โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 254
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.254 – ความรู้สึกของผู้ชนะ
นอกหุบเขา กองทัพเฟิงหลีโห่คำรามก้อง
“เสี่ยวหวง!”
โจวฮ่าวแตะลงบนไหล่เขา มดตัวน้อยไต่ลงมาอย่างรวดเร็ว ยิ่งต่ำลง ขนาดตัวของมันก็ยิ่งใหญ่ขึ้น เมื่อตกถึงพื้น ก็มีขนาดพอๆกับรถบรรทุก
โจวฮ่าวพลิกตัวขึ้นไปบนมัน สั่งการโดยพลังสมาธิ นางพญามดทองกระพือปีก และเริ่มบินทันที นำหน้าไปก่อนใครเพื่อน
“โจวฮ่าว ฉันขอไปด้วย!” หลิวเฮ็ง วิ่งอยู่หลายก้าวถึงตามทัน เขากระโดดขึ้นไปบนตัวของนางพญามดทอง
“จับให้แน่นล่ะ!”
แล้วทั้งสองก็บินหายไป
ส่วนหลิวซูกับเหอหลังที่ล้าหลัง ใช้ออกด้วยวิชาตัวเบา ก้าวข้ามผ่านกองหิมะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงค่ายของกลุ่มตู่เซี่ย และพบว่าที่นี่มีสภาพไม่ต่างไปจากซากปรักหักพัง รถRV ถูกระเบิดทิ้ง หลงเหลือเพียงเต็นท์เดียวที่ยังมีสภาพดีอยู่ เปลวไฟลุกโชน จนบริเวณโดนรอบสว่างไสว
“ศัตรูบุกเข้ามาแล้ว!”
บางคนกรีดร้องหวาดกลัว
“นั่นราชันย์สัตว์ร้าย!”
“นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน? ทำไมถึงมีผู้ฝึกสัตว์ที่ครอบครองระดับราชันย์อยู่ได้?”
กลุ่มตู่เซี่ยตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
โจวฮ่าวล็อคเป้าไปยังผู้ใช้พลังเลเวล F คนหนึ่งอย่างรวดเร็ว ขณะที่คนอื่นๆ ไม่อยู่ในสายตา
“นั่นลิหูในประกาศจับ? ดีล่ะ! ค่าหัว 10 ล้านต้องเป็นของฉัน!”
นางพญามดทองพุ่งเข้าโจมตีอย่างดุร้าย
และทางฝั่งลิหู มีหรือจะกล้าต่อกรกับนางพญามดทอง? เขาสะท้านไปทั้งร่าง หันหลังกลับวิ่งหนีไป
แต่อาศัยเพียงฝีเท้าของเขา จะว่องไวไปกว่าระดับราชันย์ได้อย่างไร?
ไม่มัวเสียเวลาให้หนีไปได้ไกล หอกยาวแหลมก็พลันแทงทะลุมาจากเบื้องหลังทันใด
และถูกงัดขึ้นในพริบตา
“ตายซะ!”
โจวฮ่าวกุมหอกยาวกว่าสี่เมตรไว้ด้วยสองมือ จากนั้นก็พลิกข้อมือหดเอาหอกยาวกลับมา
ร่างที่บาดเจ็บร้ายแรงขอลิหูเองก็ถูกดึงเข้าหาโจวฮ่าวเช่นกัน โจวฮ่าวฉกมือออกไป คว้าเข้าใส่ต้นคอของฝ่ายตรงข้ามและ–
–กร๊อบ!
สังหารในกระบวนท่าเดียว! เริ่มปรากฏร่องรอยกระหายเลือดในแววตาของโจวฮ่าว
หากจะให้กล่าว นี่เป็นครั้งแรกที่โจวฮ่าวเข้าร่วมสงครามระหว่างมนุษย์ด้วยกัน แต่เขาในฐานะวัยรุ่นกลับไม่ตื่นเต้นหรือกระวนกระวายเลย ตรงกันข้าม กลับรู้สึกถึงเลือดลมในกายที่กำลังเดือดพล่าน
“ยังไม่พอหรอกนะ!”
