โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 239
Ch.239 – ประเดิมตลาดมืด
Provider : Muntra
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.239 – ประเดิมตลาดมืด
เขาคือหนึ่งในคนที่อยู่บนเกาะต่างมิติ ทั้งยังเป็นคนกลุ่มแรกที่หลบหนีออกมา
มีสมญาว่า ‘หมาใน’ เป็นบุคคลสุดแสนไร้ยางอายขององค์กรมืดแห่งสามเฉิง รางวัลนำจับของเขา มากยิ่งกว่าหมาป่าสาวซะอีก —เต็มเม็ดเต็มหน่วยถึง 2,000 ล้านเหรียญ!
หมาในเป็นตัวตนที่ทรงพลังมาก ดังนั้นเลยตัดสินใจท่องไปบนเกาะต่างมิติเพียงลำพัง แต่มิใช่เพื่อล่าสัตว์ร้าย … เป้าหมายของเขาคือล่าสังหารผู้คนโดยเฉพาะ!
และหนึ่งในคนที่ฉินเฟิงรู้จักอย่างหลิวบาแห่งสถานชุมชนตงหลิง ก็ตกตายภายใต้เงื้อมมือของเขาเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีเหยื่ออีกหลายคน หมาในได้รับสินสงครามเป็นอุปกรณ์รูนมิติอย่างน้อย 5 ชิ้นไว้ในกำมือ
“ฉันต้องการจะขายอะไรบางอย่าง แต่เห็นว่าทางคุณฆ่าราชาคลั่งได้พอดี เลยอยากจะใช้พวกมันแลกเปลี่ยนกับอุปกรณ์รูนสีเงินของเขา ว่าแต่คุณจะขายมันในราคาเท่าไหร่?”
เนื่องจากนี่เป็นธุรกรรมแรก ดังนั้นซูซิงฝูเลยออกมาต้อนรับด้วยตนเอง
“อุปกรณ์รูนสีเงินชิ้นนั้นไม่ได้รับความเสียหาย มันอยู่ในสภาพดีมาก และอย่างที่ทางเราโฆษณาออกไป ว่าจะลดให้อีก 10% ดังนั้นราคาขายจะอยู่ที่ 1.2 พันล้าน”
แน่นอน ว่ามันถูกกว่าซื้อข้างนอกมากจริงๆ เพราะราคาตลาดอย่างน้อยก็มากถึง 1.4 พันล้าน
หมาในพยักหน้า จากนั้นก็หยิบอุปกรณ์รูนมิติและสินค้าบางอย่างที่เขาคิดว่ามันไม่จำเป็นออกมา แต่พอนำมาขายกลับมีราคาสูงเป็นอย่างยิ่ง เพราะบางชิ้นมิใช่เรื่องง่ายที่จะได้ครอบครองมัน
“ที่อยากจะใช้แลกเปลี่ยนก็เป็นของพวกนี้”
ซูซิงฝูตรวจสอบสินค้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ทำการประเมินค่า “มิสเตอร์ ของเหล่านี้มีมูลค่าราวๆ 780 ล้านเหรียญ และเนื่องจากมันเป็นอุปกรณ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ ฉะนั้นทางเราต้องปรับลดราคาลงอีก แน่นอนว่าอุปกรณ์รูนมิติก็เช่นกัน ดังนั้นของทั้งหมดนี้รวมๆแล้วมีมูลค่าแค่ 700 ล้านเหรียญเท่านั้น … มันไม่พอที่จะใช้แลกเปลี่ยน”
หมาในขมวดคิ้ว สีหน้าแทบข่มความโหดเหี้ยมภายในเอาไว้ไม่ได้
“ไหนลองตั้งใจคำนวณราคาอีกทีซิ”
เจ้าตัวเผยทัศนคติอันแข็งกร้าว ปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล E ออกมา ทำเอาซูซิงฝูแทบหายใจไม่ออก
การแสดงออกบ่งบอกชัดเจน ว่าหมาในไม่พอใจกับราคานี้!
