โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 265
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.265 – สิ่งเดียวที่คุณทำได้
ผู้ใช้พลังเลเวล G8 คนนี้ ถือว่าได้เป็นลูกน้องคนสนิทของหยางปิง ชื่อว่าเทียนเมี่ยว
และยังเป็นคนที่ฉินเฟิงรู้จักดี เพราะคนที่ขับเรือเร็วมากับหยางปิงเมื่อวันก่อนก็คือเขานั่นเอง
“มีอะไรงั้นหรอ?” ฉินเฟิงมองอีกฝ่าย เนื่องจากเคยผ่านความเป็นตายมาด้วยกัน น้ำเสียงที่ถามเลยไม่แข็งกระด้างจนเกินไป
สายตาของเทียนเมี่ยวแสดงออกถึงความยำเกรงต่อฉินเฟิง เขาเร่งกล่าว “ผู้บัญชาการหยางไม่สามารถออกห่างจากแนวหน้าได้ เลยส่งฉันมาเชิญคุณเข้าร่วมสู้ในแนวหน้า!”
ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็นชา สีหน้าไม่คิดปิดบังความรู้สึกใด
หัวใจของเทียนเมี่ยวเต้นระรัว ในฐานะคนสนิทของหยางปิง เขาจึงรู้เรื่องราวหรือแผนการต่างๆมากมาย เมื่อเห็นท่าทีของฉินเฟิง เขาก็ทราบได้ทันทีว่าฉินเฟิงไม่ยินดีที่จะไป
“ผมจะไม่ทำให้คุณลำบากใจหรอก ไปบอกหยางปิงว่าถ้าอยากให้ช่วย ก็ติดต่อมาด้วยตัวเอง” ฉินเฟิงกล่าวน้ำเสียงเย็นชา
เทียนเมี่ยวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สุดท้ายพยักหน้ารับคำ “รับทราบ รับทราบแล้ว!”
ว่าจบเจ้าตัวก็เร่งส่งข้อความไปทันที –ราวกับระยะเวลายืดยาวเชื่องช้าออกไป ระหว่างเฝ้ารอคำตอบ หน้าผากของเทียนเมี่ยวชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ฝั่งฉินเฟิงดูจะไม่แยแสใดๆ วางตะเกียบลง ยกน้ำจิบอย่างไม่ใส่ใจ
แต่ไป๋หลีดูเหมือนจะยังไม่พอ เธอคีบอาหารกินด้วยความสุข พ่อครัวก็ไม่หยุดมือ ยังคงคิดว่าวิธีปรุงอาหารให้ดียิ่งขึ้นต่อไปเรื่อยๆ และจัดลงจานเสิร์ฟให้แก่ไป๋หลี
ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!
อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงสั่นไหว พอเห็นว่าปลายสายคือใคร มุมปากก็พลันยกสูงขึ้น
“มีเรื่องอะไรงั้นหรือผู้บัญชาการหยาง?” เมื่อเห็นหน้าตาเฉยเมยของฉินเฟิง หยางปิงก็ยิ่งรู้สึกวิตกกังวล
หลังจากต่อสู้มาตลอดทั้งคืน หยางปิงตกอยู่ในอาการเหนื่อยล้า สง่าราศรีดูหมองลงไปมาก
ไม่ใช่แค่ไม่ได้นอน แต่พลังสมาธิยังเหือดหาย ขอบตาเลยดูหมองคล้ำ แววตามืดมนลง
“ผู้ว่าการฉิน คลื่นกองทัพสัตว์ทะเลระลอกใหม่กำลังจะมาแล้ว” หยางปิงกล่าวด้วยความวิตก “ได้โปรดรีบมาที่แนวหน้าเถอะ!”
รอยยิ้มของฉินเฟิงจางหายไป
“ไม่ใช่ว่านั่นเป็นเรื่องปกติหรอกหรือ? คุณคิดว่าบนเกาะพิทักษ์ผมไม่เจอคลื่นกองทัพสัตว์ทะเลเลยรึยังไงกัน?”