นางพญามดทองสำแดงอำนาจ พุ่งอาละวาดเข้าหาเลเวล F คนต่อไปอีกครา
จากนั้น คนอื่นๆก็เริ่มตามมาสมทบ ผู้ใช้พลังของเฟิงหลีมากมายเข้าร่วมต่อสู้และเริ่มสกัดกั้นเลเวล F กลุ่มตู่เซี่ย และกวาดล้างเลเวล G ที่ยังหลงเหลืออยู่
ไม่นาน เสียงร่ำร้องแห่งความตายที่สะท้อนสะเทือนไปทั่วฟ้าท่ามกลางหุบเขาแห่งนี้ก็เงียบสงบลง
ขณะเดียวกัน ฉินเฟิงยังคงไล่ตามแมงป่องพิษ
“ไม่คาดคิดเลยว่าวิชาตัวเบาของแมงป่องพิษจะร้ายกาจถึงขนาดนี้ ชนิดที่ว่าต่อให้อัดฉีดกำลังภายในลงสู่ฝ่าเท้า ยังเกือบจะไล่ตามเขาไม่ทัน”
เวลานี้ คิ้วของฉินเฟิงขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แต่เขายังคงไล่ตามหลังแมงป่องพิษ ไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้
ถึงจะไม่สามารถไล่จนประชิดตัวได้ แต่ฉินเฟิงก็เลือกรักษาความเร็วของเขา ไม่ปล่อยให้แมงป่องพิษสลัดหลุด
“ถึงก้าวแห่งหมอกจะถูกนับว่าเป็นวิชาตัวเบาเหมือนกัน แต่นั่นแค่ในส่วนของการเคลื่อนไหว ไม่ใช่ความเร็ว ดูเหมือนว่าถ้าว่างๆฉันจำเป็นต้องหาวิชาตัวเบาที่ว่องไวกว่านี้ ติดตัวไว้บ้างซะแล้ว!”
แน่นอน ทักษะน่องวายุที่เคยมอบให้กับโจวฮ่าวก่อนหน้านี้ สามารถใช้เป็นวิชาตัวเบาได้ก็จริง แต่ฉินเฟิงมิอาจใช้งานมันได้ เนื่องจากปัจจุบันเขาครอบครองทักษะลับกลืนดารา จึงมิอาจฝึกฝนทักษะอื่น
ฉินเฟิงรู้สึกฟุ้งซ่านเล็กน้อย เขาเฝ้าขบคิดถึงทักษะกำลังภายในอื่นๆที่ตนน่าจะสามารถฝึกฝนได้ในตอนนี้ แม้ทั้งหมดที่นึกได้จะไม่เชื่องช้า
แต่เมื่อต้องมางัดกับวิชาตัวเบาของแมงป่องพิษ กลับไม่มีทักษะใดเลยที่สู้กับมันได้!
ขณะเดียวกัน แม้วิชาตัวเบาของฉินเฟิงจะเชื่องช้า ทว่าการใช้งานมันมิได้สูญเสียพลังงานแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกับแมงป่องพิษ ที่ถึงจะรวดเร็ว แต่ยิ่งใช้งาน พลังงานก็ยิ่งเหือดแห้ง!
“สารเลวเอ๊ย! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายังสลัดมันไม่หลุด!”
แมงป่องพิษหยิบขวดขนาดเล็กขึ้นมาจากพื้นที่มิติ เปิดจุกออก และเทยาข้างในเข้าปากตน
พริบตานั้นกำลังภายในที่กำลังลดฮวบ ถูกฟื้นฟูขึ้นมาบางส่วน แมงป่องพิษสามารถวิ่งหนีได้อีกครั้ง
คิ้วฉินเฟิงยับย่นยิ่งกว่าเดิม
“แมงป่องพิษเอ๋ย แกควรจะหยุดวิ่งได้แล้ว กินยาพวกนั้นไปมันก็เสียของเปล่าๆ มอบมันให้พรรคพวกของฉันที่ดักรออยู่ดีกว่า” ฉินเฟิงแสยะยิ้มหยัน
“ผายลมเถอะ!” แมงป่องพิษสับฝีเท้าไวยิ่งกว่าเดิม ไม่กล้าหยุดกระทั่งพักหายใจ เพราะมั่นใจว่ายังไงก็หนีพ้น
ก็เขาน่ะเร็วถึงขนาดนี้ และคงไม่มีใครเร็วยิ่งกว่า ดังนั้นเรื่องดักรอน่ะโกหกทั้งเพ!!
