โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 208
Ch.208 – หยางซานหูตกตะลึง
Provider : Muntra
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.208 – หยางซานหูตกตะลึง
ช่วงเวลาต่อมา มังกรยักษ์พลันปรากฏกาย ว่ายวนรอบฉินเฟิง หัวมังกรผงาดขึ้น อ้าปากขู่คำรามศัตรู
เนื่องจากสภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยต้นไม้ เมื่อความร้อนพุ่งสูง เปลวไฟก็เริ่มลุกลามอย่างรวดเร็ว เพียงกระพริบตา สนามรบก็แปรสภาพเป็นทะเลเพลิง
“กำจัดมันซะ!”
ฉินเฟิงชี้นิ้วไปทางเสือเกราะเกล็ด มังกรไฟส่งเสียงหอนคำรามคลั่ง ร่างใหญ่โตที่แต่เดิมสมควรสามารถป้องกันและใช้ข่มขู่ศัตรู บัดนี้ไม่ต่างจากเป้าใหญ่ให้โดนเล่นงาน
มังกรไฟอ้าปากเข้างับฝ่ายตรงข้าม เปลวเพลิงมหึหาเริ่มแผดเผาและแทรกซึมเข้าไปตามเกล็ดอย่างโหดร้าย และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง
เสือเกราะเกล็ดตกใจกับการโจมตีที่คาดไม่ถึง ทั้งยังถูกแรงปะทะจากเปลวไฟกดดันไถลไปไกลกว่า 20 เมตร
และตามทาง ปรากฏรอยกรงเล็บกรีดยาวเป็นร่องลึก คล้ายเสือเกราะเกล็ดพยายามฝืนต้านทาน ต้นไม้โดยรอบถูกแผดเผาเป็นเถ้าถ่าน ก่อกำเนิดเป็นรูนไฟผุดออกมา
“กรรร!”
เมื่อเสือเกราะเกล็ดตั้งตัวได้ ทั้งสองก็โถมเข้าห้ำหั่นกันอีกครั้ง ระเบิดเสียงทำลายกังวานไปทั้งชั้นฟ้า ต้นไม้ใหญ่โดยรอบหักโค่น และถูกแผดเผากลายเป็นขี้เถ้าไป
หยางซานหูทั้งตะลึงทั้งถูกกดดันจากอำนาจของเสือเกราะเกล็ด เขาเลยไม่สามารถก้าวเข้าไปมีส่วนร่วมในการต่อสู้ได้
“นี่ .. ”
เห็นภาพตรงหน้า หยางซานหูก็ไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมาดี!
เพราะก่อนหน้านี้ เขากับเสือเกราะเกล็ดเคยสู้กันมาแล้ว ช่วงเวลานั้นเขาไม่สามารถบีบบังคับให้เสือเกระเกล็ดขยายร่างได้ด้วยซ้ำ กล่าวสรุปง่ายๆคือกำลังรบของมันในปัจจุบัน กับในตอนที่สู้กับตน แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ต่อให้เสือเกราะเกล็ดยังอยู่ในสภาพเดิม มันก็ยังสามารถกดดันเขาจนต้องหลบหนีไปด้วยความอับอาย! และหากเขาเผชิญหน้ากับมันในตอนนี้ เกรงว่าหากถูกมันตะปบเพียงครั้งเดียวเขาคงถึงแก่ความตาย!
อย่างไรก็ตาม สัตว์ร้ายเลเวล E แสนทรงพลังที่เพิ่งยกตัวอย่างมาข้างต้น เวลานี้ ภายใต้การกดดันของฉินเฟิง มันกลับทำได้เพียงถอยร่น ถอยครั้งแล้วครั้งเล่า
ประสิทธิภาพการต่อสู้ของฉินเฟิง ทำให้หยางซานหูหวาดกลัวในหัวใจ
“ลูกรักของพระเจ้า … นี่สินะที่เรียกกันว่าลูกรักของพระเจ้า!”
