โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 196
Ch.196 – อำนาจของมังกรไฟ
Provider : Muntra
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.196 – อำนาจของมังกรไฟ
“ผู้ว่าการฉินมีฝีมือสมคำร่ำลือจริงๆ สำหรับคุณ ดูเหมือนว่าสัตว์ร้ายตัวนี้คงเป็นได้แค่อาหารเรียกน้ำย่อย ฉะนั้นทำไมคุณไม่ลองสู้กับพวกมันทีละ 2 ตัวดูล่ะ!”
ขณะกล่าว ซินเซิงก็โบกมือออกไปอย่างไม่ลังเล ผ้าแดงที่ปกคลุมร่วงหล่นลง สัตว์ร้ายถูกเผยโฉมอีกครั้ง
และอย่างที่บอกไป ว่าคราวนี้ถูกปลดปล่อยออกมาถึง 2 ตัว
ตัวแรกเป็นนายพลสัตว์ร้ายเลเวล E3 ‘หมาป่าเงาจันทร์’
อีกหนึ่งก็เป็นนายพลสัตว์ร้ายเลเวล E3 เช่นกัน มันเรียกว่า ‘จระเข้นอกรีตเขมือบมนุษย์’
ทั้งสองตัวนี้ คือสัตว์ร้ายทั้งหมดที่เหลืออยู่ และแม้ทั้งสองจะถูกเรียกขานว่าเป็นสัตว์ร้าย หากแต่โดยพื้นฐานแล้วมันแตกต่างจากสองตัวก่อนหน้า
ไม่เพียงครอบครองกลิ่นอายที่แข็งแกร่ง , ประกายของความชั่วร้ายในดวงตา แต่ยังดูทรงภูมิปัญญา
สำหรับจระเข้นอกรีต ตามผิวหนังของมันเต็มไปด้วยเกล็ดสีเขียวมรกต มองดูแล้วราวกับหยก ทั้งยังสะอาดสะอ้าน คล้ายได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ฝั่งหมาป่าเงาจันทร์ก็ไม่แพ้กัน ขนของมันนุ่มฟู ดูยิ่งใหญ่และสง่างาม
เพียงกวาดมอง ฉินเฟิงก็ตระหนักได้ทันที ว่าสองสัตว์ร้ายตัวนี้ บางทีอาจจะเป็นสัตว์ร้ายที่ถูกทำให้เชื่องแล้ว
ด้านสมาชิกคนอื่นๆของอีก 3 ตระกูลใหญ่ แม้จะรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของตระกูลซินที่อยากจะละเลงเลือดให้คนอื่นๆดู แต่เวลานี้ทั้งหมดกลับต้องขมวดคิ้ว ข่มความไม่พอใจของตนเอาไว้ ในขณะที่มีอีกหลายคนตาลุกวาว ร้องอุทานออกมา
“สองสัตว์ร้ายตัวนี้ ดูเหมือนจะเชื่องเป็นพิเศษ”
“มันน่าจะทำสัญญากับมนุษย์แล้ว!”
“ตระกูลซินในปัจจุบันมีผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล E อยู่ถึง 2 คน แม้จะน่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก คนหนึ่งเป็นธาตุน้ำ อีกคนเป็นธาตุไม้ อย่างไรก็ตาม พลังสมาธิของพวกเขาไม่อ่อนแอเลย สามารถทำสัญญากับสัตว์ร้ายได้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมอำนาจของตระกูลซินถึงทะยานสูงขึ้นทุกปี!”