หยางปิงสะดุ้ง แม้จะคาดเดาไว้ก่อนแล้ว แต่เมื่อได้ยินจากปากของฉินเฟิงเอง เขาก็อดตกใจไม่ได้อยู่ดี
นี่หมายความว่า กองทัพสัตว์ทะเลทั้งหมดในช่วงก่อนหน้านี้ ฉินเฟิงสามารถเผชิญหน้ากับมันโดยอาศัยความแข็งแกร่งของตนเพียงลำพังอย่างงั้นหรือ?
“ผู้บัญชาการหยาง ผงหอมนั่นใช้ได้ผลดีทีเดียว มันช่วยให้สัตว์ทะเลเกือบทั้งหมดไม่ไปที่ชายฝั่งเมืองไห่เลย … แต่ดันมากระจุกตัวอยู่ที่ปราการศิลาดำแทน!”
“พูดแล้วก็น่าเสียดาย ที่ปราการศิลาดำไม่ทนทานมากพอ มิฉะนั้นมันคงช่วยสกัดสึนามิและยื้อพวกสัตว์ร้ายเอาไว้ได้มากกว่านี้ จนจบช่วงเทศกาลบุกชายฝั่งของกองทัพสัตว์ทะเล”
ใบหน้าของหยางปิงกลายเป็นเขียวคล้ำ เวลานี้เขาเริ่มรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ที่รู้สึกมากยิ่งกว่าคือความหวาดกลัว!
“ผู้ว่าการฉิน ผงหอมนั่นมันเรื่องอะไรกัน ฉันไม่เข้าใจ? แต่ถ้าผู้ว่าการฉินบอกว่ามันใช้งานได้ดี นั่นแสดงว่ามันเป็นของดีจริงๆ!”
สีหน้าของฉินเฟิงสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง ‘หยางปิงรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่กลับไม่กล้ายอมรับ’
ฉินเฟิงไม่เอ่ยคำใดอีก เพียงยกน้ำขึ้นจิบ หยางปิงไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้อีกเช่นกัน เบนหัวข้อสนทนา พยายามโน้มน้าวใจเขาต่อไป
“ผู้ว่าการฉิน ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย ที่นี่วุ่นวายมากจริงๆ ฉันต้องต่อสู้ตลอดทั้งคืน พวกเราทุกคนเหนื่อยกันมาก!”
“อ๋อเหรอ ผมสู้คนเดียวมามากกว่า 10 วัน ยังไม่เห็นจะบ่นว่าเหนื่อยเลย ของคุณแค่วันเดียวก็เหนื่อยซะแล้ว แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้บัญชาการหยางคงใช้ชีวิตสะดวกสบายเกินไปสินะ?” ฉินเฟิงเหน็บแนมเขา
“ในเมื่อคุณยังไม่ทุ่มเทมากพอ งั้นผมจะขอบายก็แล้วกัน เพราะส่วนตัวผมคิดว่าผมทำงานคุ้มค่าจ้างที่เมืองไห่มอบให้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ได้เผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายระดับสูง อีกอย่าง ทางคุณเองก็มีเทศมนตรีเล่ยอยู่ไม่ใช่หรือ ทำไมไม่ไปขอร้องเขา แต่ดันมาขอร้องคนต่างเมืองอย่างผมล่ะ จะทำเรื่องราวให้มันยุ่งยากไปทำไม?”
ลิ้นของหยางปิงรับรู้ได้ถึงความฝาดขม ก็ถ้าเล่ยเฉินอยู่ที่นี่ หยางปิงจะร้อนรนถึงขนาดนี้ไปทำไมกัน?
ที่ทุกอย่างมันโกลาหลแบบนี้ ก็เพราะเล่ยเฉินไม่อยู่ในเมืองน่ะสิ!
