โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 297
โคตรพยัคฆ์โกลาวินาศ Ep.297 – กำลังภายในรูปแบบเหลว
ทั้งสองอ่านอีกสองม้วนคัมภีร์ด้วยความกระตือรือร้น ปรากฏว่าเทคนิคต่อสู้เหิงหลงดันเป็นรูปแบบกรงเล็บ ไม่เหมาะกับฉินเฟิง แต่เทคนิคก้าวมังกรเป็นรูปแบบท่าร่างวิชาตัวเบา เหมาะสมกับเขา
แม้เทคนิคก้าวมังกรจะมีความต้องการทางกายภาพที่สูงมาก แต่ก็รวดเร็วสมราคา หากเทียบกับกระบวนท่าวรยุทธแล้ว มันเองก็ถือว่าอยู่ในเลเวล A เช่นกัน
นี่คือสิ่งที่ฉินเฟิงต้องการมากที่สุดในตอนนี้
แม้ในศาลาวรยุทธ จะยังมีกระบวนท่าวรยุทธอื่นๆอีกอยู่ก็ตาม แต่สำหรับผู้ใช้วรยุทธโบราณแล้ว พวกเขาไม่สามารถโลภเกินไปได้ ยิ่งเรียนรู้มากก็ยิ่งเสียเวลามาก กลายเป็นเป็ดไม่สมประกอบ ดังนั้นเมื่อมีวิชาที่ดีที่สุดทั้งสามคัมภีร์อยู่ในสายตาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกอันอื่นอีก
และสิ่งเหล่านี้ ในอนาคตยังสามารถใช้ฝึกฝนคนอื่นๆในสถานชุมชนเฟิงหลีได้
ฉินเฟิงกับโจวฮ่าวเริ่มจดบันทึกเทคนิคของทั้งสามม้วนคัมภีร์ ส่วนฉบับดั้งเดิมยังคงถูกเก็บไว้ในศาลาวรยุทธ
จากนั้น พวกเขาก็ไปยังห้องฝึกฝน
ห้องฝึกฝนถูกแบ่งออกเป็นหลายห้องขนาดเล็ก แต่เต็มไปด้วยหินพลังงานธรรมชาติจำนวนนับไม่ถ้วน ท่วมไปด้วยพลังงานระหว่างสวรรค์และปฐพี
ยิ่งเดินลึกเข้าไปในส่วนหลัง ก็ยิ่งอัดแน่นไปด้วยพลังงาน เหมาะไว้ใช้ฝึกฝนสำหรับพวกระดับสูง
และสิ่งที่ใหญ่ที่สุดในห้องฝึกฝน ทั้งยังดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่เทพสงครามทุ่มเทให้กับมันมากเป็นพิเศษ นั่นคือเตียงหินพลังงานขนาดใหญ่ ซึ่งมีความกว้างกว่า 2 เมตร
พลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจากเตียงหิน แทบจะก่อตัวเป็นรูปแบบทะเลเมฆ จนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือก็คือที่ฝึกฝนสำหรับผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล E เกรงว่าหากฝึกฝนที่นี่ในวันเดียว คงเทียบเท่าได้กับก้าวหน้ากว่าเดิมเป็นพันลี้
“ฉันจองตรงนี้แล้วกัน มันเหมาะสำหรับผู้ที่มีกำลังภายในรูปแบบทะเลเมฆ อาศัยพลังงานจากมัน ฉันจะต้องยกระดับได้แน่!”
