โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 285
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.285 – เพียงหนึ่งสังหารนับสิบ
“ฆ่า! ทุกคนช่วยกันฆ่ามัน!”
ฉินเฟิงส่งเสียงหึๆในลำคอ พลังสมาธิล็อคใส่ผู้ใช้วรยุทธโบราณคนแรกที่ทะยานเข้ามาเบื้องหน้าเขา
“โอบกอดทมิฬ!”
“ก้าวแห่งหมอก : ท่าร่างภูติพราย!”
ฉินเฟิงลอบใช้อบิลิตี้อย่างลับๆ ขณะเดียวกันความเร็วของเขาพุ่งสูงขึ้น
กำลังภายในอันมหาศาล ทะลายพลังป้องกันร่างกายของอีกฝ่ายทันที เมื่อไร้ซึ่งกำลังภายในคอยขวางกั้น ในสายตาของฉินเฟิง ศัตรูก็ไม่ต่างไปจากสุนัขที่พร้อมถูกไม้ไล่ตะเพิด
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าการบดขยี้ของกำลังภายใน
ปุ!
หัวกระเด็นขึ้นฟ้า เลือดสาดกระจาย
นักฆ่าคนหนึ่งตกลงสู่ความตาย!
ฉินเฟิงหันกลับมา กำลังภายในพลุ่งพล่านเดือดดาล กระโจนเข้าหานักฆ่าคนต่อไป เริ่มละเลงสังหารหมู่ครั้งใหญ่
“อ๊—-”
มือปืนอีกคนถูกฝ่ามือเฉือนเข้าที่ลำคอ ยังไม่ทันกรี๊ดร้องสุดเสียง ก็สูญสิ้นเรี่ยวแรง ร่วงแหมะลงกับพื้น
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”
ผู้ใช้อบิลิตี้ มองฉินเฟิงที่แม้จะถูกท่าคลื่นเปลวเพลิงของตนโถมเข้าปกคลุม แต่ก็ยังไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ กลับกลายเป็นตนซะอีกที่ถูกสะเก็ดไฟกระเซ็นเข้าตา ในจังหวะที่อีกฝ่ายโฉบกายเข้ามา พร้อมเหวี่ยงหมัดงัดเข้าเต็มชายโครง
เมื่อต้องเผชิญกับพละกำลังมหาศาล ร่างกายที่อ่อนแอของผู้ใช้อบิลิตี้ไม่อาจทานรับไหว ถูกบดขยี้โดยตรง มีสภาพไม่ต่างไปจากพายเนื้อ!
สังหารลงได้อีกหนึ่ง!
เมื่อใช้บ่อยๆ ฉินเฟิงก็เริ่มชำนาญท่าร่างภูติพรายมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การปิดล้อม กลับไม่มีใครเลยที่สามารถจับตัวเขาได้ เหล่านักฆ่าระดมโจมตีมั่วซั่วไปหมด แต่คนที่ได้รับบาดเจ็บ กลับมีเพียงฝ่ายเดียว!
การต่อสู้ดำเนินไปได้เพียง 10 นาที แต่กลับมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 คน!
ที่เหลืออยู่อีกไม่ถึงครึ่งรู้สึกหวาดกลัวจับใจ
นี่พวกเขากำลังต่อสู้กับผีสางตนใดกันแน่?
“ถอย!”
“สู้ต่อไม่ไหวแล้ว!”
“เงินก็ยังไม่ได้ ไม่สมควรเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่!”
นักฆ่าคนหนึ่งโวยวาย เริ่มล่าถอยทันที คนอื่นๆไม่รอช้า วิ่งตามไปติดๆ
ฝีเท้าของฉินเฟิงหยุดลง ไม่ตั้งใจจะไล่ติดตามพวกเขาไป
สองมือพลิกตลบ กวาดเอาสินสงครามจากพวกนักฆ่าที่จบชีวิตลง ทุกศพคุ้นหน้าบ้าง ไม่คุ้นหน้าบ้างหน้า ล้วนถูกตัดหัวจนสิ้น
เพราะบางคนอาจมีหมายจับ ฉะนั้นสามารถนำหัวไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินบางส่วนได้
คนที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ในมุมมืด เมื่อเห็นฉินเฟิงทำเช่นนั้น ก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
จู่ๆพวกเขาก็รู้สึกว่าหากเทียบกับตระกูลซงแล้ว บลัดฮันเตอร์ผู้นี้ ยังดูเป็นบุคคลที่อันตรายยิ่งกว่าซะอีก
ฉินเฟิงเริ่มเดินทางต่อบนถนนสายหลัก เดินทางในที่นี้คือเดินจริงๆ มิได้เรียกใช้งานรถล่องเวหา เผยตัวกันโต้งๆอย่างทรนงไปตลาดเส้นทาง
กองทัพสังหารระลอกแรกสิ้นสุดลง ตระกูลซงแน่นอนย่อมส่งคนมาตรวจสอบ
จุดประสงค์ของพวกเขาเรียบง่ายมาก นั่นคือต้องการนำอุปกรณ์รูนมิติของซงหยูเหิงกลับมา เพราะสิ่งที่อยู่ภายในมันมีมูลค่ามากกว่าหมื่นล้าน
แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าพวกนักฆ่าเลเวล E ที่ส่งไป จะตกตายลงอย่างน่าสังเวช ถูกกวาดแทบเกลี้ยงซะเอง
ข่าวนี้ถูกส่งกลับไปยังตระกูลซง เกิดความโกลาหลขึ้นทันใด
“สารเลว!” ซงหยูไคโกดวงตาแดงก่ำ เฝ้ามองวิดีโอบนอุปกรณ์สื่อสาร ความโกรธเพิ่มเป็นเท่าทวี
อย่างไรก็ตาม ในหัวใจของซงหยูไคกลับบังเกิดความหนาวเหน็บ กลายเป็นเย็นยะเยือก
คนอื่นๆที่เห็นท่าทีโกรธเกรี้ยวของซงหยูไค ก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรกับเขา
“ปล่อยข่าวออกไป ว่าอุปกรณ์รูนมิติที่อาวุโสห้าครอบครอง มีมูลค่านับหมื่นล้าน!”
