โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 305
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.305 – เผยโฉมจักรพรรรดิสัตว์ร้าย
ณ สถานที่ซึ่งราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำครอบครอง บนพื้นดินถูกเปลี่ยนเป็นโลหะผิวเรียบ และในมุมหนึ่ง ปรากฏงูเหลือมทองคำตัวน้อยกำลังขดอยู่ ดูจากกลิ่นอายมันอยู่ในเลเวล E
แน่นอน ฉินเฟิงไม่ได้ตื่นตระหนกที่เจอมัน นั่นเพราะเขาทราบดี ว่างูเหลือมสีทองตัวนี้ไม่มีชีวิต มันเป็นแค่คราบงูเท่านั้น
นี่คือหนังงูลอกคราบของราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E
หรือเรียกได้ว่าเทียบเท่ากับวัตถุดิบเลเวล E !
ยังไม่พอ ท่ามกลางกองซากคราบหนังงู ยังมีไข่ทองคำถึงสามฟองตั้งอยู่
“นี่สิถึงจะเรียกว่าเซอร์ไพรส์ของจริง!”
ราชันย์งูเหลือมสามารถแพร่พันธุ์ได้ด้วยตัวมันเอง ดังนั้นไข่พวกนี้ย่อมถือกำเนิดมาจากราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำ
อันที่จริงแล้วแผนเดิมของฉินเฟิงคือเข้ามาเพื่อขโมยหนังงู แต่เมื่อเจอของดีตรงหน้า เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ปล่อยไป
“เสี่ยวไป๋ เตรียมตัวให้พร้อม”
ฉินเฟิงเอ่ยเตือน
“อื้ม!”
ไป๋หลีพยักหน้า
วิวัฒนาการของไป๋หลีไม่ได้เชื่องช้าเลย ภายใต้การดูดซับพลังงานจากแก่นราชันย์สัตว์ร้าย ปัจจุบันเธอมีความแข็งแกร่งเกือบจะถึงระดับราชันย์เลเวล E7 แล้ว
แต่เมื่อเทียบกับราชันย์งูเกล็ดทองคำ ถือว่ายังด้อยกว่ามาก
ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ เป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับไป๋หลี
ฉินเฟิงก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือออกไป ทันใดนั้นหนังงูและไข่งูก็หายวับไปจากมือของเขา
ไข่สัตว์ร้ายไม่สามารถใส่ลงในอุปกรณ์รูนมิติได้ มิฉะนั้นมันจะตาย แต่ฉินเฟิงยังมีเขตแดนลับอยู่ เขาก็แค่เคลื่อนย้ายมันเข้าไป และเก็บพวกมันไว้ในสถานที่ดังกล่าว
หนังงูและไข่สามฟองหายไปในพริบตา ราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำข้างนอกสะดุ้งตกใจ
จริงอยู่ที่ฉินเฟิงสามารถกลบซ่อนกลิ่นอายของตัวเอง สามารถเล็ดลอดผ่านประสาทสัมผัสของราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำ และเข้ามาในถ้ำได้
อย่างไรก็ตาม กลิ่นอายของไข่สัตว์ร้ายและหนังงูนั้นรุนแรงมาก การที่จู่ๆมันก็หายไปอย่างกระทันหัน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ดึงดูดความสนใจของมัน
ราชันย์งูกลายเป็นโกรธเกรี้ยวทันใด
“ฟ่อ!”
มันขู่คำรามออกมา ราชันย์งูเริ่มบิดลำตัวอันใหญ่โตของมัน กวัดแกว่งหาง ต้นไม้เก่าแก่ขนาดใหญ่ถูกฟาดจนหักครึ่งในคราวเดียว
รอบบริเวณฟุ้งไปด้วยกระแสลมคลั่ง พริบตาเดียวราชันย์งูก็ถลาเข้าไปในถ้ำ
“พาฉันหนีไปเร็ว!” ฉินเฟิงเอ่ยสั่ง วินาทีถัดมา เขาและไป๋หลีก็ปรากฏกายขึ้นอีกทีภายนอก
ราชันย์งูเมื่อเข้ามาถึง กลิ่นอายทั้งหมดก็หายไปแล้ว แต่มันยังสามารถสัมผัสรูนที่หลงเหลืออยู่ได้
เป็นรูนมืดและรูนมิติ
“ก๊าซซซซซ”
เสียงหวีดร้องแหลมดังออกจากปากราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำ มันบิดตัวไปอีกทาง พุ่งออกจากถ้ำทันที เริ่มออกไล่ล่าอย่างบ้าคลั่ง
กลิ่นอายระดับราชันย์เลเวล D ลุกฮือ พวยพุ่งไปถึงชั้นฟ้า
ภายในสันเขาถังซาน กว่า 11 คนที่ซุ่มซ่อนอยู่ในสถานที่แตกต่างกันออกไป ทั้งหมดต่างรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายนี้
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เป็นกลิ่นอายของราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำ”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?”
ผู้คนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด อดไม่ได้ที่จะสังเกตออกไปภายนอก
ช่วงเวลานี้เนื่องจากการอาละวาดของราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำ ตลอดทั้งผืนป่าราวกับถูกโยนลงในหม้อเดือด
กลิ่นอายของราชันย์งู ทำเอาสัตว์ร้ายระดับต่ำกว่าขวัญกระเจิง หลบหนีด้วยความหวาดกลัว
ความวุ่นวายปั่นป่วนแพร่กระจายเป็นวงกว้าง กว้างจนกระทั่งทั้ง 11 คนที่ซ่อนตัวอยู่รู้สึกไม่สบายใจ
บนเนินเขาสูง ณ ยอดต้นไม้เก่าแก่ที่สูงที่สุด หานหยวนเซิงยกปืนไรเฟิลชนิดดัดแปลงพิเศษขึ้น ก้มหน้าลงในสโคป กวาดมองออกไป
ไม่นาน เขาก็ค้นพบว่าทางทิศตะวันออก ปรากฏเส้นแสงสีทองวูบไหวผ่านผืนป่า ต้นไม้โดยรอบถูกกวาดทำลาย แหลกละเอียดเป็นผุยผง
ฉากนี้ราวกับสายธารสีทองบังเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว
พลังสมาธิของหานหยวนเซิงแตกต่างจากคนอื่นๆ เขาจึงสามารถเห็นมันได้ด้วยตาเปล่า ภาพนี้ทำเอาเขารู้สึกขนลุกขึ้นมา
พละกำลังช่างมหาศาลเหมือนกับขนาดตัวจริงๆ!
ปืนไรเฟิลเคลื่อนไปข้างหน้า ท่ามกลางผืนป่า ปรากฏร่างๆหนึ่งกำลังเครื่องไหวอย่างรวดเร็ว และเมื่อเห็นร่างของคนๆนั้น หานหยวนเซิงก็จดจำได้ทันที ว่าเป็นคนที่ลงมาจากฮอลศึกก่อนหน้านี้
“ฉันควรจะเอ่ยชมว่าเขามีความกล้าหาญ หรือว่าโง่เกินกว่าจะเยียวยาดีนะ? นั่นเขากำลังทำบ้าอะไรกัน?”
กำลังทำบ้าอะไรอยู่น่ะหรือ? ความคิดนี้เองก็เกิดขึ้นในจิตใจของใครหลายๆคนเช่นกัน
วกกลับมาทางฝั่งคนที่กำลังถูกไล่ล่า ฉินเฟิงสับฝีเท้าข้ามผ่านผืนป่าอย่างดุเดือด
รูนมืดบนร่างฉินเฟิงได้หายไปแล้ว แต่ราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำกลับสามารถล็อคกลิ่นอายของเขาเอาไว้ได้ ไล่ตามชนิดหัวชนฝา
และความเร็วของอีกฝ่ายว่องไวเป็นอย่างมาก
“ก้าวอัคคี!”
ฉินเฟิงเปิดใช้งานอบิลิตี้ใหม่อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความไวของทั้งคู่ไม่ด้อยไปกว่ากัน ด้วยพลังสมาธิอันแข็งแกร่งของเขา จึงสามารถวางแผนเส้นทางหลบหนีได้อย่างต่อเนื่อง เขาพยายามใช้ต้นไม้ใหญ่และก้อนหินเพื่อชะลอความเร็วของราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำที่อยู่เบื้องหลัง
สถานการณ์ดังกล่าวตกอยู่ในสภาวะฝ่ายหนึ่งหนีไม่พ้น อีกฝ่ายไล่ตามไม่ทัน ความไวของทั้งสองฝ่ายชวนให้ผู้คนรู้สึกเป็นตายเท่ากัน
ด้วยเวลาเพียงสามนาที ทั้งสองฝ่ายก็สามารถลงจากยอดเขา และมาถึงใจกลางภูเขาอีกลูกหนึ่ง
ภูเขาลูกนี้มีขนาดกว้างใหญ่มาก
นอกจากนี้ บนยอดเขายังถูกไหม้จนมีสีดำสนิท คาดว่าน่าจะเป็นภูเขาไฟที่สงบลงแล้ว
บนยอดภูเขาไฟ ปรากฏรังนกสีดำขนาดมหึมาตั้งอยู่
รังนกบนยอดเขา คาดว่าน่าจะมีขนาดเท่ากับสนามฟุตบอล ทุกกิ่งก้านที่ใช้สร้างเป็นรัง ล้วนเก็บมาจากต้นไม้โบราณสูงใหญ่
ทุกท่านคงจะเดาออกแล้ว สถานที่แห่งนี้คือรังของจักรพรรดิสัตว์ร้าย
ฉินเฟิงสับฝีเท้าวิ่งไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง
เวลานี้ราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำเริ่มเกิดความลังเล ร่างกายอันใหญ่โตของมันหยุดอยู่ในกลางภูเขาไหม้เกรียม ไม่อยากเลื้อยไปข้างหน้าอีกต่อไป
แต่ฉินเฟิงที่ขโมยไข่งูและหนังงูมาแล้ว มีหรือจะไม่ใช้พวกมันให้เป็นประโยชน์?
