โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 206
Ch.206 – คำเชิญของหยางซานหู
Provider : Muntra
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.206 – คำเชิญของหยางซานหู
ระหว่างกำลังสนทนาเฮฮา สายตาของฉินเฟิงก็หันไปเห็นไป๋หลีที่กำลังเบื่อหน่าย เธออ้าปากหาวเล็กน้อย ดูน่ารักน่าชังซะจริงๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนแฟนนายจะเบื่อแล้วนะ งั้นฉันไม่กวนดีกว่า ขอตัวไปเล่นสนุกกับเครือข่ายนักล่าเงินรางวัลสักหน่อยก็แล้วกัน!”
หลิงหวูยี่เดินจากไปพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าเขา ส่วนฉินเฟิงเดินกลับมาอยู่ข้างกายไป๋หลี
ไม่รอให้เขาทันได้เอ่ยปาก อุปกรณ์สื่อสารบนข้อมือก็ดังขึ้น
และฉินเฟิงไม่คาดคิดเลย ว่าคนๆนี้ที่โทรมา
—เป็นหยางซานหู นายพลแห่งกองทัพทุ่งล่า
“สวัสดีครับ นายพลหยาง” ฉินเฟิงยกอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมา เปิดวิดีโอสนทนากับอีกฝ่าย
หยางซานหูปรากฏสู่สายตา ตามตัวมอมแมมไปด้วยฝุ่น เวลานี้เห็นได้ชัดว่าปลายสายอยู่ในทุ่งล่า สภาพแวดล้อมเป็นป่าและโขดหิน
“สวัสดี ผู้ว่าการฉิน” หยางซานหูยิ้ม และกล่าว “ขอสารภาพตามตรงว่าถ้าไม่มีธุระฉันคงไม่โทรมา แต่คราวนี้มันจำเป็นจริงๆ!”
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือครับ?” ฉินเฟิงเองก็สงสัย ว่าหยางซานหูมีอะไรถึงได้ติดต่อหาเขา
และฉินเฟิงก็เหมือนจะนึกได้ถึงคำตอบอย่างรวดเร็ว : ไม่ใช่ว่ากองทัพของหยางซานหูกำลังออกไปค้นหาทรัพยากรภายนอกในทุ่งล่าอยู่หรอกหรือ? งั้นก็น่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องทรัพยากรบางอย่างที่เขาค้นพบใช่หรือไม่?
“ฉันจะส่งรูปให้เธ– ไม่สิ ตอนนี้ต้องสุภาพกันแล้วสินะ เดี๋ยวฉันจะส่งรูปไปให้คุณดู บางทีคุณอาจจะรู้จักมัน”
หยางซานหูเป็นคนตรงไปตรงมา เขาไม่เสียเวลาพูดพร่ำทำเพลง ส่งวิดีโอไปให้ฉินเฟิงในทันที
ฉินเฟิงกดคลิกที่วิดีโอ เห็นแค่เพียงแอ่งน้ำเล็กๆไหลลงมาจากมุมสูงของหน้าผาชัน
บ่อน้ำแห่งนี้ไม่ใหญ่จนเกินไป มันกว้างประมาณ 2 เมตร ดูแสนธรรมดา อย่างไรก็ตาม รอบๆบ่อ กลับมีพืชที่น่าสนใจผุดขึ้นมา–
–เป็นสมุนไพรไผ่กลวง ระดับ E !
แม้รูปร่างของมันจะดูเหมือนไม้ไผ่ แต่ความจริงแล้วคือสมุนไพร สูงประมาณ 1 เมตร ประกอบไปด้วยพลังงานแสนบริสุทธิ์จากฟ้าดิน หลังจากรับประทานมัน จะสามารถเปลี่ยนเป็นกำลังภายในได้ มีมูลค่าเป็นอย่างมาก
เพียงต้นเดียว มีราคามากถึง 3 ล้านเหรียญ แต่ในปัจจุบัน พอได้ลองกวาดตานับดูรอบๆ จะพบว่ามันมีอย่างน้อยก็ 50 ต้น! ซึ่ง 50 ต้นสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้เกินกว่า 100 ล้าน!
