โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 230
Ch.230 – พลิกผันเป็นศัตรู
Provider : Muntra
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.230 – พลิกผันเป็นศัตรู
ผู้คนในที่นี้ ส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่ใช่พวกเดียวกันหรือคนดัง ก็แทบไม่ได้รู้จักหรือคิดสนทนาต่อกัน
ดังนั้นแม้ว่าฉินเฟิงจะสวมใส่กรงเล็บเพลิงสีชาดไว้ที่แขนซ้ายตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ แต่พวกเขาก็เข้าใจว่าน่าจะเพราะฉินเฟิงต้องการใช้มันเป็นตัวเสริมอานุภาพแก่กระบวนท่าวรยุทธธาตุไฟที่เพิ่งใช้ไป
ทั้งหมดจึงแทบจะไม่มีใครล่วงรู้ ว่าแท้จริงแล้วฉินเฟิงคือผู้ใช้อบิลิตี้!
และอบิลิตี้ของเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าทางฝั่งวรยุทธโบราณเลย!
อบิลิตี้ลูกไฟกระแทกเข้าใส่หยวนฮันโดยตรง ส่งเธอกระเด็นลอยไปไกล
กลุ่มพันธมิตรที่เพิ่งก่อตั้งขึ้น ล่มสลายลงทันที และเริ่มหันมาสังหารกันเอง
“วัตถุดิบราชันย์สัตว์ร้ายต้องเป็นของฉัน!”
“ทั้งหมดจงตายให้แก่บิดา!”
“หลีกทางไปให้พ้น!”
ฝูงชนคำรามโกรธเกรี้ยว
สถนการณ์ที่ราชันย์สัตว์ร้ายตกตาย ทำให้ทุกคนกลายเป็นบ้า!
แต่ ณ เวลานี้ ช่วงที่กำลังชุลมุนกัน ปาหันก็พลันฉวยโอกาสทะยานเข้าใส่เลือดมังกร และฉินเฟิงที่อยู่ใกล้ๆก็ไม่คิดขัดขวาง
“อ๊าาาาาา!”
ปาหันส่งเสียงร้องน่าเวทนา
เลือดมังกรน่ะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายก็จริง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทานทน
“ร่างเงาสรรพวุธ!”
เซิงเซินหยูก็โกรธไม่แพ้กัน เขาไม่คิดเลยว่าการที่ตนอุตส่าห์สร้างบาดแผลจนสาหัสแก่ราชันย์สัตว์ร้าย สุดท้ายจะกลายเป็นคนอื่นได้รับผลประโยชน์ไป … นับจากครั้งสุดท้าย นี่มันนานแค่ไหนแล้วกันนะ ที่มีคนทำให้เขาโกรธมากถึงขนาดนี้!
บังเกิดเสียงเคร้งครั้ง! ของโลหะกระทบกันอย่างเมามัน สรรพวุธนับร้อยผุดออกมาจากที่ใดไม่มีใครทราบ รู้สึกตัวอีกทีก็ลอยล่องอยู่กลางอากาศแล้ว และทั้งหมดมุ่งปลายแหลมไปยังตำแหน่งของฉินเฟิงและปาหัน
แม้จะเห็นสิ่งนี้ แต่ปาหันมิอาจก้าวเท้าหลบเลี่ยง เพราะประเด็นก็คือร่างกายเขากำลังรับเลือดมังกรอยู่ และคล้ายกับว่าจะไม่สามารถรับมือกับพลังของมันได้ เจ็บปวดเกินจะทานทน เลยจำต้องทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปกับมัน
“เจ้าหนู ถ้าเธอออกไปได้แบบยังมีชีวิตอยู่ ขอให้รู้ไว้ว่าฉันติดหนี้เธอ!”
สิ้นเสียง รอบกายปาหันพลันถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเงิน
—เป็นตัวเชื่อมต่อพิกัดมิติ!
ร่างของปาหันพลันหายวับในอากาศ เขาได้ออกจากต่างมิติแห่งนี้ไปเสียแล้ว
เหลือเฉพาะฉินเฟิงในน้ำพุเลือดมังกร ที่ต้องเผชิญหน้ากับสรรพวุธที่พุ่งเข้ามา
ในสายตาของฝูงชน ฉินเฟิงคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
“เหอะ!” ฉินเฟิงหัวเราะหยัน วินาทีถัดมา ร่างกายเขาพลันลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิง! “เทคนิคมังกรไฟ!”