ใบหน้าอวบอ้วนของซูซิงฝูกระตุกวูบ แต่ไม่นานเขาก็เอ่ยปากอธิบาย “อย่างที่เคยโฆษณาไป ตลาดมืดของพวกเรามีนโยบายซื่อสัตย์กับลูกค้าก็จริง แต่ก็ซื่อสัตย์กับตัวเองเช่นกัน เดิมทีของพวกนี้ก็ไม่ใช่ของคุณอยู่แล้ว และทางเราก็ยินดีรับไว้ แต่หากจะใช้มันแลกเปลี่ยนกับอุปกรณ์รูน คงให้ไม่ได้จริงๆ”
หมาในกำลังคิดจะข่มขู่ต่อ แต่ในวินาทีนั้นเอง เขาพลันตระหนักได้ถึงพลังสมาธิล็อคลงบนร่างของตนเอง
มันคือพลังสมาธิที่น่าสะพรึงเป็นอย่างยิ่ง คล้ายกับว่าเพียงวูบเดียว ก็สามารถจัดการกับตนได้ อีกทั้งจุดที่พลังสมาธิเข้มข้นที่สุดยังตกลงกลางหว่างคิ้วเขา การกระทำนี้สื่อสารกลายๆว่า หากคิดสังหาร อีกฝ่ายสามารถบดขยี้หัวเขาได้อย่างง่ายดาย
หมาในกลายเป็นแข็งค้าง มิกล้าเปล่งวาจาใด และแน่นอนว่านี่มิใช่ฝีมือของใครอื่น
–เป็นฉินเฟิง!
หมาในฝืนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก กัดฟันกล่าวว่า “ก็ได้ๆ! ฉันรับข้อเสนอราคานี้ และจะเพิ่มเงินให้!”
หมาในเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้ว เสียใจที่ตนตัดสินใจมาที่นี่
แต่เขาไม่อาจทราบได้เลย ว่าจริงๆแล้วพลังสมาธินี่แท้จริงเป็นแค่การตรวจสอบของฉินเฟิง แต่หมาในกลับเป็นกังวลว่าฉินเฟิงจะโจมตีเขา ดังนั้นจึงเร่งขอซื้ออุปกรณ์รูนสีเงินของราชาคลั่ง
ซูซิงฝูสั่งพนักงานให้นำอุปกรณ์รูนออกมาอย่างรวดเร็ว และหลังจากหักราคาสินค้าที่นำมาขาย หมาในก็จ่ายเงินเพิ่มอีก 500 ล้าน เงินจำนวนนี้ทำเอาเจ้าตัวรู้สึกกระเป๋าเบาหวิว
แต่อุปกรณ์รูนสีเงินมีความจำเป็นสำหรับผู้ใช้พลังเป็นอย่างยิ่ง มันคือของดีที่สามารถช่วยชีวิตได้ ดังนั้นกัดฟันจำใจซื้อ
กระทั่งเวลานี้ พลังสมาธิของฉินเฟิงก็ยังมิคลายจากร่างของหมาใน ส่งผลให้หมาในไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม
“มิสเตอร์ ทางตลาดมืดของเรายังมีบริการรับส่งไปยังนอกเมืองให้ฟรี หากรถศึกของคุณจอดอยู่ในเมือง ทางเราสามารถส่งคนขับไปส่งมันแก่คุณได้ เพื่อที่คุณจะสามารถออกไปจากสถานชุมชนเฟิงหลีโดยไม่มีใครสังเกตเห็น … คุณต้องการรับบริการหรือไม่?” ซูซิงฝูเอ่ยถามอีกครั้ง
หมาในรู้สึกว่าหากยังยืนอยู่ที่นี่ ทุกวินาทีอึดอัดสุดแสน จึงผงกหัวรับข้อเสนอทันที และมอบกุญแจรถศึกของเขาให้อีกฝ่าย
ไม่นาน หมาในก็ได้นั่งลงบนรถไฟใต้ดิน แต่พลังสมาธิก็ยังคงตรึงอยู่บนร่างเขา จวบจนกระทั่งหมาในพ้นจากอาณาเขตของสถานชุมชนเฟิงหลี มันจึงหายไป
ฟู่ว ..