เมื่อลองนึกถึงอายุของฉินเฟิง และความแข็งแกร่งที่เขาครอบครอง มันช่างชวนให้ตะลึงงัน!
เดิมผู้ใช้พลังเลเวล E เพียงลำพัง หากคิดเผชิญหน้ากับนายพลสัตว์ร้ายในเลเวลเดียวกัน นั่นอาจอันตรายถึงตาย! ดังนั้นเลยจำเป็นต้องร่วมมือกันราวๆ 100 คน มันถึงจะปลอดภัยและมีโอกาสสำเร็จสูง
แน่นอน ว่าบางกลุ่มที่ทรงพลัง และแข็งแกร่งยิ่งกว่าหากเทียบกับผู้ใช้พลังเลเวล E ทั่วๆไป ขอแค่สมาชิกสัก 10 – 20 คน ก็สามารถโค่นนายพลสัตว์ร้ายลงได้เช่นกัน
แต่เบื้องหน้าเขา ฉินเฟิงคนเดียวกลับสามารถบดขยี้อีกฝ่ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ!
คลื่นความร้อนโถมเข้าปะทะอีกครั้ง
หยางซานหูต้องล่าถอยออกมาไกลกว่า 100 เมตรจึงจะพ้นรัศมี
เวลานี้ภายในสนามรบ การต่อสู้ระหว่างฉินเฟิงกับเสือเกราะเกล็ดระอุจนใกล้จะถึงจุดเดือดสุดแล้ว
“ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าแกจะฝืนทนต่อไปได้อีกสักกี่น้ำ!”
ฉินเฟิงกล่าว มังกรไฟส่งเสียงหอนหวีดหวิวอีกครั้ง โฉบไปร่ายระบำรอบกายเสือเกราะเกล็ด บีบรัดและแผ่ไอร้อนใส่ศัตรูอย่างโหดเหี้ยม
“โฮ— ..” เสือเกราะเกล็ดส่งเสียงคำรามแผ่ว มันพยายามม้วนกลิ้งตัว หมายจะกำจัดมังกรไฟ
ปัจจุบันเกล็ดถูกเปลี่ยนเป็นสีแดงแวววาว เพียงมองก็สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิสูงลิ่ว ดั่งแผ่นเหล็กที่ถูกเผา
ในจังหวะเดียวกัน ระหว่างที่เสือเกราะเกล็ดอ้าปากคำราม ฉินเฟิงก็คว้าโอกาสนั้นไว้ สะบัดมือขึ้นและ—
—ลำแสงเปลวเพลิง!
รังสีแสงเปลวเพลิงปะทุออกเป็นเส้นสาย วิ่งกรีดไปตามอากาศ ผลุบเข้าไปในปากเสือเกราะเกล็ด กระแสเปลวเพลิงไหลไปตามตัว แผดเผาเนื้อหนังภายในของมัน
ตูม!
บังเกิดเสียงระเบิดที่ฟังดูอู้อี้ดังลอดออกมาจากลำคอของมัน
นายพลสัตว์ร้ายเสือเกราะเกล็ดดิ้นสะบัดอย่างรุนแรง แต่ไม่นาน ร่างใหญ่โตของมันค่อยๆหยุดดิ้นรน สุดท้ายแน่นิ่งไป
หน้าผาที่เกิดการสั่นสะเทือนเพราะการดิ้นรนของมัน ก็หยุดลงเช่นกัน
“จงกลับคืน”
มังกรไฟยักษ์ที่ว่ายวนอยู่กลางอากาศ ในที่สุดก็ละลายกลายเป็นรูนสีแดงเพลิง แปรสภาพคล้ายกระแสแสง วิ่งกลับคืนสู่หน้าผากของฉินเฟิง
ทะเลเพลิงที่โหมกระหน่ำอยู่โดยรอบ ค่อยๆทุเลาลง แปรเปลี่ยนเป็นรูนสีแดง และสลายหายไปในอากาศ