โฮกกกก!
เสียงหอนของสัตว์ในตำนานหวีดหวิวไปในชั้นอากาศ มังกรไฟทะยานสูงขึ้น แผ่พลังอำนาจอันน่าเหลือเชื่อออกมา
สำหรับเทคนิคมังกรไฟ มันคืออบิลิตี้ที่คนระดับสูงในเมืองใหญ่เท่านั้นถึงจะสามารถเรียนรู้ ไม่ก็ต้องมั่งคั่งร่ำรวยชนิดน่าอัศจรรย์ใจเท่านั้นถึงจะได้มาครอบครอง แต่ใครจะไปคิด ว่าฉินเฟิงที่เป็นแค่วัยรุ่น จะกุมอำนาจอย่างเทคนิคมังกรไฟไว้กับตัว
พลุไฟสงครามก่อนหน้านี้ก็น่าขวัญผวามากพอแล้ว แต่ตอนนี้ ยังมีอีกเทคนิคทรงพลานุภาพอย่างคาดไม่ถึงเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่างกระทันหัน
ก๊าซซซซ!
มังกรไฟสาดคำรามโหดร้าย สรรพวุธที่เข้าใกล้มันหลอมละลายอย่างรวดเร็ว ต่อให้อยู่ห่างไกล ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร้อนที่แผ่ออกมา
“ไปฆ่ามัน!” ฉินเฟิงสั่ง ชี้นิ้วไปทางเซิงเซินหยู
สีหน้าของเซิงเซินหยูแปรเปลี่ยนกลับกลาย
“ปราการเหล็ก!”
บ้านเหล็กกล้าหลังใหญ่ปรากฏขึ้นอีกครา
เจ้าสิ่งนี้สามารถปกป้องผลพวงจากการถล่มของถ้ำได้ก็จริง แต่มันย่อมไม่สามารถหยุดยั้งมังกรไฟของฉินเฟิงได้ หากเซิงเซินหยูยังคงตัดสินใจมุดหัวอยู่แต่ในปราการ เกรงว่าเขาคงมีจุดจบเดียวกันกับนายพลเสือเกราะเกล็ดเช่นก่อนหน้านี้ ที่ถูกย่างและรมควันทั้งเป็นโดยฉินเฟิง
และเป็นอย่างที่คิดจริงๆ เซิงเซินหยูมิได้ไร้สมอง หลังจากใช้งานปราการเหล็ก พลังสมาธิของเขาพลันถูกกระตุ้นอย่างบ้าคลั่ง รูนโลหะกระจายไปทั่วชั้นอากาศ
“ยักษ์เหล็กจงปรากฏ!”
อบิลิตี้ปะทุโหม ยักษ์สูงสิบเมตรผุดขึ้นมาจากพื้นดิน เหวี่ยงกำปั้นฟาดเปรี้ยง! เข้าใส่เบ้าหน้ามังกรไฟของฉินเฟิง
สองอบิลิตี้โรมรันกัน พลังอันยิ่งใหญ่ทำให้คนอื่นต้องถอยฉากหลบเลี่ยง ไม่อาจเข้าไปแทรกแซงได้
–หวาดเกรงว่าตนจะโดนลูกหลง
“รีบลงมือเร็วเข้า!” เซิงเซินหยูตวาด
หวูซือ , กั๋วซิง และหยวนฮันพุ่งเข้าหาราชันย์จระเข้มังกรทันที
สัตว์ร้ายตนนี้มีขนาดใหญ่โตมาก ต่อให้เป็นส่วนเนื้อของมัน ทั้งหมดก็ยังมีมูลค่ามหาศาล
อย่างไรก็ตาม อวัยวะที่มีค่ามากที่สุดของมันย่อมไม่พ้น 3 สิ่งนี้!