“ปรากฏว่าเป็นเจ้าสองตัวนี้นี่เอง ที่ตระกูลซินต้องการโชว์ให้พวกเราดูในงานเลี้ยงปีนี้”
ถึงตอนนี้ ความคิดของผู้คนจะแตกแยกออกไปหลายสาย ทว่าในหัวใจกลับเต้นครึกโครมไม่ต่างกัน ทั้งหมดที่กระจายอยู่รอบๆสนามประชัน ต่างมุ่งสมาธิจดจ่อกับสถานการณ์ภายในโล่พลังงาน ต้องการจะทราบผลการต่อสู้ในครั้งนี้
สองสัตว์ร้ายตัวนี้เชื่อมต่อกับจิตสำนึกของเจ้านายมัน เลยเป็นธรรมดาที่สามารถรับรู้ได้ว่าเป้าสังหารของตนคือใคร ไม่รีรอให้อธิบายไปมากกว่านี้ สองสัตว์พรวดตรงเข้าหาฉินเฟิงทันที
นายพลสัตว์ร้ายตัวเดียวสำหรับฉินเฟิงไม่นับว่าเป็นสิ่งใด ทว่าเมื่อสองนายพลสัตว์ร้ายประสานงานกัน ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของพวกมันก็พุ่งสูงขึ้นทันที
ร่างของจระเข้นอกรีตมีขนาดใหญ่โตมาก แต่กลับว่องไวอย่างน่าเหลือเชื่อ ระเบิดฝีเท้าพุ่งเป็นเงาเข้าหาฉินเฟิง
“ท่าร่างภูติพราย!” ฉินเฟิงทิ้งไว้เพียงภาพติดตา ตัวจริงหลบเลี่ยงปากยาวที่เปี่ยมไปด้วยแรงกระชากกัดอันน่าสยดสยองของศัตรู
“โบร๊ว!” หมาป่าเงาจันทร์อ้าปากกว้าง บอลพลังงานทรงพลานุภาพควบรวมในปากของมัน จากนั้นปลดปล่อยออกมา สาดแสงเป็นริ้วสีขาว ยิงเข้าใส่ฉินเฟิงโดยตรง
“ลำแสงเปลวเพลิง!”
นายพลสัตว์ร้ายทั้งสองผสานโจมตี ฉินเฟิงไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ทุกกระบวนท่าของมัน ทว่าเขาก็มิได้ตื่นตระหนก หนึ่งมือยกสูง ปลดปล่อยเปลวเพลิงปะทุขึ้นทันใด ปะทะสลายคลื่นพลังงานที่อาจกระจายมาโดนตน
พริบตานั้น สถานการณ์ก็ตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น แต่ฉินเฟิงมิสับสน เขาสามารถแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดาย
เซ่าหงรีบวิ่งไปยังขอบสนามแสดงฝีมือ เพื่อหลบคลื่นพลังงานที่ปะทุคลั่ง เขาไม่กล้าที่จะเข้าไป ได้แต่ดูฉินเฟิงต่อกรกับสองสัตว์ร้ายอย่างกล้าหาญ เคลื่อนไหวกระฉับกระเฉง สองมือสองเท้าถูกใช้ออกอย่างเหมาะสม ทั้งคนทั้งร่างเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งและมั่นใจ–
–มั่นใจว่าตนจะสามารถคว้าชัยชนะมาได้ และไม่แสดงออกถึงความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
วินาทีนั้นในหัวใจของเซ่าหง บังเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นอย่างฉับพลัน หมอกและควันของตระกูลซินที่บดบังสายตา ควบคุมเขาอยู่ตลอดเวลาคล้ายกำลังค่อยๆสลายหายไป เจ้าตัวไม่เกิดความยำเกรงและหวาดกลัวในตระกูลซินอีกต่อไป
ภายนอกสนามแสดงฝีมือ สีหน้าของสองอาวุโสตระกูลซินเริ่มกลายเป็นซีดเซียว เพราะการควบคุมสัตว์ร้ายมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องฝืนทน เร่งสังหารให้เร็วที่สุด เพราะพวกเขากลัวว่าสัตว์พันธสัญญาของตนจะพบจุดจบเดียวกันกับจามรีเขาสายฟ้า ที่ถูกกำจัดโดยฉินเฟิง
พวกเขาได้แต่พยายาม เร่ง เร่งให้ทุกอย่างจบลงโดยเร็วที่สุด ไม่ยินยอมให้ฉินเฟิงได้พักหายใจ และเฝ้ารอจังหวะที่ฉินเฟิงพลาดพลั้งจะได้บดขยี้เขาลงในลมหายใจเดียว
เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ ฉินเฟิงก็เริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย
“พอไม่ได้ใช้มีดกษัตริย์คราม ก็ไม่ง่ายเลยที่จะต่อกร”
มีดกษัตริย์ครามตอนนี้ถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์รูนมิติ ซึ่งหลังจากที่เข้าสู่พื้นที่คฤหาสน์ตระกูลซิน เพื่อป้องกันในกรณีที่เกิดใครบางคนบุกจู่โจม อุปกรณ์รูนมิติจึงถูกระงับโดยอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติขนาดเล็ก —ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ใช้มัน
ยังไงก็ตาม ไป๋หลีไม่ได้อยู่ในข้อจำกัดที่ว่า แต่เป็นธรรมดาที่ฉินเฟิงไม่อยากจะเปิดเผยความสามารถของไป๋หลี
ดังนั้นสถานการณ์ตอนนี้ คงทำได้แค่ใช้อำนาจที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเข้าสยบ!