ฉินเฟิงขบคิดบางอย่างในจิตใจ เขาไม่ได้ดูวิดีโอต่อ แต่ตัดกลับมาสนทนากับหยางซานหู
“หลังจากดูวิดีโอ ผมพอจะรู้เหตุผลแล้วครับ เนื่องจากมันเป็นสมบัติทางธรรมชาติ ฉะนั้นน่าจะมีสัตว์ร้ายคอยคุ้มครองอยู่ใช่ไหม” ฉินเฟิงได้ข้อสรุป
“ผู้ว่าการฉินเดาถูกแล้ว ตรงส่วนนั้นแหละที่เป็นปัญหา!” ว่าจบเขาก็เริ่มอธิบายให้แก่ฉินเฟิง
—ระหว่างทำการสำรวจพื้นที่ เขาก็ได้ค้นพบกับสมบัติชิ้นนี้ แต่เห็นได้ชัดว่ามันถูกปกป้องไว้โดยสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมาก เป็นเสือเกราะเกล็ด ระดับนายพลสัตว์ร้าย
เสือตัวนี้ทั้งร่างของมันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ด ครอบครองพลังต่อสู้ที่น่าทึ่ง และการที่มันมาถึงเลเวล E นั่นหมายความว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะถูกสังหารลงโดยการโจมตีระยะไกลอย่างอาวุธปืน
ดังนั้นกลยุทธ์กองทัพมนุษย์เข้าปิดล้อมจึงไม่ได้ผล พวกเขาพยายามอยู่หลายครั้งเพื่อไล่เสือเกราะเกล็ดออกจากหน้าผา จนสุดท้ายหยางซานหูตัดสินใจลงมือด้วยตัวเอง ยอมเป็นเหยื่อล่อ ลวงเสือเกราะเกล็ดไปอีกทาง
แต่ผลลัพธ์กลายเป็นว่า คนที่ลงไปเก็บรวบรวมสมุนไพร ดันถูกเสือเกราะเกล็ดที่ย้อนกลับมาแว้งกัดเอา ฉีกกระชากร่างเป็นชิ้นๆ ยังไม่ทันได้รับสมุนไพร ตนเองก็สูญเสียลูกน้องไปหลายคน
ดังนั้นหยางซานหูไม่กล้าเสี่ยงอีกต่อไป
“ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ อะไรที่ฉันเจอแล้วไม่สามารถได้มันมา ฉันจะเลือกซ่อนมัน ไม่ยอมบอกใคร แต่ในครั้งนี้ … ฉันไม่อยากยอมแพ้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้คุณก็ไม่ได้สังกัดสถานชุมชนเฉิงเป่ยแล้วใช่ไหม?” หยางซานหูกกล่าว “ผู้ว่าการฉิน คุณวางใจได้เลย ถ้าสามารถเก็บสมุนไพรมาได้ พวกเราจะแบ่งกัน 50-50 ส่วนนายพลสัตว์ร้ายก็ร่วมมือกันสังหารมัน และหลังจากการต่อสู้จบลง วัตถุดิบจากมันฉันไม่เอา ยกให้คุณทั้งหมดเลย”
เพราะแค่ในส่วนของสมุนไพรที่ได้รับมา มันก็กำไรมากพอแล้วสำหรับหยางซานหู
ออกมาทุ่งล่าเพียงครั้งเดียว แต่กลับสามารถรับทรัพย์กว่า 80 ล้าน(ราคาขายครึ่งหนึ่งของสมุนไพรไผ่กลวง)มาไว้ในกำมือ นี่มันไม่ต่างการคว้าโชคลาภมหาศาลมาเลย ยังไงก็ตาม นี่ถือเป็นรายได้ปกติของผู้ใช้พลังเลเวล E
สำหรับรายได้ของฉินเฟิง แม้เขาจะอยู่ในเลเวล E แต่ตัวเลขของมันมหาศาลเกินไป มากเทียมฟ้าไม่อาจนำมาเทียบเปรียบกันได้
ในสมองของฉินเฟิงเริ่มปั่นความคิดเร็วจี๋ ฟังจากที่หยางซานหูเอ่ยปากออกมา เหมือนว่าเขาจะเคยเจอทรัพยากรดีๆอย่างอื่นมาก่อนแล้วเหมือนกัน แต่ไม่สามารถเก็บเกี่ยวมันได้ …
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงยังไม่คิดถามเรื่องนั้นในเวลานี้