“ตกลง งั้นเดี๋ยวฉันค่อยมาหานายอีกครั้ง อย่าฝึกหนักจนเกินตัวล่ะ”
“ไม่มีปัญหา”
ว่าแล้วโจวฮ่าวก็แยกตัวไปฝึกยุทธ มันก็จริงที่หากเราฝึกยุทธในสถานที่ๆเปี่ยมไปด้วยพลังงานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี แต่หากพลังงานมันเยอะเกินไป อาจส่งผลลัพธ์ตรงกันข้าม ร่างกายอาจดูดซับได้ยากจนกลายเป็นอึดอัด พออันนี้ไม่ดี อันอื่นก็จะเริ่มรวนตาม ฉะนั้นไม่ควรโลภจนเกินไป
ส่วนฉินเฟิง เขาเลือกฝึกฝนในห้องที่เทพสงครามทุ่มเทสร้างโดยตรง
เมื่ออยู่ลำพัง กำลังภายในรูปแบบทะเลเมฆก็เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของฉินเฟิงอย่างบ้าคลั่ง
“โชคหล่นทับจริงๆ เจอสมบัติแบบนี้ การจะตัดผ่านเข้าสู่เลเวล D อาจหดสั้นเหลือแค่ชั่วพริบตา”
ฉินเฟิงนั่งขวาทับซ้าย พลังพิเศษดูดกลืนปะทุออกมา
พลังงานทะเลเมฆที่ท่วมไปทั้งห้อง ทั้งหมดถูกดูดเข้าสู่ร่างกายของฉินเฟิง ลัดเลาะไปตามเส้นลมปราณ ช่วยขยายและบำรุงมัน ตรงเข้าสู่หว่างคิ้ว ก่อนจะถูกกลั่นและกลับลงสู่ตันเถียนของฉินเฟิง
อย่างรวดเร็ว ทะเลเมฆในตันเถียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คราวนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ ไร้ซึ่งอาการเจ็บปวดราวกับจะระเบิด เพราะชั้นทะเลเมฆในปัจจุบัน มิใช่มาจากการฉกชิงผู้อื่น แต่เกิดจากการฝึกฝนโดยตรงของฉินเฟิง
เขาสูบกลืนพลังงานอย่างบ้าคลั่ง พลังงานทะเลเมฆที่ท่วมไปทั้งห้องเริ่มเหือดหายด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ต่อให้เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณในเลเวล A หากฝึกฝนโดยใช้เตียงหินพลังงานนี้ เกรงว่าคงต้องใช้เวลาทั้งวัน ถึงจะสามารถดูดซับพลังงานได้หมด
แต่ฉินเฟิง กลับใช้เวลาเพียงหนึ่งลมหายใจเท่านั้น!
ภายในตันเถียนของเขา ชั้นทะเลเมฆเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
70ชั้น!
80ชั้น!!
90ชั้น!!!
จนกระทั่งภายในตันเถียนอัดแน่นไปด้วยกำลังภายใน
“ทักษะลับกลืนดารา!”
ฉินเฟิงกระตุ้นเทคนิคกลืนดารา ริเริ่มกระบวนการตัดผ่านอย่างรวดเร็ว
คนอื่นๆจะใช้เพียงสิบทะเลเมฆกำลังภายใน กลั่นรวมกันเพื่อตัดผ่านเข้าสู่เลเวล D แต่ตรงจุดนี้ต้องเตรียมการให้ดี เพราะหากไม่สามารถบีบอัดทะเลเมฆ กลั่นมันให้กลายเป็นมวลน้ำได้ นั่นหมายถึงการตัดผ่านล้มเหลว
ซึ่งการตัดผ่านจากเลเวล F มา E จะแตกต่างจากเลเวล E ไป D อย่างสิ้นเชิง
ความเสี่ยงมันสูงกว่ามาก
ไม่ใช่ผู้ใช้วรยุทธโบราณทุกคนจะสามารถตัดผ่านอุปสรรคนี้ไปได้
อาจกล่าวได้เลยว่า ในบรรดาผู้ใช้พลังเลเวล E ร้อยคน จะมีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่สามารถวิวัฒนาการขึ้นสู่เลเวล D ได้
และในตอนนี้ ฉินเฟิงกำลังเผชิญกับอุปสรรคที่ว่านั่น!
เขาเริ่มบีบอัดกำลังภายในและ–
–ตูม!
99ชั้นทะเลเมฆราวกับถูกคว้าจับด้วยมือใหญ่ ก่อนจะถูกกำแน่น โดนบดขยี้อย่างรุนแรง
วินาทีต่อมา ชั้นทะเลเมฆพลันเหือดหาย ก้อนหยดน้ำใสๆปรากฏขึ้นแทน อีกทั้งน้ำที่ว่านี้ยังขยายออกไป ก่อตัวเป็นแอ่งอย่างรวดเร็ว จมลงสู่ส่วนล่างของตันเถียน
นี่คือสัญลักษณ์ของเลเวล D — กำลังภายในรูปแบบของเหลว!
การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพของกำลังภายใน กลั่น 99 ชั้นทะเลเมฆกำลังภาย เปลี่ยนเป็น 10 ของเหลวกำลังภายในทันที
แต่ทั้งสิบมวลน้ำนี้มิได้หลอมรวมเข้าด้วยกัน พวกมันหยดลงเป็นแอ่ง แยกตัวกันไปตามเบื้องล่างของตันเถียน
ทว่าหากทั้งหมดหลอมรวมกัน เกรงว่าบางทีกำลังภายในของฉินเฟิงอาจทะยานขึ้นไปถึงเลเวล C !
แต่ด้วยการฝึกฝนทักษะลับกลืนดารา ฉินเฟิงเลยมีกำลังภายในมากกว่าคนอื่นๆถึง 9 เท่า ดังนั้นเป็นธรรมดาที่ฉินเฟิงจะไม่เร่งร้อน รวบรัดกระบวนการของมันในทันที
ตัวเขาไม่ใช่หลุยเมิ่ง เขาครอบครองพลังพิเศษดูดกลืน ดังนั้นง่ายต่อการคัดแยก กลั่นกรองกำลังภายใน เลยไม่จำเป็นต้องฝืนเร่งการวิวัฒนาการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระเบิดจากภายใน
ฟู่ว …
ฉินเฟิงผ่อนลมหายใจ ลืมตาขึ้น มุมปากยกสูง เผยถึงรอยยิ้มแห่งความปิติ
ขณะเดียวกัน เตียงหินพลังงานที่ฉินเฟิงนั่งอยู่ จากแต่เดิมที่แผ่ไปด้วยพลังงานจากสวรรค์และปฐพี บัดนี้เกิดการปริร้าว มีรอยแตกระแหงตรงกึ่งกลาง
หินพลังงานเองก็ทึบแสงลงเช่นกัน
“อ๋า?” เมื่อเห็นว่าเตียงหินพลังงานถูกทำลายลงโดยพลังดูดกลืนอย่างบ้าคลั่งของตน ฉินเฟิง ก็อดรู้สึกปวดใจไม่ได้
“ดูเหมือนว่าจากนี้ไป มันคงไม่สามารถใช้ได้อีกนานเลย” ฉินเฟิงทำอะไรไม่ถูก ขณะเดียวกันก็รู้สึกประหลาดใจกับอำนาจของพลังพิเศษดูดกลืน โชคยังดีที่หลังจากเขายกระดับขึ้นเป็นเลเวล D แล้ว ก็หยุดฝึกฝนทันที มิฉะนั้นน่ากลัวว่าเตียงหินนี้คงไม่พ้นเหมือนกับวัตถุดิบชิ้นอื่นๆที่ฉินเฟิงเคยใช้ดูดซับพลังงานมาก่อน–
–แตกสลายกลายเป็นขี้เถ้า
ช่วงเวลานี้ รู้สึกตัวอีกทีก็เกือบจะถึงเช้าตรู่แล้ว
ฉินเฟิงบิดขี้เกียจ ทั้งตัวดังลั่นไปด้วยเสียงกร๊อบ
แม้กำลังภายในจะมาถึงเลเวล D เป็นที่เรียบร้อย แต่พละกำลัง หรือที่เรียกกันว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขายังอยู่แค่เลเวล E9 ดังนั้นฉินเฟิงเลยเจตนาปิดซ่อนมันต่อไป ไม่คิดเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตัวเองออกมา
“รอให้ฉันได้ออกไปก่อนเถอะ อยากจะรู้จริงๆว่าพวกตระกูลซงจะตกใจมากแค่ไหน” ดวงตาของฉินเฟิงกระพริบไหว แผ่เจตนาสังหารออกมา
…
ในเวลาเดียวกัน ภายนอกสุสานเทพสงคราม เหล่าผู้แข็งแกร่งที่มาเฝ้าปกป้องลูกหลานของตนกำลังนั่งสมาธิ ไม่ก็พักผ่อนในเต็นท์
ผู้ใช้วรยุทธโบราณน่ะไม่อ่อนแอเหมือนกับผู้ใช้อบิลิตี้และมือปืน พวกเขาแข็งแรง ดังนั้นสามารถอยู่กลางแจ้งได้สบายๆโดยไม่จำเป็นต้องมีที่พัก
โดยเฉพาะพลังงานที่อยู่ภายนอกสุสาน ถือว่ามีความบริสุทธิ์มาก
ในตอนนั้นเอง เหล่าผู้ใช้วรยุทธโบราณต่างก็ต้องขมวดคิ้ว พากันลืมตาขึ้น
ในแนวสายตาของพวกเขา พลังงานจากสวรรค์และปฐพีเริ่มถดถอย คล้ายถูกสูบกลับคืนเข้าสู่ภายในสุสาน สุดท้ายหายไปกับอากาศที่ว่างเปล่า
ฟุบ ฟุบ ฟุบ ฟุบ ฟุบ ฟุบ ฟุบ!