สัตว์ร้ายในเลเวล E ช่างเป็นเรื่องยากที่จะจัดการจริงๆ
แต่ทว่า … มันก็ยังไม่ถึงขั้นที่ฉินเฟิงจะเอาชนะไม่ได้!
พริบตานั้นทั้งคนทั้งร่างของฉินเฟิง จู่ๆก็ลุกพรึบไปด้วยเปลวเพลิงขนาดมหึมา และเปลวเพลิงทั้งหมดนี้อัดแน่นไปด้วยรูนไฟที่กำลังเต้นเร่า
คลื่นไอร้อนที่แผ่ออกมา พุ่งสูงเกินกว่าที่โล่พลังงานจะรองรับไหว เล็ดลอดส่งผลกระทบถึงภายนอก
เปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงค่อยๆก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง คล้ายมังกรขนาดใหญ่
ในขณะที่ฉินเฟิงยังถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิง ทำให้ฉากนี้ราวกับว่ามีมังกรกำลังว่ายวนอยู่รอบกายเขา ศีรษะและหางของมันยืดยาว พร้อมเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่กำลังเดือดพล่าน
ผู้คนที่เห็นฉากนี้ ทั้งหมดเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง บางคนอ้าปากค้างจนกรามร่วงตกลงกับพื้น
กระทั่งเฉิงโจวเอง ก็ยังไม่สามารถควบคุมความหวาดกลัวในจิตใจของตนได้
“นี่มัน … เทคนิคมังกรไฟ!”
รูนก่อร่างเป็นมังกรยักษ์ ม้วนตัวเป็นเกลียว ว่ายเวียนวนรอบกายฉินเฟิง ตั้งท่าพร้อมสังหารศัตรู อำนาจที่มันแผ่ออกมาทรงพลังอย่างหาที่ใดเปรียบ
อบิลิตี้ที่ทรงพลังเช่นนี้ มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมาก ผู้เชี่ยวชาญด้านอบิลิตี้ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน ว่ามันคือเทคนิคที่หากบรรลุแล้ว ผู้ใช้มันแทบจะคงกระพัน
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงในตอนนี้ฝึกฝนมันจนบรรลุแล้วอย่างงั้นหรือ?
เขาเพิ่งถูกปลุกพลังให้ตื่นขึ้นมาเป็นเวลากี่เดือนเอง?
แล้วเขาไปเอาทรัพยากรที่จำเป็นมาจากไหน?
แล้วเวลาที่ใช้ฝึกฝนเล่า?
แล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยใช้มันเลย? นี่คือไม้ตายที่เขาเก็บซ่อนไว้ใช่หรือไม่?
คำถามนับไม่ถ้วนผุดขึ้นในหัวของเฉิงโจว ในขณะที่คนอื่นๆตกใจยิ่งกว่า
เพราะเมืองเฉิงหยางแม้จะใหญ่มาก แต่ก็เล็กมากในทำนองเดียวกัน เล็กที่ว่าหมายถึงแม้ในเมืองจะมีผู้คนมากมาย แต่ก็มีหลายคนที่ตลอดทั้งชีวิตไม่เคยออกสู่ทุ่งล่า ดังนั้นจึงไม่เคยเห็นการต่อสู้ในทุ่งล่าอย่างแท้จริง
เหมือนกับเทคนิคมังกรไฟ ที่ตลอดทั้งชีวิตที่เกิดมา บางคนไม่เคยได้เห็น หรือได้ยินมันมาก่อนด้วยซ้ำ
รับรู้ได้เพียง อบิลิตี้นี้ก่อแรงกดดันมหาศาล … มหาศาลเกินกว่าที่คนทั่วไปอย่างพวกเขาจะรับได้
“กรี๊ด!” หญิงสาวคนหนึ่งกรีดร้องออกมา เจ้าตัวพบว่ากระโปร่งผ้าโปร่งของเธอกำลังลุกเป็นไฟ ภายใต้ความอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้น
“แบบนี้ไม่ดีแน่ พวกเราอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว!” คนอื่นๆมองไปยังฉินเฟิงด้วยความหวาดกลัว ทั้งหมดผุดลุกขึ้นพร้อมกัน ม้านั่งที่วางอยู่บนพื้นหญ้าหงายล้มลงมา
เมื่อมีคนแรกเปิดฉากวิ่งหนีไป คนแล้วคนเล่าก็เริ่มหนีตาม บางคนที่แม้ร่ำรวยแต่เป็นแค่คนธรรมดามิได้แข็งแกร่งอะไร เมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดดันนี้ แข้งขาก็ก้าวไม่ออก ทำได้เพียงค่อยๆตะเกียกตะกาย คลานออกไป
…
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉินเฟิงใช้เทคนิคมังกรไฟ ช่วงเวลานี้ตนสัมผัสได้ว่าในหัวใจกำลังพลุ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น
ก่อนจะเกิดใหม่ เขาได้พบเจอกับผู้ใช้อบิลิตี้ที่ทรงพลังมานับไม่ถ้วน บางคนครอบครองพลังอำนาจชนิดสามารถทลายได้ทั้งสวรรค์และปฐพี
และสำหรับเลเวล E ถือว่าเป็นแค่จุดเริ่มต้นของการสำแดงพลังอำนาจเท่านั้น
ต้องไม่ลืมนะว่า ผู้ใช้อบิลิตี้น่ะคือลูกรักที่พระเจ้าโปรดปราน
ในที่สุด ฉินเฟิงก็เข้าใจอย่างลึกซึ้งด้วยตนเอง ถึงความแข็งแกร่งของอบิลิตี้
หนึ่งมือวาดออก ชี้ไปทางหมาป่าเงาจันทร์
วินาทีถัดมา มังกรไฟก็ส่งเสียงคำราม ระเบิดเปลวเพลิงปะทุระลอกใหญ่ กระแทกเข้าใส่หมาป่าเงาจันทร์
“เอ๋ง!”
หมาป่าเงาจันทร์กรีดร้องน่าสมเพช มันถูกแรงปะทะล้มกลิ้งลงกับพื้น มังกรไฟร้องคำราม อ้าปากใหญ่โตของมัน และพุ่งเข้างับ! กัดเข้าใส่ลำคอของหมาป่าอย่างโหดเหี้ยม
เปลวเพลิงขนาดมหึมา กำลังกลืนกินหมาป่าเงาจันทร์
“ไม่นะ! รีบขัดขวางมันเร็วเข้า ช่วยสัตว์แห่งพันธสัญญาของฉันด้วย! ” ผู้ใช้อบิลิตี้ไม้ตระกูลซินร้องตะโกน
ผู้ใช้อบิลิตี้น้ำตระกูลซินไม่ลังเล สั่งการผ่านจิตใจ ให้สัตว์แห่งพันธสัญญาของเขา สั่งให้จระเข้นอกรีตกระโจนเข้าตะครุบฉินเฟิง
ข้างกายของฉินเฟิง มังกรไฟตัวเดิมที่ยืดหัวออกไปและกำลังกัดงับลำคอหมาป่าพลันสะบัดหาง กวาดเป็นแนวยาวอย่างไร้ความปราณี
เปรี้ยง!
จระเข้นอกรีตปลิวกระเด็นราวกับกระสุนปืนใหญ่ กระแทกเข้าใส่โล่พลังงาน กระเด้งกระดอนหลายตลบ สุดท้ายฟุบหมอบกับพื้น
และบริเวณหน้าท้องของมัน บัดนี้ปรากฏร่องรอยดำคล้ำเป็นตอตะโก —เป็นบาดแผลจากหางมังกรที่พึ่งฟาดออกไป!