หมาในรู้สึกสะท้าน ทั้งตัวท่วมไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ
“เจ้าเด็กฉินเฟิง มันเป็นสัตว์ประหลาดรึไงกัน!”
เขาไม่คาดคิดเลย ว่าความแข็งแกร่งของฉินเฟิง จะแตกต่างจากตอนที่อยู่บนเกาะมากถึงขนาดนี้!
เอ๊ะหรือว่า … จริงๆแล้วบนเกาะ ฉินเฟิงยังคงซ่อนความแข็งแกร่งของตนไว้อยู่กันแน่?
จะยังไงก็ช่าง กล่าวโดยสรุปแล้ว หมาในโคตรจะโชคดี ที่ไม่คิดลงมือจริงๆ มิฉะนั้นบางที เขาคงไม่ได้ออกจากสถานชุมชนเฟิงหลีอีกตลอดกาล!
…
เมื่อมีหนึ่งย่อมมีสอง หลังจากการมาเยือนของหมาใน คนอื่นก็ทยอยกันมา ทั้งค่ำคืน เต็มไปด้วยผู้คนที่สวมใส่ชุดคลุมดำ
ตลอดทั้งคืน ซูซิงฝูออกมาต้อนรับผู้คนที่แต่งกายแตกต่างจากคนทั่วๆไป บางคนติดตราสัญลักษณ์เปิดเผยอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งซูซิงฝูจดจำได้ว่าเป็นคนจากเมืองเฉิงหยางและสถานชุมชนอื่นๆอีกหลายแห่ง แต่เขาก็ไม่ได้ซักไซ้ถึงมัน และมอบความสะดวกสบายให้แก่ทั้งหมดอย่างจริงใจ ธุรกิจตลาดมืดค่อยๆเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รับบางสิ่งมา และขายบางอย่างออกไป ขณะเดียวกันสินค้าบางชิ้นที่ยากต่อการแลกเปลี่ยน ก็จะถูกนำไปแอบขายให้กับกลุ่มหวันซ่ง กำไรในแต่ละการซื้อขายคือ 10% นี่นับว่าเป็นเม็ดเงินที่มหาศาลจนน่าอัศจรรย์ใจ
และเนื่องจากทางสถานชุมชนต้องการความร่วมมือกับกลุ่มหวันซ่ง ผู้จัดการซุนเซี่ยนประจำสาขาเฉิงเป่ย เลยถูกสั่งย้ายมายังสถานชุมชนเฟิงหลี หรืออาจกล่าวทางอ้อมได้ว่าได้กลายมาเป็นสมาชิกของสถานชุมชนเฟิงหลีเป็นที่เรียบร้อย
ธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยดี สถานชุมชนเฟิงหลีเองก็สงบสุข ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหา
มีเฉพาะเพียงผู้นำชั่วคราวของเมืองไห่เท่านั้น ที่เกลียดชังฉินเฟิงเข้ากระดูกดำ ต้องไม่ลืมนะว่าเขาไม่อาจปฏิบัติภารกิจของเล่ยเฉินที่เจ้าตัวสั่งทิ้งไว้ได้ นั่นหมายความว่าหากเล่ยเฉินกลับมา เขาจะถูกตำหนิอย่างแน่นอน
ฉะนั้นจะอย่างไรเขาต้องมอบบทเรียนให้แก่ฉินเฟิงให้จงได้!