สภาพสนามรบในปัจจุบัน สิ่งที่เหลืออยู่คือเถ้าถ่าน และพื้นดินดำสนิทเป็นสีโค้ก
หยางซานหูตระหนักได้ว่าสนามรบสงบลง จึงเร่งก้าวเข้ามา
เมื่อมาถึง เห็นแค่เพียงร่างของนายพลสัตว์ร้ายเสือเกราะเกล็ดนอนนิ่งอยู่กับพื้น ทั้งยังในสภาพที่มีเกราะหนักอยู่บนร่างกายของมัน
ฉินเฟิงกุมมีดกษัตริย์ครามในมือ เคาะลงตรงชิ้นส่วนเกราะเกล็ด จากนั้นเกราะที่ราวกับเหล็กกล้าก็หลุดลอก พังทลายลง และสลายหายไปในที่สุด
สิ่งเหล่านี้คือพลังงานที่เกิดจากรูนของศัตรู พอหมดพลังงาน เกราะก็สลายหายไปเป็นธรรมดา
ไม่นานเกินรอ ศพของเสือเกราะเกล็ดก็เผยโฉมออกมา
กลิ่นเนื้อหอมหวนที่สุกกำลังดีโชยฟุ้งเข้าเต็มจมูก
ภายใต้อำนาจมังกรไฟอันทรงพลังของฉินเฟิง เกราะดั่งเหล็กกล้าของมัน กลับกลายเป็นกรงที่คอยห่อหุ้มเสือเกราะเกล็ดไว้ข้างใน สร้างความทุกทรมานให้แก่มัน ทั้งโดนอบ โดนรมควันสุดท้ายเกิดการระเบิดร้ายแรง ถึงแก่ชีวิต
และเมื่อกลิ่นมันหอมขนาดนี้ นั่นหมายความว่า เสือเกราะเกล็ดตัวนี้สามารถกินได้!
“อาาา หอมจัง” แววตาของไป๋หลีเปล่งประกาย
“ผู้ว่าการฉิน คุณน่าทึ่งมากจริงๆ!” หยางซานหูกล่าวด้วยความตื่นเต้น
ไม่คาดฝันเลยว่านายพลสัตว์ร้ายจะถูกสังหารได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่า เจ้าเสือเกราะเกล็ดที่พึ่งตายลง มันสังหารลูกน้องของหยางซานหูไปแล้วมากกว่า 20 คน!
“ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย แต่ผมขอวัตถุดิบทั้งหมดของนายพลสัตว์ร้ายนะครับ ส่วนเนื้อของมัน ผมมอบให้นายพลหยาง!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันรับเอาไว้ไม่ได้หรอก!” หยางซานหูกล่าวทันที
“รอผมแล่มันสักครู่”
ฉินเฟิงเดินไปใช้มีดกษัตริย์ครามแล่เกราะเกล็ดดั้งเดิมบนร่างกายมัน นี่ถือเป็นวัตถุดิบชั้นดี
จากนั้นก็เป็นแก่นอบิลิตี้สัตว์ร้ายขนาดเท่ากำปั้น ที่เติบโตบนหัวของเสือเกราะเกล็ด หลังจากนำมันออกมา ฉินเฟิงก็เริ่มเก็บวัตถุดิบอื่นๆ
ไม่ว่าจะเป็นเล็บ , หาง ฯลฯ ซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดนี้ น่าจะขายได้ราวๆ 10 – 20 ล้าน
นี่ฟังดูเป็นมูลค่ามหาศาลหากตกอยู่ในกำมือของคนๆเดียว ทว่าหากร่วมมือกันเป็นทีม อาจจะได้แค่คนละ 1 ล้านต่อหัวเท่านั้น ซึ่งมันน้อยนิดจริงๆสำหรับเลเวล E !