“อาวุโสเจ็ด เท่าเช่นนั้น–”
“นี่ … เจ้าต้องการให้ผู้ใช้พลังเลเวล D เคลื่อนไหวงั้นหรือ? ทำแบบนี้ต่อให้บลัดฮันเตอร์ตายลงจริงๆ แต่พวกเราคงไม่ได้รับของกลับมา”
“ยิ่งไปกว่านั้นแล้วศักดิ์ศรีของตระกูลซงเล่า? จะไปอยู่ที่ไหน?”
ซงหยูเหิงเสียชีวิต แต่ทางตระกูลซงยังไม่ยอมรับ ฉินเฟิงเองก็ไม่ได้แสดงหลักฐานใดๆออกมา ดังนั้นมีคนไม่น้อยที่ยังไม่เชื่อ
แต่หากประกาศเรื่องอาวุโสห้าจบชีวิตลงออกไป นั่นไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าตนเองหรอกหรือ?
“หุบปากซะ คิดว่าเรื่องนี้ข้าไม่รู้รึไง ถึงเจ้าไม่บอก แต่ตอนนี้พวกระดับสูงบางคนคงเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ฉะนั้นปล่อยข่าวแบบนี้ออกไปนั่นแหละถึงจะดี ทั้งยังมีโอกาสมากกว่าที่จะได้คืน ทั้งยังช่วยให้บลัดฮันเตอร์ถูกไล่ล่าจนเหนื่อยล้ายิ่งกว่าเดิม” ซงหยูไคกล่าว
ผู้คนลองคิดตามดู ก็รู้สึกว่าคำกล่าวของซงหยูไคมีเหตุผล
“ข้าจะไปเรียกอาวุโสสามกับอาวุโสหก ดูเหมือนว่าคราวนี้ พวกเราจะต้องเป็นคนลงมือเองแล้ว!” ซงหยูไคกล่าว
เป็นธรรมดาที่พวกเขาต้องลงสู่สนามรบ เพราะยิ่งบลัดฮันเตอร์สังหารผู้คนไปมากเท่าไหร่ นั่นหมายความว่าเขาสามารถสั่งสมสินสงครามได้มากขึ้นเท่านั้น
ความมั่งคั่งจะกระตุ้นผู้คน สุดท้ายเกิดการแย่งชิง และทางตระกูลซงไม่ต้องการปล่อยให้ทั้งหมดตกอยู่ในมือคนอื่น
ในกรณีที่มีคนสังหารบลัดฮันเตอร์ได้ก่อนที่พวกเขาจะไปถึง ถึงเวลานั้นค่อยใช้วิธีข่มขู่เพื่อชิงของมาก็ได้!
วิธีการของตระกูลซงในครั้งนี้ คล้ายคลึงกับในตอนฉินเฟิง ที่เสนอรางวัลนำจับกลุ่มตู่เซี่ย ปล่อยรางวัลเอง สุดท้ายฮุบรางวัลเอง แทบไม่ต่างกัน
แต่ว่านะ แม้จะวิธีการเดียวกัน แต่ผลลัพธ์มันจะเป็นเหมือนกันกับในคราวของกลุ่มตู่เซี่ยจริงๆน่ะหรือ?
…
บนทางหลวง ฉินเฟิงยังคงเดินไปตามเส้นทางของเขา เจ้าตัวทราบดีว่ายังมีบางคนคอยจับจ้องอยู่ในที่ลับตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สนใจคนเหล่านี้
ในเมื่อไม่กล้าเสนอหน้าออกมา ฉินเฟิงก็คร้านจะใส่ใจ แต่ในตอนนั้นเอง บนทางหลวงเบื้องหน้า พลันปรากฏร่างของคนๆหนึ่งหยัดยืนอยู่
ฉินเฟิงชะลอฝีเท้า
สายตาของเขาเริ่มจับจ้องสำรวจ พบว่าอีกฝ่ายสวมชุดต่อสู้ระดับสูง เป็นอุปกรณ์รูนเลเวล D สีม่วง ทั้งบนหน้าอกยังติดโลโก้เลเวล D 2
แต่ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ ใบหน้าของเขาสวมใส่หน้ากากเอาไว้ คล้ายกับต้องการซ่อนตัวตน
แต่ตัดสินจากผิวหนังของอีกฝ่าย คาดว่าน่าจะชราภาพแล้ว อายุต้องไม่ต่ำกว่า 60 ปีแน่นอน!