“หยุดเขา!” ฉินเฟิงร้องตะโกน
แมงป่องพิษบังเกิดความหวาดระแวง แต่ซ้ายขวา หรือข้างหน้าก็ไม่พบผู้ใด ขณะที่เจ้าตัวกำลังถอนหายใจ ในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นถึงร่างๆหนึ่งปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าอย่างกระทันหัน
–เป็นเด็กสาวทรงเสน่ห์ที่ครอบครองความงดงามชนิดล่มเมือง
ก็เหมือนกับฉินเฟิงซึ่งเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง ด้วยรูปลักษณ์ของไป๋หลี เธอเองก็เลยกลายเป็นที่รู้จักเช่นกัน
มีหลายคนบอกว่าไป๋หลีน่ะเป็นแฟนของฉินเฟิง แต่ก็แค่ถูกควงในฐานะเครื่องประดับสุดหรูแสนงดงามเท่านั้น อย่างไรก็ตาม บางคนก็กล่าวว่า ไป๋หลีทรงพลัง น่าเกรงขามไม่น้อยไปกว่าฉินเฟิงเลย
แต่ประโยคท้ายไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงนัก
ด้วยเหตุนี้ แมงป่องพิษจึงคิดว่าข่าวลือที่ถูกต้อง สมควรเป็นข้อแรกมากกว่า แต่ตอนนี้เจ้าตัวคงทราบแล้ว ว่าตนเองคิดผิดอย่างใหญ่หลวง
ฉัวะ!
แสงสีขาวห้าริ้วโถมเข้าทักทายเขา
อ๊ากกกกก!
แมงป่องพิษโหยหวนกรีดร้อง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองโดนอะไร แต่ตาข้างหนึ่งเจ็บปวดราวกับตกลงในนรก ปรากฏแผลลากยาวจากตาข้างที่ว่าไปจนถึงคาง ทั้งยังมีร่องรอยเลือดอีก 5 จุดบนหน้าอก ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยพละกำลังมหาศาล ส่งแมงป่องพิษปลิวกระเด็นขึ้นฟ้า
และตำแหน่งลงจอด ก็มาตกลงเบื้องหน้าฉินเฟิงพอดิบพอดี
ฉินเฟิงย่อเอว กระทุ้งหนึ่งหมัดลงบนตันเถียนของแมงป่องพิษ
“ทักษะลับกลืนดารา!”
อำนาจดูดกลืนอันแข็งกร้าว สูบกำลังภายในของแมงป่องพิษออกมา
แมงป่องพิษกระตุกไปทั้งร่าง กำลังภายในถูกพรากจากเขาไป ทั้งยังราวกับกำลังดูดกลืนพละกำลังของเขาไปด้วย
นั่นก็เพราะแต่เดิมที่แมงป่องพิษกำลังหลบหนี เขากระจายกำลังภายในไปทั่วร่าง ดังนั้นเมื่อถูกสูบด้วยทักษะลับกลืนดารา กระบวนการมันก็เหมือนเช่นเดียวกับการถูกสูบจากตันเถียน —กำลังภายในที่กระจายอยู่ทั่วร่าง ไหลผ่านตามเส้นลมปราณจากแขนขาถูกดูดกลืนสู่ฉินเฟิง
นี่ถือเป็นความผกผันของเส้นลมปราณ และช่วงเวลากระทันหันก็มิอาจต้านทานได้
เพียงพริบตาเดียว กำลังภายในของแมงป่องพิษก็ถูกย้ายจากตำแหน่งเดิมของมัน ความว่องไวจากวิชาตัวเบามลายเหือดหาย
จากนั้น มีดกษัตริย์ครามในมือฉินเฟิงก็ยกสูงขึ้น
“อย่า!!”