สิ่งแรกคือหนังเกล็ดของราชันย์จระเข้มังกร สองเป็นกะโหลกมังกร และสุดท้ายแก่นพลังงานที่อยู่ใจกลางลำตัว
อย่างไรก็ตาม หัวของมังกรจระเข้มีขนาดยาวเทียบเท่ากับ 1/4 ของร่างกายมัน มีขนาดเปรียบเสมือนบ้านหลังเล็กๆ และอุปกรณ์รูนมิติที่คนเหล่านี้พกพามา–
–ไม่มีพื้นที่มากพอที่จะใส่มัน เว้นแต่จะเลือกหั่นหัวออกเป็นท่อนๆ ทว่าปัจจุบันพวกเขามีเวลามากถึงขนาดนั้นซะที่ไหน?
อย่างไรก็ตาม แก่นพลังงานน่ะแตกต่างออกไปจากอีก 2 ชิ้นที่กล่าวมา แก่นพลังงานของราชันย์จระเข้มังกรมีขนาดเท่าลูกบาสเกตบอลเท่านั้นเอง ฉะนั้นสามารถเก็บใส่พื้นที่มิติได้!
“ไป๋หลี!” ฉินเฟิงตะโกนคำหนึ่ง
ไป๋หลีเริ่มขยับทันที!
มือของเธอค่อยๆถูกวาดออก และทั้งหัวของราชันย์จระเข้พลันหายวับเข้าไปสู่พื้นที่มิติของเธอในพริบตา วินาทีนั้นทุกสายตาต่างจับจ้องเธอด้วยความอิจฉา
เพราะพวกเขาไม่ทราบถึงอบิลิตี้ของไป๋หลี ฉะนั้นเลยคาดเดาว่าไป๋หลีคงครอบครองอุปกรณ์รูนมิติที่มีพื้นที่ใหญ่มากเป็นพิเศษเป็นแน่
การจะสามารถเก็บหัวของราชันย์จระเข้เอาไว้ได้ อย่างน้อยต้องมีขนาด 300 ลูกบาศก์เมตร!
–เป็นอุปกรณ์รูนมิติที่มีค่าถึง 1,500 ล้านเหรียญ!
ฝูงชนสูดหายใจลึกอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ต้องฆ่าเธอ! ต้องชิงอุปกรณ์รูนมิติมาจากเธอให้จงได้!!” หวูซือคลั่งเป็นคนแรก สำหรับมือปืน มันจะมีอะไรน่าดึงดูดไปกว่าพื้นที่มิติขนาดใหญ่อีกเล่า!
ปังปังปังปังปัง!
เสียงห่ากระสุนดังสะท้อนไปทั้งโพรงถ้ำ
“คิดลงมือกับสาวสวยอย่างงั้นหรือ หน้าไม่อาย!” เสียงหนึ่งแว่วผ่านตามสายลม และวินาทีต่อมา ก๊าซพิษสีเขียวขุ่นน่าสยดสยองพลันโถมเข้าปกคลุมหวูซือและคนอื่นๆ
แค๊ก! หวูซือเผลอสูดหายใจเข้าไปเฮือกหนึ่ง สมองวิงเวียน วิสัยทัศน์เบื้องหน้าวูบไปวิหนึ่ง
“ตายซะ!” ชิหลงไม่รอช้า หันปลายกระบอกปืน เล็งยิงไปทางหวูซือทันที
การต่อสู้ชุลมุนระลอกใหม่บังเกิดขึ้น
ณ ตำแหน่งที่ฉินเฟิงยืนอยู่ ในที่สุดน้ำพุเลือดมังกรจากราชันย์จระเข้ก็หยุดลง ทั้งเนื้อทั้งตัวของฉินเฟิงปวดแสบปวดร้อนไปหมด แต่เมื่อเทียบกับปาหันที่เผลอแพล็บเดียวก็ทนไม่ไหวแล้ว ในทางกลับกันมันมิได้เจ็บปวดเท่าใด
เนื่องจากความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิง มันเหนือล้ำเกินกว่าคนธรรมดาทั่วไปมากมายนัก
ดังนั้นด้วยการเสริมสร้างจากเลือดมังกร และพลังงานที่ถูกพลังพิเศษดูดกลืนมาจากราชันย์จระเข้ ทำให้ความแข็งแกร่งของฉินเฟิง ในวันที่ 8 นับแต่มาอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ ในที่สุดก็ทะยานไปอีกขั้น!