ฉินเฟิงพอเห็นสีหน้าของหยางปิง ก็ทราบได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่าเล่ยเฉินจะไม่ได้อยู่ที่น
แต่นั่นถือเป็นเรื่องปกติที่เล่ยเฉินจะไม่อยู่ เพราะอิงตามความทรงจำในชีวิตก่อนหน้าของฉินเฟิง ผู้คนในกลุ่มเลเวล D ไม่ว่าจะเป็นในเขตสี่ทะเลเหนือ หรือในสามเฉิง ต่างมีภารกิจสำคัญที่ต้องกระทำ
“เอาล่ะ ผมจะกลับที่พักแล้ว ทางผู้บัญชาการหยางก็พยายามเข้าล่ะ” ไม่รอให้พูดอะไรเพิ่มเติมอีก ฉินเฟิงวางสายทันที
หยางปิงรู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง แต่ยังไงเขาก็ไม่สามารถบังคับให้ฉินเฟิงเข้าร่วมการต่อสู้ได้
ฉะนั้นจะกังวลต่อไปก็เปล่าประโยชน์ หยางปิงติดต่อกับหวังจื่อเฉาทันที
“ฮึ่ม ไอ้ขยะนั่นไม่มาก็ช่างหัวมัน หยิ่งยะโสเหลือเกิน คิดว่าตัวเองเก่งคับฟ้ารึยังไง? อย่างมันน่ะหรือสามารถกำจัดกองทัพสัตว์ร้ายด้วยตัวคนเดียว? มันโกหกแกชัดๆ” หวังจื่อเฉาก่นด่า
เพราะสองนายพลสัตว์ร้ายในคลื่นกองทัพก่อนหน้านี้ กว่าจะกำจัดลงได้ จำเป็นต้องใช้ปืนใหญ่พลังงานขั้นสูง
ซึ่งกระสุนของปืนใหญ่พลังงานขั้นสูงนี้มีราคามากถึง 100 ล้านต่อลูก เป็นกระสุนแบบเดียวกันกับที่ชิหลงเคยใช้ในตอนอยู่เมืองหาน
มันทรงพลังมากก็จริง แต่ก็แพงมากเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อใช้งานกับสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ เพราะนั่นหมายความว่านัดเดียวคงไม่พอ
จำเป็นต้องยิงออกไปกว่า 5 นัดถึงจะสงบลง 500 ล้านหายวับไปในพริบตา
ซึ่งถ้าปัญหาสามารถแก้ไขได้ด้วยเงิน หวังจื่อเฉามีหรือจะสั่งให้คนไปตามตัวฉินเฟิง
กระสุนนัดละ 100 ล้านในคลังของพวกเขา มีตุนไว้ไม่มากนัก
และเท่าที่ตาเห็น เหมือนว่าสึนามิลูกต่อไป กำลังมาเยือนในอีกไม่ช้า
“ช่างเถอะ คราวนี้ฉันจะไปที่นั่นด้วย ”
เมื่อตั้งปณิธานแน่วแน่ หวังจื่อเฉาก็สั่งคนขับรถพาเขาไปยังแนวหน้า
อ้างอิงตามในทุกๆปี กระแสกองทัพสัตว์ร้าย ยิ่งระลอกหลัง สัตว์ร้ายที่ติดมาก็ยิ่งสมควรอ่อนแอ!
แต่น่าเสียดาย ที่หวังจื่อเฉาคงต้องผิดหวัง —คลื่นยักษ์คราครั้งนี้ มันพัดพานายพลสัตว์ร้ายมาด้วยมากถึง 5 ตัว!