แมงป่องพิษดิ้นรนต่อต้าน ทว่าไร้ซึ่งพละกำลังจะขัดขืน และก่อนตาย ในแววตาของเขาก็ฟุ้งไปด้วยความสำนึกผิด คล้ายเสียใจ ว่าไม่น่าไปยั่วโมโหฉินเฟิงเลย
พรวดดด!
คมมีดตวัดลง ศีรษะของแมงป่องพิษถูกตัดโดยฉินเฟิง เขาสะบัดมือออกไป ใช้พลังสมาธิห่อหุ้มหัวแมงป่องพิษเอาไว้ และเก็บเข้าสู่พื้นที่มิติ
“จงลุกไหม้”
เปลวไฟขนาดเล็กปะทุขึ้น ตกลงบนร่างของแมงป่องพิษ เผาศพอาวุโสองค์กรมืดที่ออกอาละวาดไปทั่วทั้งสามเฉิงนานนับปี ผลาญเพชฌฆาตที่สังหารผู้คนไปนับไม่ถ้วนกลายเป็นขี้เถ้า
ภายใต้เปลวไฟ หลงเหลือเพียงอุปกรณ์รูน ฉินเฟิงเก็บพวกมันขึ้นมา
จากนั้น ฉินเฟิงก็นำไป๋หลีกลับไปทางฝั่งค่ายกลุ่มตู่เซี่ย
ปัจจุบัน การต่อสู้ได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว แม้ผู้ใช้พลังเลเวล F ในกลุ่มตู่เซี่ยจะมีมากกว่าที่คิด แต่เมื่อต้องเผชิญกับนางพญามดทองของโจวฮ่าว ต่อให้มีเลเวล F นับสิบก็ไม่นับเป็นสิ่งใด
อีกทั้งยังมีกว่า 300 ชีวิตที่ตกตายภายใต้กระสุนปืนใหญ่ ดังนั้นพอกองทัพจากสถานชุมชนเฟิงหลีบุกเข้ามา คนเหล่านี้เลยมีสภาพดั่งสุนัขถูกตัดขา ไร้ซึ่งกำลังจะต่อกร ถูกเชือดทิ้งอย่างรวดเร็ว
บนพื้นดิน ซากศพไหม้เกรียมถูกวางซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยร่องรอยของการต่อสู้สดใหม่ เลือดเจิ่งนอง ส่งกลิ่นสาบไปทั่ว
ฉินเฟิงปรากฏกายขึ้นท่ามกลางทะเลเพลิงที่ลุกโชน ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เขา
สำหรับบางคน นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ตนเข้าร่วมการปิดล้อม และปราบปรามองค์กรมืดกลุ่มใหญ่เช่นนี้ ดังนั้นสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
แต่สั่นสะท้านที่ว่า ไม่ได้บ่งบอกถึงความหวาดกลัวเพียงอย่างเดียว … มันอาจบ่งบอกถึงความตื่นเต้นได้เหมือนกันนี่ … จริงไหม?
ฉินเฟิงหยุดฝีเท้า กวาดสายตามองดูเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
หนึ่งมือวาดออกไป ชี้ไปทางศพศัตรูที่กองพะเนินซ้อนกัน
ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ท่วมไปด้วยแอ่งเลือด ดูน่าสยดสยองที่สุด
“เห็นนั่นไหม?”
ฝูงชนไม่ตอบเขา
“นั่นคือฉากที่มีเพียงผู้ชนะเท่านั้นจึงจะได้เห็นมัน”
“หากพ่ายแพ้ ก็จะกลายเป็นพวกคุณซะเองที่นอนกองกลายเป็นศพ!”
“ดังนั้น จงพยายามให้มากเข้าไว้ จงฝึกฝนให้หนัก ก้าวตามผมมาให้ทัน หลังจากนั้น พวกคุณก็จะได้เห็นภาพแบบนี้มากขึ้น ทั้งยังสามารถเผชิญหน้ากับทุกสิ่งได้โดยไม่ต้องหวั่นเกรง!”
“นี่แหละคือ ‘ความรู้สึกของผู้ชนะ’ ที่ผู้พ่ายแพ้ไม่มีวันได้ลิ้มรส!”