกระทั่งจำลองยีนของมังกร แล้วฉีดลงไปในร่างกายมนุษย์ได้
ก่อนที่ฉินเฟิงจะเกิดใหม่ เขาไม่ค้นพบองค์กร Z แต่ท่ามกลางองค์กรมืด ปริมาณของมนุษย์กลายพันธุ์น่ะมีไม่ใช่จำนวนน้อยๆแน่นอน
เขาไม่คาดคิดเลย ว่าอำนาจขององค์กร Z จะมากมายถึงขนาดนี้
และเมื่อทั้งสองยอมเลิกราที่จะต่อสู้ หมอกมืดและหมอกสีเขียวก็ค่อยๆสลายไป
ห้องทดลองในสภาพเละเทะเผยโฉมออกมาอีกครั้ง ผลปรากฏว่าฉินเฟิงยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่บุบสลายใดๆ ตรงกันข้ามกับ 051 ที่มีสภาพดูไม่ได้ ทว่าคนที่โดดเด่นสะดุดตามากที่สุด ก็คือไป๋หลี
051มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เพราะตำแหน่งที่ไป๋หลียืนอยู่ มันไม่หลุดไปจากที่เดิมในครั้งเมื่อเริ่มต้นต่อสู้เลย ราวกับว่าไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน
แต่ก่อนที่051 กับ ฉินเฟิงจะต่อสู้กัน พื้นที่ในห้องทดลองส่วนใหญ่ก็ถูกทำลายลงไปแล้ว แต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของไป๋หลีเลย
ไป๋หลีแน่นอนว่าต้องใช้อบิลิตี้มิติของเธอ เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในความว่างเปล่า เฝ้าดูฉินเฟิงต่อสู้เพียงลำพัง
ในช่วงเวลาที่051มองมาทางไป๋หลี เธอก็เอ่ยปากขึ้นอย่างกระทันหัน “จงมองมาที่ฉัน!”
กลิ่นอายราชินีทรงอำนาจพลันระเบิดออก สัตว์ร้ายน่ะมีลำดับชั้นที่ค่อนข้างชัดเจน สำหรับหนูหลากสีแม้จะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสัตว์ร้ายมิติอย่างแน่นอน
ในบรรดาเผ่าพันธุ์สัตว์ร้าย ไป๋หลีถือว่าเป็นตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร
051 ถูกควบคุมจิตใจทันที
“จงบอกมา ว่านายมาอยู่กับห้องทดลองแห่งนี้ได้ยังไง”
รูม่านตาของ 051 ขยายออก ปากเอ่ยกล่าวอย่างไม่ลังเล “ฉันเป็นเด็กกำพร้าจากเมืองฟูเฉิง หลังจบการศึกษาจากสถาบันระดับกลาง ก็สามารถปลุกอบิลิตี้ไม้ให้ตื่นขึ้นมาได้ แต่ในวันที่ 2 หลังจากการปลุกพลัง ก็ถูกจับมาที่ห้องทดลองแล้ว”
ฉินเฟิงไม่คาดคิดเลยว่าประสบการณ์ของ 051 จะคล้ายคลึงกับของตนเองเช่นนี้ บางทีในชีวิตก่อนหน้า ชีวิตที่ฉินเฟิงไม่ได้บุกมาที่นี่ เกรงว่า051 อาจจะต้องอยู่ในห้องทดลองยาวนานกว่า 5 ปีอย่างในปัจจุบัน
หลังจากพิจารณาด้วยประสบการณ์ 10 ปีจากชีวิตก่อน และเรื่องที่มีโชคชะตาคล้ายคลึงกัน ฉินเฟิงจึงตัดสินใจลดความระมัดระวังขั้นสุดท้ายกับตัว051 ลง
เขาหันไปพยักหน้าให้ไป๋หลี ไป๋หลีคลายพลังสมาธิ 051เงยหน้าขึ้น จ้องมองไป๋หลีด้วยแววตาที่แฝงประกายของความหวาดกลัว
ความสามารถนี้ ดันมาใช้กับผู้ใช้อบิลิตี้อย่างเขาได้อย่างไร? พลังสมาธิต้องมากกว่าตนขนาดไหนกันถึงสามารถทำได้?