พร้อมกับร่างคนปรากฏขึ้นใจกลางทุ่งล่า
ร่างคนที่ว่า ล้วนเป็นรุ่นเยาว์ที่เข้าสู่สุสานเทพสงคราม
เวลานี้พวกเขาดูแข็งแกร่ง เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา ดั่งพยัคฆ์มังกร แต่ละคนคล้ายจะได้รับการเก็บเกี่ยวมหาศาล
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันถึงถูกส่งออกมากัน?”
“ที่นี่ที่ไหน? อ๊า ปวดหัวจัง ฉันโดนภาพหลอนเล่นงานหรือนี่?”
“จบซะแล้ว? ฉันยังไม่ได้ฝึกฝนเทคนิคลับเหิงหลงขั้นที่สองเลย!”
กลุ่มรุ่นเยาว์ต่างส่งเสียงโวยวาย
ผู้ที่สามารถเข้าสู่ด่านทดสอบที่สาม มีทั้งสิ้นกว่า 50 คน ตอนนี้พวกเขาอดเสียดายไม่ได้ ที่ไม่ฝึกฝนการทดสอบแรกให้ดีพอ อาบเลือดมังกรน้อยเกินไป เลยไม่อาจผลักดันประตูศิลาที่สองให้เปิดออกได้
ในเขตแดนลับของเทพสงคราม พวกเขาสามารถเรียนรู้เทคนิคลับเหิงหลงได้แค่ขั้น 1 เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม บางคนก็เริ่มฉุกคิดขึ้นได้ ว่ายังมีอยู่คนหนึ่งนี่นาที่เรียนรู้เทคนิคนี้ไปหลายขั้นแล้ว!
“บลัดฮันเตอร์ล่ะ?”
“เขาอยู่ที่ไหน? เขาจะต้องออกมาด้วยแน่ๆ”
“เขาได้รับเทคนิคเหิงหลงทั้งหกขั้น!”
ท่ามกลางสายตาอันร้อนแรงของฝูงชน ทั้งหมดตกลงบนร่างของฉินเฟิง
ปลายเดือนมกราคม อากาศยังคงหนาวเย็น แต่ท่อนบนของฉินเฟิงกลับเปลือยเปล่า กางเกงขาสั้นขาดรุ่งริ่ง ทั้งยังไม่สวมรองเท้า สภาพช่างน่าสังเวชซะจริงๆ
ฉินเฟิงยกมือขึ้นดีดนิ้ว ชุดคลุมปรากฏขึ้นในมือของเขา ชุดคลุมโบกสะบัด ปกคลุมกายตนไว้ทันที
จากนั้นฉินเฟิงก็ยกขา เตรียมก้าวเดินจากไป
ท่ามกลางฝูงชน โหวฟางตะโกนขึ้นทันใด “ท่านลุงสาม! ในตัวบลัดฮันเตอร์มีเมล็ดบัวพิสุทธิ์อยู่ อย่างน้อยก็น่าจะมากกว่า 1,000 เม็ด!”
แน่นอน โหวฟางไม่ทราบหรอกว่าฉินเฟิงจะมีอยู่เท่าใด แต่เขาไม่รังเกียจที่จะพูดให้มันดูเยอะๆเข้าไว้
เนื่องจากตนถูกทำลายความภาคภูมิใจในฐานะอัจฉริยะไป มีขุนเขาใหญ่อย่างบลัดฮันเตอร์ขวางกั้นอยู่เบื้องหน้า ย่อมไม่มีทางข้ามผ่านอีกฝ่าย โหวฟางรู้สึกราวกับว่าเขาคงไม่มีวันก้าวหน้าต่อไปได้
ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงต้องการให้บลัดฮันเตอร์จบชีวิตลง!
ภายใต้เสียงร้องของโหวฟาง ความสนใจของผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D ทั้งหมดถูกดึงดูดไปทันที