อันดับแรกคงต้องร่วมมือกันก่อน ให้หยางซานหูได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขา จากนั้น โอกาสที่อีกฝ่ายยอมคายข้อมูลของทรัพยากรอื่นๆก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยาก
อันที่จริงแล้ว เรื่องทรัพยากรฉินเฟิงล่วงรู้และมีข้อมูลมากกว่านายพลหยางเสียอีก แต่เขายังไม่อาจออกไปค้นหาได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วนี่คือยุคโลกาวินาศ การจะเดินทางระยะไกล เป็นเรื่องที่รู้ๆกัน ว่าต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเท่านั้นถึงจะทำได้
ซึ่งปัจจุบันฉินเฟิงยังไม่ถึงขั้นที่กล่าวมา
และตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่เขาต้องการสั่งสมความแข็งแกร่งพอดี
“ตกลง! ตอนนี้กองทัพของคุณยังอยู่ในตำแหน่งใกล้เคียงกับวิดีโอที่ส่งมารึเปล่า”
“อืม ยังอยู่!”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”
“ขอบคุณผู้ว่าการฉินจริงๆที่รับข้อเสนอ!”
“เรื่องนี้ได้ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย ฉะนั้นผมยินดีให้ความร่วมมือ!”
หลังจากสนทนากันอีกเล็กๆน้อยๆ หยางซานหูก็ส่งตำแหน่งแบบเฉพาะเจาะจงให้กับฉินเฟิง ฉินเฟิงวางแผนเดินทางพร้อมกับไป๋หลีทันที
–คนเราหากไม่หยุดวิ่ง ก็ย่อมสามารถพัฒนาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง!
“ไป๋หลี เรียกรถศึกออกมา พวกเราจะไปเที่ยวทุ่งล่ากัน!”
“รับทราบ” ไป๋หลีขานรับ วาดมือปล่อยรถศึก ฉินเฟิงกับเธอก้าวขึ้นไปนั่งภายในมัน
“การเดินทางอาจจะใช้เวลาสักหน่อย เธอไปนั่งพักผ่อนที่ด้านหลังได้นะ” ฉินเฟิงกล่าว
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะอยู่กับที่รัก!” ไป๋หลีกล่าวพลางเปิดอุปกรณ์สื่อสารในมือ พอฉินเฟิงชะโงกหน้ามอง ก็พบว่าเธอกำลังดูนั่น ดูนี่ ช็อปสินค้าอย่างเมามัน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับบ้านหลังใหม่ในสถานชุมชนเฟิงหลี
ฉินเฟิงลูบใบหน้าน้อยๆของเด็กสาว หลังจากตั้งค่ารถศึกให้ขับเคลื่อนไปตามตำแหน่งที่ระบุแล้ว เขาก็หยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมา
คราวนี้ เขากลับมาดูวิดีโอของหยางซานหูอีกรอบ ดูเก็บรายละเอียดมันอย่างจริงจัง
ภาพวิดีโอดังกล่าวถ่ายจากโดรน เป็นมุมมองจากบนท้องฟ้า และเห็นแค่เพียงบ่อน้ำกับสมุนไพรไผ่กลวงเท่านั้น
ฉินเฟิงหยุดวิดีโอในตำแหน่งที่ถ่ายใกล้กับบ่อน้ำมากที่สุด
“สมุนไพรไผ่กลวงผุดขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ นั่นหมายความว่าดินที่นี่เปี่ยมไปด้วยพลังงาน คิดว่าน่าจะมี ‘หินพลังงานธรรมชาติ’ ซ่อนอยู่”
หินพลังงานธรรมชาติ ไม่ใช่แหล่งพลังงานชนิดที่เกิดจากฝีมือของมนุษย์ในปัจจุบัน แต่เกิดขึ้นหลังจากการตายของสัตว์ร้ายที่ไม่ถูกสิ่งมีชีวิตอื่นค้นพบ , ถูกฝังไว้ใต้ดิน , ตากแดดตากฝนในทุ่งล่า เป็นแหล่งหลังงานที่ขึ้นเองจากการผุกร่อนของธรรมชาติ