ก้าวขึ้นสู่เลเวล E2!
ณ เวลานี้ จากเบื้องหลังของจระเข้มังกร หยวนฮันเร่งผุดลุกขึ้น และเล็งไปยังกระดูกสันหลังของราชันย์จระเข้ มีดในมือพยายามที่จะตัดเฉือนผิวหนังของราชันย์มังกร หมายจะล้วงลึกเข้าไปฉกชิงแก่นพลังงานของมัน!
“เจ้าสิ่งนั้นมันคือของฉัน!” ไป๋หลีโผไปข้างหน้า เสยปลายเท้าเตะคมกริชในมือหยวนฮันส่งทั้งคนทั้งร่างของเธอลอยละลิ่วออกไปอีกครั้ง
หยวนฮันโกรธแค้นสุดแสน
เพราะตลอดเวลาหลายปีที่เธอออกอาละวาดไปทั่วทั้งสามเฉิง เจ้าตัวยังไม่เคยพ่ายแพ้ยับเยินถึงขนาดนี้มาก่อนเลย
ไม่ว่าจะเป็นฉินเฟิงหรือไป๋หลี ความแข็งแกร่งของทั้งสองมากมายเกินกว่าที่เธอจะต้านทานไหว
มีดลายครามสีหิมะในมือของไป๋หลีวาดสะบัด ฟาดฟันอย่างดุเดือดบนกระดูกสันหลังของราชันย์จระเข้มังกร
โดยมีรูนมิติจางๆเคลือบอยู่บนใบมีดลายคราม และเป็นเพราะรูนมิติที่ว่านั่นเอง ทำให้สามารถเฉือนราชันย์จระเข้ออกเป็นสองซีกได้อย่างง่ายดาย
ไป๋หลีเตะซากครึ่งหนึ่งของราชันย์จระเข้ออกไป มีดลายครามโบกสะบัดอีกครั้ง ทันใดนั้นคริสตัลสีสดใสพลันปรากฏขึ้นในมือของเธอ
—แก่นพลังงานของราชันย์สัตว์ร้าย!
ไป๋หลีพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และเก็บมันลงในพื้นที่มิติ
ผู้ใช้พลังคนอื่นๆเมื่อเฝ้ามองฉากนี้ ก็กลายเป็นคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิม เกือบทั้งหมดละละทิ้งภารกิจขัดขวางกองทัพจระเข้ พุ่งเข้าหาไป๋หลีกันทันที
เวลานี้ ไป๋หลีเปรียบดั่งขุมทรัพย์เคลื่อนที่ได้ –ขุมทรัพย์มีค่ามหาศาล!
หากสังหารเธอ ความมั่งคั่งของตนจะติดปีกราวทะยานสู่สรวงสวรรค์!
เพราะนั่นคือแก่นพลังงานราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E!
พวกเขาต้องทนทำงานหนักเป็นเวลา 4 – 5 ปี ทั้งยังต้องประหยัดอดออม ถึงจะสามารถซื้อมันได้
ทว่าปัจจุบัน มันได้มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาแล้ว! จะให้อดใจไหวได้อย่างไร!
“ถ้าไม่อยากถูกฉันฆ่าตาย ก็ออกไปให้พ้นเธอ!” ฉินเฟิงตวาดเตือน
“ไอ้หนู มั่นใจในตัวเองมากเกินไปรึเปล่า!?”
“แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? เวลานี้ต่อให้แกมีสามเศียรหกกรก็หยุดพวกเราไม่ได้!”
“ฆ่าเขา! ในงานประมูลเขาเป็นคนกวาดสินค้าจากกลุ่มหวันซ่งไปเป็นจำนวนมาก จะต้องมีของดีๆติดตัวอยู่แน่ๆ!”
ฝูงชนร้องตะโกน เจตนาฆ่าฟุ้งท่วมไปทั้งหัวใจ
“ออกไปให้พ้น! พวกคุณไม่รู้หรือว่าเขาคือผู้ว่าการสถานชุมชนเฟิงหลี!”
ฮั่นเจียนคำรามเกรี้ยวกราด