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ปัจจุบันปราการศิลาดำได้พังทลายลง ทั้งบนเกาะพิทักษ์ยังเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้ของฉินเฟิง เลือดระดับราชันย์หลั่งรินแทรกซึมสู่ผืนดิน ดังนั้นเหล่าสัตว์ทะเลพอถูกพัดมาถึงเกาะพิทักษ์ จึงไม่ยินดีที่จะหยุดต่อ อีกทั้งเบื้องหลังยังมีสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ดังนั้นไม่กล้าถอยกลับ ได้แต่ยอมถูกพัดพามากับคลื่น ซัดสาดเข้าสู่ชายหาดเมืองไห่
ใบหน้าของหวังจื่อเฉากลายเป็นเขียวคล้ำ เฝ้ามองตัวสแกนจากโดรน เห็นได้ชัดว่าเกิดความลังเลที่จะออกหน้าลงมือ เขาเอ่ยเสียงทุ้ม
“หยางปิง ที่แกพูดกับฉินเฟิงเมื่อกี้ มันบอกว่าทำงานคุ้มค่าเงินแล้วใช่ไหม? งั้นถ้าเราอยากจะให้มันลงมืออีกครั้ง คงเหลือวิธีเดียวคือต้องใช้เงินฟาดหัวสินะ …”
หยางปิงตะลึงงัน ขบคิดสักพักและกล่าว “คิดว่า … น่าจะเป็นแบบนั้น”
จริงๆแล้วฉินเฟิงไม่ต้องการมา เขาแค่ใช้เรื่องเงินเป็นข้ออ้าง ไม่ใส่ใจเรื่องนี้สักนิด ทว่ายามเมื่อมองไปยังใบหน้าที่กลายเป็นน่าเกลียดของหวังจื่อเฉา หยางปิงก็ไม่กล้าเอ่ยออกมาตรงๆ!
หวังจื่อเฉากล่าวทันที “ติดต่อฉินเฟิง บอกไปว่าทางเราจะมอบเงินให้มัน 100 ล้าน ต่อการสังหารนายพลสัตว์ร้าย 1 ตัว จะทำรึเปล่า!”
นี่อาจฟังดูเป็นค่าจ้างมหาศาล แต่ปัจจุบันไม่มีใครสามารถต่อกรกับนายพลสัตว์ร้ายเลเวล E ได้เลย หากต้องงัดกระสุนราคานัดละ 100 ล้านออกมายิงอีกครั้ง พวกเขาสู้จ้างฉินเฟิงไม่ดีกว่าหรือ?
หยางปิงรีบทำการติดต่ออย่างรวดเร็ว
“ท่านรองเทศมนตรี ฉินเฟิงตอบกลับมาว่า วัตถุดิบทั้งหมดจะต้องตกเป็นของเขาด้วย”
หวังจื่อเฉาโกรธเคืองสุดแสน แต่ทำได้เพียงกัดฟันกล่าว “บอกเขาว่าตกลง!”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉินเฟิงก็ปรากฏกายขึ้นข้างๆปราการที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ อันที่จริงตรงจุดนี้มันอยู่ใกล้กับเมืองไห่มาก ชนิดที่ว่าหากเกิดการต่อสู้ขึ้น เสียงจะสะท้อนไปถึงใจกลางเมือง และทุกคนจะได้ยินถึงเสียงคำรามของสัตว์ทะเลขนาดใหญ่บางตัว
และหากปราการถูกทำลาย สัตว์ทะเลก็จะทะลักเข้าสู่เมืองไห่ เหตุนองเลือดจะเริ่มต้นขึ้น สำหรับสัตว์ทะเลแล้ว นี่ถือเป็นงานเลี้ยงฉลองชัยครั้งใหญ่
ฉินเฟิงมาถึงปราการ เขาได้เปลี่ยนมาใส่ชุดต่อสู้แล้ว มันช่างดูสง่าและหล่อเหลา แต่กลับไม่มีท่าทีตื่นเต้นเหมือนวัยรุ่นทั่วๆไป ตรงกันข้าม ห้วงอารมณ์และท่าทีของเขาเงียบสงบและเยือกเย็น ชวนให้ผู้คนรู้สึกยะเยือกไปด้วย
อย่างไรก็ตาม หวังจื่อเฉาที่ออกมาต้อนรับฉินเฟิง สนทนาด้วยวาจาไม่สุภาพเป็นอย่างยิ่ง
“ผู้ว่าการฉินดื้อรั้นนัก ฉันต้องแทบก้มลงอ้อนวอนถึงจะยอมลงมือ”
ฉินเฟิงยิ้มหยัน “เพราะนั่นคือสิ่งเดียวที่คุณทำได้ และจากนี้ไป ถึงตาผมทำในสิ่งที่ตนสามารถทำได้บ้างแล้ว!”