“เธอ .. เป็นใครกันแน่” 051 มองไป๋หลีด้วยความระแวดระวังยิ่งขึ้น
ไป๋หลีเอ่ยอย่างเป็นธรรมดาชาติว่า “ฉันเป็นแฟนของเขา”
ฉินเฟิง: “…….. ”
ถึงคำอธิบายมันจะไม่ได้ผิดอะไรก็เถอะ แต่ไอ้การแนะนำตัวแบบมั่นใจถึงขนาดนั้น ไป๋หลีไม่คิดหรือรู้สึกว่ามันแปลกๆเลยหรอ?
051 เห็นได้ชัดว่าตกใจกับคำตอบของไป๋หลีเช่นกัน บรรยากาศระหว่างหนึ่งคน , หนึ่งมนุษย์กลายพันธุ์ และหนึ่งราชันย์สัตว์ร้ายเริ่มกลายเป็นน่าอึดอัดใจ
เมื่อมาถึงเวลานี้ หมอกสีเขียวและดำส่วนใหญ่ได้หายไปแล้ว เลยทำให้กล้องวงจรปิดสามารถมองเห็นฉากข้างในได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง
เห็นฉินเฟิงที่ยังคงอยู่ในสภาพเดิม แต่051 สภาพดูไม่ได้ ใบหน้าของศาสตราจารย์หวางกลายเป็นน่าเกลียดอย่างเห็นได้ชัด
“เดิมทีฉันคิดจะเก็บซากศพทั้งสองเอาไว้เป็นวัตถุดิบในการทดลอง แต่ดูเหมือนว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเป็นแบบนั้น ก็ลงนรกกันให้หมดทุกตัวซะ!”
ศาสตราจารย์หวางกดสวิตช์ทันที ช่วงเวลาต่อมา เพดานเหนือห้อง 051 ก็พลันพังทลาย ปืนใหญ่พลังงานผุดออกมาจากท่อสีดำ
และใจกลางกระบอกปืนใหญ่ ปรากฏรังสีแสงสีฟ้ากำลังกลั่นตัว
สีหน้าของฉินเฟิงกับ 051 แปรเปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน
จักรกลขนาดใหญ่เช่นนี้ ในชีวิตนี้ฉินเฟิงเคยเห็นมันมาก่อนแล้ว มันคือปืนใหญ่พลังงานที่ตั้งอยู่บนกำแพงเมืองเฉิงหยางและเมืองฟูเฉิง!
เป็นอาวุธสังหารที่เพียงยิงนัดเดียว ต่อให้เป็นราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E ก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส!
ดังนั้นหากเป้าหมายของมันคือมนุษย์ที่อ่อนแอ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะทานทนต่อพลังงานของปืนใหญ่ดังกล่าว
ฉินเฟิงแม้จะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะรอดในสภาพสมบูรณ์ภายใต้การโจมตีนี้หรือไม่
“สารเลวหวาง ไอ้ลูกสำส่อน! บ้าเอ๊ย!” 051 สบถหยาบคาย เจ้าตัวอยู่ในห้องทดลองมากว่า 5 ปี ฉะนั้นจะไม่ทราบได้อย่างไรว่ากำลังเผชิญกับภัยคุกคามแบบไหน?
อันที่จริงแล้วเขาถือว่าเป็นหนึ่งในตัวทดลองที่ยินยอมเชื่อฟังมากกว่าตัวอื่นๆ และความแข็งแกร่งของเขาเองก็ค่อยเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างช้าๆ ดังนั้นไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม และเฝ้ารอโอกาสเหมาะๆที่จะหลบหนีจากไป
แต่ตอนนี้ ความหวังที่เพิ่งปรากฏขึ้น กลับมอดดับลงอย่างกระทันหัน
เบื้องหน้าคือปืนใหญ่พลังงานรุ่นดัดแปลง มันทรงพลังเป็นอย่างมาก แต่ก็มีเพียงห้องทดลองแห่งนี้ จุดเดียวเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ มันจะยิงออกมาในรูปลักษณ์ตาข่ายพลังงาน ที่ไร้ซึ่งหนทางหลบหนี
แม้ว่าหนูหลากสีจะอยู่ในตระกูลสัตว์ที่ครอบครองฟันแหลมคมในการกัดแทะ แต่ 051 ไม่ได้สืบทอดความสามารถในการขุดหลุมของมันมา น่ากลัวว่าคงไม่รอดพ้นหายนะนี้
ยังไงก็ตาม ถึงเขาจะสิ้นหวัง แต่ฉินเฟิงไม่!