เนื่องจากการผุกร่อน เลยทำให้มันมีลักษณะเหมือนกับหิน
ซึ่งหินพลังงานที่ว่านี้ ยังคงขับพลังงานที่ล้นออกมาได้อย่างต่อเนื่อง มันสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ให้เหมาะสมต่อการเพาะปลูกได้
แต่ในปัจจุบัน พลังงานที่ผู้คนใช้กัน ล้วนเป็นผลึกพลังงานที่เกิดจากการบีบอัดทางวิทยาศาสตร์ กล่าวได้ว่ามันเป็นของมีค่าที่เข้ามาแทนที่ทองคำในยุคโลกาวินาศ
หลังจากบีบอัดพลังงานด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พลังงานจะกลายเป็นก้อนกลมๆที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ซม. ซึ่งหากอ้างอิงจากจำนวนเงินสากลที่ใช้กันทั่วไป จะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 10,000 เหรียญ แต่กระนั้น ผลึกพลังงานมักจะถูกแลกเปลี่ยนโดยผู้ใช้พลังระดับสูงเท่านั้น เพราะธุรกรรมมูลค่าน้อยกว่าล้านล้าน สามารถทำได้อย่างง่ายดายด้วยอุปกรณ์สื่อสารอยู่แล้ว (ประมาณว่าหากต้องการแลกเปลี่ยนเป็นจำนวนเงินมหาศาลมากๆ ใช้ผลึกพลังงานแลกแทน มันจะง่ายกว่าการใช้เงินแลกตรงๆ)
“หากหินพลังงานธรรมชาติปรากฏขึ้นในทุ่งล่าจริงๆ นั่นอาจหมายถึงกำไรมหาศาล!” ฉินเฟิงพอจินตนาการถึงมัน หัวใจเขาก็ลุกเป็นไฟ
“แต่ในชีวิตก่อนหน้า ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีใครในสถานชุมชนเฉิงเป่ย ได้รับโชคลาภก้อนใหญ่อย่างหินพลังงานธรรมชาติมาก่อนเลย แน่นอนอาจมีความเป็นไปได้ว่าหยางซานหูพลาดมันไป เพราะเขาไม่แข็งแกร่งมากพอ!”
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ฉินเฟิงก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล
“อยากจะรู้จริงๆว่าหินพลังงานธรรมชาติใต้บ่อน้ำนี้จะมีใหญ่แค่ไหน ถ้ามันไม่ใหญ่มาก ก็น่าจะเอาไปฝังในสวนคฤหาสน์ ไว้ช่วยเพาะปลูกดอกไม้กับต้นไม้คงดี!”
ฉินเฟิงเองก็ไม่ได้คาดหวังมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ว่าอาจจะได้รับโชคก้อนใหญ่ มันก็เป็นไปได้เช่นกัน
ระหว่างฉินเฟิงกำลังขบคิด รถศึกก็แล่นไปตามเส้นทางที่หยางซานหูกำหนดไว้ รูนแห่งความมืดถูกปล่อยสู่ภายนอกรถจากฉินเฟิง ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นไม่พบเจออุปสรรคใดๆ
หลังจากเดินทางมาไกลกว่า 20 ชั่วโมง ข้ามผ่านช่วงค่ำคืน ฟ้าก็เริ่มสาง
ในที่สุดฉินเฟิงก็มาถึงสถานที่ที่หยางซานหูบอกเอาไว้และ–
–ปัง!
ปรากฏสัญญาณควันสีดำลอยสูง ทะยานขึ้นเป็นเส้นสู่ฟากฟ้า
นี่คือคำเตือน
เพราะในทุ่งล่า สีดำไม่ได้ดึงดูดความสนใจของสัตว์ร้าย ดังนั้นมันจึงถูกใช้ในการสื่อสารกับมนุษย์ เป็นความหมายว่า ‘ที่นี่เป็นอาณาเขตของพวกเรา และกำลังทำธุระอยู่ ห้ามเข้ามายุ่ง’
หากฝ่ายตรงข้ามยังไม่ฟัง ก็จะนำไปสู่การสงครามสาดกระสุนโดยตรง