ย้ายกลับมาทางด้านฉินเฟิง
ปัจจุบันเขาอยู่ในคฤหาสน์บนภูเขาแม่ โดยมีโจวฮ่าวกำลังนั่งอยู่ตรงข้ามในห้องฝึกฝน
ตอนนี้โจวฮ่าวได้ยกระดับขึ้นเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล F แล้ว แม้ในด้านการเติบโตจะเทียบไม่ได้กับฉินเฟิง แต่ก็เป็นพัฒนาการที่น่าอัศจรรย์ใจ
โจวฮ่าวถูกปลุกพลังได้แค่ 6 เดือน ดังนั้นก้าวมาได้ถึงระดับนี้ ไม่ถือว่าเชื่องช้าแต่อย่างใด
ฉินเฟิงหยิบหลอดทดลองออกมา กล่าวอธิบาย
“มันจะต้องรู้สึกเจ็บมากแน่ๆ ถ้านายคิดว่าทนไม่ไหว ฉันจะอัดนายให้สลบก่อน แบบนั้นจะได้ไม่รู้สึกอะไรมากนัก”
“หุบปากไปเลย แค่นี้ฉันทนได้อยู่แล้ว!” โจวฮ่าวสวน
ฉินเฟิงพยักหน้า เขานำเลือดมังกรที่ได้จากราชันย์จระเข้ เตรียมหยดลงตามจุดต่างๆบนร่างกายโจวฮ่าว ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่มัน กล่าวได้ว่าฉินเฟิงไม่ปล่อยเลือดของราชันย์จระเข้ไปอย่างเปล่าประโยชน์ ในช่วงเวลาที่มันถูกตัดหัวแม้สถานการณ์จะฉุกละหุก แต่ระหว่างที่คนอื่นๆกำลังสู้กันเอง ฉินเฟิงไม่ได้แยกตัวออกจากน้ำพุเลือดมังกร ดังนั้นนอกจากได้อาบมัน เขายังสามารถเก็บมาได้มากถึง 3 ขวด
แต่หลังจากกลับมา ฉินเฟิงไม่กล้าใช้มันกับโจวฮ่าวในทันที เขาสั่งให้อีกฝ่ายค่อยๆทานเนื้อราชันย์จระเข้เป็นเวลาหลายวันก่อนแทน เพื่อปรับสมดุล
และวันนี้คือวันแรกที่โจวฮ่าวจะได้รับเลือดมังกรจริงๆ
เลือดมังกรหยดหนึ่งร่วงตกลงมาบนแผ่นหลังของโจวฮ่าว มันละลายเข้าสู่ผิวหนังในชั่วพริบตา โจวฮ่าวสะดุ้งเฮือก เสียงอู้อี้เล็ดลอดออกมาจากไรฟัน แต่ถือว่าเขาอดทนได้ดีมาก
ฉินเฟิงเริ่มหยดเลือดลงต่อ โจวฮ่าวม้วนกลิ้งไปมากับพื้นทันที ผิวหนังทั้งกายเปลี่ยนเป็นสีแดง กระทั่งดวงตาก็ไม่เว้น คล้ายมิอาจทนไหวอีกต่อไป
“สงบสติไว้ ทนอีกหน่อย!” ฉินเฟิงตวาดตำหนิ
“เออ บิดาพยายามอยู่!” โจวฮ่าวกัดฟันสู้
แม้เลือดที่เขาดูดซับมาจะไม่มีพลังเท่ากับในตอนของฉินเฟิง แต่ด้วยความเข้มข้นของมันในปัจจุบันก็ถือว่าเหมาะสมกับโจวฮ่าวแล้ว ดังนั้นขอแค่กลั้นใจ โจวฮ่าวก็จะสามารถฝืนทนมันไหว
เมื่อเลือดหมดหลอด เจ้าตัวนั่งขวาทับซ้าย ฝึกฝนกำลังภายใน จมลงสู่ห้วงสมาธิ …