และเนื่องจากความยากลำบากในการหาวัตถุดิบเช่นนี้เอง ทำให้ผู้ใช้พลังเลเวล E ที่คิดจะทะยานสู่เลเวล D ต้องเสียเวลาสั่งสมทรัพยากรเป็นเวลานาน
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น ฉินเฟิงก็ยังตัดเนื้อเสือบางส่วนให้ไป๋หลีกิน นี่ถือเป็นอาหารเช้าสำหรับทั้งสองคน
เมื่อปัญหาเรื่องเสือเกราะเกล็ดหมดไป หยางซานหูแทบทนรอไม่ไหว เร่งพาฉินเฟิงกับไป๋หลีไปยังสถานที่ตั้งของสมุนไพรไผ่กลวง
ที่นี่คือบริเวณตีนเขา เป็นตำแหน่งที่แสงแทบไม่ตกลงมาถึง มีก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมากร่วงตกลงมาจากหน้าผา ธารน้ำเล็กๆไหลตกลงใจกลางของบ่อน้ำขนาดเล็ก
หากไม่ใช่เพราะมีนายพลสัตว์ร้าย เสือเกราะเกล็ดคอยปกป้องสถานที่แห่งนี้ มันคงกลายเป็นแหล่งน้ำชั้นดีให้สัตว์อื่นมาอยู่อาศัยและดื่มกิน
และแน่นอน ว่าหากเป็นในกรณีที่ว่า น่ากลัวว่าสมุนไพรไผ่กลวงคงจะไม่รอดเหมือนกัน
แม้เสือเกราะเกล็ดจะไม่ใช่สัตว์กินพืช แต่มันก็สามารถกินไผ่กลวงเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตาม สุดท้ายพืชก็คือพืช มันไม่ชอบอยู่ดี เลยกินไม่เยอะจนเกินไป
ด้วยเหตุนี้เอง สมุนไพรไผ่กลวงส่วนใหญ่เลยยังอยู่ในสภาพดี
“ผู้ว่าการฉิน ฉันลองนับดูแล้ว มันมีทั้งหมด 56 ต้น ยอดเยี่ยมไปเลย!”
หยางซานหูกล่าว การเก็บเกี่ยวในครั้งนี้ยอดเยี่ยมอย่างที่เขาว่าจริงๆ เพราะมันช่วยให้กองทัพทุ่งล่าได้รับกำไรก้อนโต
“ครับ ในส่วนของผม ผมจะจัดการมันเอง ผมตั้งใจว่าจะย้ายมันไปปลูกในสถานชุมชนเฟิงหลี”
“เข้าใจแล้ว อยากให้ฉันหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยไหม?”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะทำมันเอง”
เมื่อถามแล้วถูกปฏิเสธ หยางซานหูก็ไม่คิดสุภาพอีกต่อไป เขาเดินไปเก็บรวบรวมสมุนไพรไผ่กลวงทันที
ฉินเฟิงพยายามรักษาใบหน้าให้สงบ ใช้มีดกษัตริย์ครามคว้านลงในดิน ดึงสมุนไพรไผ่กลวงและดินข้างล่างมันที่ห่อหุ้มรากเอาไว้ขึ้นมา เก็บลงในอุปกรณ์รูนมิติ
หลังจากเก็บรวบรวมจนเสร็จแล้ว หยางซานหูและฉินเฟิงก็กลับไปยังค่าย และตลอดทั้งกระบวนการ หยางซานหูมิได้สนใจบ่อน้ำเล็กๆเลยแม้แต่น้อย
“หมดเวลาไปตั้งครึ่งเดือน ในที่สุดก็ไม่เสียเปล่าแล้ว ฮ่าฮ่า!” หยางซานหูฮัมเพลงด้วยความสุข
การร่วมมือกับฉินเฟิงในครั้งนี้ ทำให้เขาได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย ขณะเดียวกันก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ดังนั้นในหัวใจของหยางซานหูจึงเกิดความคิดบางอย่างขึ้น เขาไตร่ตรองมันอย่างเงียบๆ สุดท้ายได้ข้อสรุป
“ช่วงนี้ผู้ว่าการฉินมีธุระอะไรต้องออกไปทำหรือไม่?”
“ไม่มีหรอกครับ แต่ปลายเดือน ผมจะต้องไปเข้าร่วมการประมูลที่เมืองไห่” ฉินเฟิงตอบ