“เสี่ยวไป๋! พาพวกเราออกไป อ้อ พาเขาออกไปด้วย!” ฉินเฟิงชี้ไปทางหมายเลข 051
แทบจะในทันทีที่สิ้นเสียง ไป๋หลีก็ลากเอาฉินเฟิงและ 051 หายวับไป
ขณะเดียวกันตลอดทั้งห้องทดลองพลันถูกปกคลุมไปด้วยแสงจ้า กระทั่งกล้องวงจรปิดยังถูกทำลาย ไม่อาจมองเห็นถึงฉากใดๆ
ศาสตราจารย์หวางแสยะยิ้มหยัน ดึงดิสก์หน่วยความจำออก และรีบเดินออกจากฐานทดลองที่ตกอยู่ในสภาพเละเทะ
ช่วงเวลานั้นเอง สัญญาณเตือนสีแดงเริ่มกระพริบไหว
【เปิดใช้งานระบบทำลายตัวเอง , ระบบทำลายตัวเองจะเริ่มนับถอยหลังใน 3 นาที!】
【คำเตือน! โปรดอพยพ รีบอพยพโดยเร็วที่สุด!】
ศาสตราจารย์หวังก้าวเดินอย่างเชื่องช้า คล้ายมีเวลาเหลือเฟือ และในจังหวะนั้นเอง คนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ยังไม่ตายแต่มือเปื้อนไปด้วยเลือดพยายามคว้าจับศาสตราจารย์หวัง “ได้โปรด พาผมไปด้วย ศาสตราจารย์ ผมยังไม่อยากตาย ผมสัญญาว่าจะเป็นผู้ช่วยที่ดี!”
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์หวังไม่แม้แต่จะเหลือบมองอีกฝ่าย
ช่วงเวลาต่อมา ศาสตราจารย์หวังก็ก้าวเข้าสู่เส้นทางหลบหนี เปิดใช้งานรถล่องเวหา บินออกไปจากช่องทางลับ
ย้อนกลับไปสักเล็กน้อย
ภายนอกภูเขา ฉินเฟิง , 051 และไป๋หลีได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
051 แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าเขาสามารถรอดพ้นจากความตายที่อยู่แค่เอื้อมมาได้
“เหอะ คิดหนีจากฉัน เรามาดูกัน ว่าจะหนีไปได้ไกลแค่ไหน!”
ความโกรธปะทุกรุ่นในหัวใจของฉินเฟิง แต่เขายังไม่ลงมือทำอะไร
ต้องทราบนะว่า หลังจากไป๋หลีพาทั้งสองออกจากห้องทดลอง ระบบทำลายตัวเองก็ถูกเปิดใช้งานแทบจะในทันที ฉินเฟิงจึงไม่กล้าเสี่ยงควานหาตัวศาสตราจารย์หวังที่ยังอยู่ภายใน
ปัจจุบันเขาเลยเลือกที่จะเฝ้ารอ เพราะศาสตราจารย์หวังยังไงก็ต้องออกมา เวลานี้เขาอยากจะรู้จริงๆ ว่าหากศาสตราจารย์หวังได้เห็นหน้าของ 3 คนที่น่าจะตายไปแล้ว อีกฝ่ายจะทำหน้าอย่างไร
พลังสมาธิของฉินเฟิงปกคลุมตลอดทั้งภูเขา ไม่ถึง 2 นาที เขาก็รับรู้ได้ถึงตำแหน่งหินที่ร่วงหล่นลง ช่องทางถ้ำเผยโฉม จากนั้น รถล่องเวหาก็ขับออกมา …