เขาเรียกไข่งูออกมาในพริบตา และกึ้งงงง! จ้วงหมัดเจาะลงไป!
ไข่งูระดับราชันย์เลเวล D ที่สุดแสนจะหายาก ฉินเฟิงซัดกำปั้นเดียว มันย่อมไม่ถึงกับแตกทั้งใบ
วินาทีต่อมา ฉินเฟิงก็ยกไข่งูที่มีขนาดความกว้างกว่า 1 เมตรขึ้น และโยนมันออกไป
“อยากได้นักก็ลองไปเอามันคืนดูสิ!”
ไข่งูพุ่งแหวกสายลม ส่งเสียงหวีดหวิว ลอยเข้าไปยังรังของจักรพรรดิสัตว์ร้าย
ราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำรู้สึกโกรธเกรี้ยวสุดแสน
ขนาดตัวของฉินเฟิง ในสายตาของราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำ ไม่ถือว่าอยู่ในห่วงโซ่อาหารของมันด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดแล้วฉินเฟิงน่ะเล็กจ้อยเกินไป ไม่พอจะเติมเต็มกระเพาะของมัน
แต่ตอนนี้ การดำรงอยู่ดั่งเช่นมดแมลง กลับกำลังท้าทายตัวมันอย่างไม่คาดฝัน!
ก็เหมือนกับมนุษย์ที่ถูกแมลงวันคอยก่อกวน สุดท้ายมนุษย์ก็จะตบแมลงวันตัวนั้นจนตาย!
นี่คือความคิดของราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำ
มันไม่ลังเลอีกต่อไป ช่วงลำตัวของราชันย์งูขดเป็นเกลียว ก่อนจะดีดตัวพุ่งเข้าหาฉินเฟิง
ใต้ฝ่าเท้าฉินเฟิงกระพริบไหว ฉีกหลบไปอีกทาง
ขณะเดียวกัน สภาพแวดล้อมโดยรอบพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าครามทันใด มันเป็นสีฟ้าพรั่งพราวอย่างหาที่ใดเปรียบ ราวกับว่าท้องฟ้าทั้งหมด ได้ถูกปกคลุมด้วยสีฟ้านี้
อุณหภูมิโดยรอบสูงขึ้นเรื่อยๆ
“กูวววว … ” เสียงที่ฟังดูคลุมเครือ เริ่มลากยาวและค่อยๆดังขึ้น สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากยอดภูเขาไฟ
ราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำไม่คิดไล่ตามฉินเฟิงอีกต่อไป มันแหงนหน้าขึ้นมองบนยอดเขาแทน
ฉินเฟิงที่ทะยานไกลออกไปกว่า 100 เมตรเองก็สะบัดศีรษะ เงยหน้าขึ้นไปเช่นเดียวกัน
มองขึ้นไปบนยอดเขา สิ่งมีชีวิตสีเทา-ฟ้า ปรากฏสู่สายตาของเขา
หากจะให้อธิบาย สิ่งมีชีวิตนี้ดูไม่ค่อยสวยงามนัก แม้ร่างกายของมันจะถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟขนาดใหญ่กว่า 5 – 6 เมตร แต่ก็ไม่อาจปิดซ่อนความจริงที่ว่า มันไม่มีขนอันงดงามอยู่อีกต่อไป
–เป็นนกยูงที่มีขนาดตัวกว่า 20 เมตร
หน้าผากของมันแห้งผาก มีขนลีบแบน ขนที่ปกคลุมตามร่างกายเองก็บางเบาอย่างไม่น่าเชื่อ ตรงส่วนหางที่เดิมสมควรจะสวยงาม กลับเหลือเพียง 7 – 8 เส้นเท่านั้น ทั้งยังมีขนาดยาวไม่เท่ากัน แม้มีอยู่หางหนึ่งที่ดูพรั่งพราว งดงามมากเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้มันดูดีขึ้นได้
หากเป็นในอดีต มันคงสวยงามจนยากจะละสายตา แต่ปัจจุบัน มันชราภาพมากแล้ว
สิ่งมีชีวิตระดับจักรพรรดิสัตว์ร้ายแห่งสันเขาถังซาน—
—จักรพรรดินกยูงเพลิงฟ้า ปรากฏกาย!