ฉินเฟิงหยุดยืนเบื้องหน้าเขา
“สวัสดีบลัดฮันเตอร์” ชายคนนั้นทักทายคำหนึ่ง กล่าวด้วยโทนเสียงที่ดูคลุมเครือ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากล้าท้าทายตระกูลซง ข้าผู้เฒ่าขอชื่นชมในความกล้าหาญของเจ้า แต่ปัญหาที่เจ้าผูก เกรงว่าคงไม่อาจถอน ไม่มีทางหลบหนีตระกูลซงไปได้”
ฉินเฟิงรับฟังอย่างสงบ เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยจบก็เปิดปากถาม “เช่นนั้นท่านผู้เฒ่ามีความคิดเห็นว่าสมควรทำอย่างไร?”
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าครอบครองอุปกรณ์รูนมิติของซงหยูเหิง เหตุใดไม่มอบมันให้แก่ข้าเล่า แล้วข้าจะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของคนอื่นให้เจ้าเอง” ชายคนนั้นกล่าว
ฉินเฟิงหัวเราะหยัน กล่าวประชดประชัน “เห? เป็นความคิดที่ดีนี่นา”
หน้าอกของผู้เฒ่ากระเพื่อมเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาเริ่มแข็งกระด้าง “ข้ายินดีช่วยเหลือเจ้า อย่าตอบแทนเจตนาดีโดยการแสดงท่าทีเช่นนั้น จงมอบมันให้แก่ข้า แลกกับเจ้าสามารถรักษาชีวิตน้อยๆของตนต่อไป!”
“คุณนั่นแหละหลีกทางให้ผมซะ ถ้ายังไม่อยากตายท่ามกลางทุ่งล่า!” ฉินเฟิงกล่าวเสียงจม
ผู้เฒ่าเบื้องหน้าเขา คิดว่าไม่น่าจะใช่คนขององค์กรมืด บางทีอาจอยู่ในกลุ่มพันธมิตรมนุษยชาติด้วยซ้ำ ทั้งยังไม่ใช่การดำรงอยู่ที่อ่อนแอ แต่อีกฝ่ายดันคำนวณผิด ไม่ควรมาหาเรื่องฉินเฟิง!
“ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเลือกอื่น เป็นเจ้าที่บีบให้ข้าผู้เฒ่าลงมือ!”
ผู้เฒ่าประสานมือคำนับ หลังโค้งกายก็พลันระเบิดกระบวนท่าสังหารออกมาทันที
นั่นเพราะเขาตระหนักดี ว่าผู้ที่สามารถสังหารซงหยูเหิงได้ ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา
และตัวเขาไม่ปรารถนาจะดำเนินตามรอยเดียวกับซงหยูเหิง
“ใครดีมาก็ดีตอบ แต่ถ้าใครยั่วโมโหมา ก็อย่าหาว่าผมไม่ปราณี!” ฉินเฟิงถอนหายใจ “ในเมื่อคุณตั้งใจจะฆ่าผม เช่นนั้นผมก็จะไม่ยั้งมือเหมือนกัน!”
หากผู้เฒ่าคนนี้อยากได้แค่เงิน ด้วยความแข็งแกร่งเลเวล D2 ของเขา ถ้าสู้กันโดยอาศัยเพียงกระบวนอีกฝ่ายน่าจะสามารถคว้าชัยไปครอง มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่ฉินเฟิงจะจบชีวิตลง
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่ใจดีถึงขนาดนั้น ทุกครั้งที่คุณยิ้มให้กระจก กระจกก็จะยิ้มให้แก่คุณ แต่ยามใดคุณทำหน้าถมึงทึงใส่มัน มันก็จะสะท้อนใบหน้าเช่นนั้นกลับมา!
ผู้เฒ่ากล่าวด้วยความเมตตา ทั้งยังบอกจะไม่ฆ่าฉินเฟิง แต่สุดท้ายกลับตัดสินใจแบบนี้ มันชวนให้เขารู้สึกเจ็บปวดนัก
ปัง!
ปราณกำลังภายในระหว่างทั้งสองประสานงากัน กำลังภายในที่ระเบิดออกมารุนแรงอย่างหาที่ใดเปรียบ
“โอบกอดทมิฬ!”
อาศัยช่วงเวลาที่กำลังภายในกำลังยื้อยุทธ รูนค่อยๆแทรกซึมเข้าไปอย่างเงียบๆ ลำแสงสีดำยิงเข้าใส่ชายชราโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว