โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 311
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.311 – สืบทอดอบิลิตี้จักรพรรดิสัตว์ร้าย
ทั้งหมดต่างรีบปรี่ขึ้นไปยังยอดเขาสูงสุดถังซาน
แต่ก็สายเกินไป ฉินเฟิงได้รับแก่นอบิลิตี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
คลิก!
ฉินเฟิงระเบิดหมัดทำลายแก่นอบิลิตี้โดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
พลังงานอันรุนแรงและมหาศาลพุ่งออกมาจากข้างใน กระทั่งบริเวณใกล้เคียงก็พลอยถูกไฟจากมันโหมไหม้ไปด้วย
เปรี้ยง!
คลื่นพลังงานและแรงกดดันอันน่าหวาดกลัว ที่เกือบจะทรงพลังเทียบเท่ากับจักรพรรดินกยูงเพลิงฟ้าถูกปลดปล่อยออกมา
นอกจากนี้ ยังมีดวงอาทิตย์สีครามขนาดเล็กร่วงตกลงมาจากภายในแก่นอบิลิตี้
“นั่นมันเมล็ดพันธุ์จักรพรรดิสัตว์ร้าย!” ดวงตาของเล่ยเฉินกลายเป็นร้อนผ่าว แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะพุ่งไปคว้ามัน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันทำอะไร อำนาจอันรุนแรงกลับกดทับตนจนแทบหมอบลงกับพื้นเสียก่อน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะยกร่างขึ้น และก้าวต่อไปข้างหน้า
สถานการณ์ในตอนนี้ มิใช่แค่ฝั่งมนุษย์ที่ปรารถนาจะกระโจนขึ้นสู่ยอดเขา!
ราชันย์สัตว์ร้ายเองก็เช่นกัน!
“โฮกกก!” ราชันย์เสือคำรามเกรี้ยวกราด เรียกพายุหิมะถาโถมลงอย่างกระทันหัน
“อู อู!” ราชันย์กอริลล่าร้องคำราม สะบัดสองแขน เหวี่ยงคู่เถาวัลย์เขียวฟาดออกไป หมายจะจับฉินเฟิง หากจังหวะเป็นใจ ก็หวังว่าเถาวัลย์จะแทงทะลุหัวใจของฉินเฟิงไปเลยยิ่งดี
ภายนอกของฉินเฟิงยังมีปราณกำลังภายในปกคลุมอยู่ก็จริง แต่ไม่รู้เหมือนกัน ว่ามันจะสามารถต้านทานการโจมตีของราชันย์ทั้งสองได้หรือไม่
ในตอนนั้นเอง หญิงสาวในชุดขาวพลันปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าฉินเฟิง
–เป็นไป๋หลี!
เธอปลดปล่อยรูนออกมา ก่อร่างเป็นชั้นกำแพงแสง ทั้งยังเป็นกำแพงแสงสีเงินขาวดูแปลกตา
พายุหิมะปะทะกับมันก่อนเป็นท่าแรก เนื่องจากอบิลิตี้น้ำแข็งนี้กินอาณาเขตกว้างขวาง มันเลยปกคลุมไปทั้งบริเวณ ส่งผลให้ฝูงชนเบื้องล่างไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์บนยอดเขาได้ –อีกคู่เถาวัลย์หนึ่งแหวกว่ายไปในอากาศราวกับมีชีวิต แต่ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ พุ่งเข้าปะทะกับกำแพงแสงสีเงินโดยตรง
กำแพงแสงนี้ถูกสร้างขึ้นจากอบิลิตี้มิติ ดังนั้นการโจมตีใดๆที่กระทบมัน ล้วนถูกส่งไปยังพื้นที่มิติอื่น
ฉินเฟิงที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองดังกล่าว ยังคงดื้อดึงสูบกลืนมันต่อไป
“เร็วเข้า จงเร่งกระบวนการยิ่งกว่านี้ พลังพิเศษดูดกลืน!”
ฉินเฟิงเชิดศีรษะขึ้น บนหน้าผากเขาก่อตัวเป็นกระแสวังวน
กระแสพลังงานจากแก่นอบิลิตี้ไหลบ่าเข้าไป มันถูกดูดซับอย่างบ้าคลั่ง เมล็ดพันธุ์จักรพรรดิสัตว์ร้าย เข้าสู่พื้นที่จิตสำนึกของฉินเฟิงทันที
วู้มมม!
บอลแสงเล็กๆตกลงในพื้นที่จิตสำนึก มันราวกับดาวตกสุกสกาว ทิ้งเส้นแสงทิ้งไว้ทาง ลากยาวเป็นหางดาวตก ข้ามผ่านผืนฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวจิตสำนึก จากนั้นก็ชนเข้ากับดาวเคราะห์เพชรของฉินเฟิง
ตูม!
ราวกับโลกหล้าเกิดการสั่นสะเทือน ดาวหางพุ่งชนดาวเคราะห์เพชร ลองมองสังเกตดูอีกที ในจุดที่ดาวหางร่วงตกลง ปรากฏลวดลายนกยูงขนาดใหญ่ทิ้งไว้เบื้องหลัง
นี่คือมรดกจากจักรพรรดิสัตว์ร้าย
ฉินเฟิงได้รับความสามารถอันทรงพลังของจักรพรรดินกยูงเพลิงฟ้ามาในครอบครอง!
หนึ่งในอบิลิตี้ของเปลวไฟกลายพันธุ์ : เปลวเพลิงสีฟ้า
หากเพลิงโลกันต์คืออบิลิตี้ไฟที่เกิดจากการติดเชื้อโดยฉินเฟิงแล้วล่ะก็ อบิลิตี้เพลิงฟ้าจะกลายเป็นอีกหนึ่งอบิลิตี้ของฉินเฟิง —เขาได้กลายเป็นผู้ใช้อบิลิตี้สองประสานอย่างแท้จริง!
ยังไม่หมดเท่านี้!
เนื่องจากได้ดูดซับพลังสมาธิอันแข็งแกร่งเข้ามา พลังสมาธิของฉินเฟิงเลยยกระดับไปอีกขั้น เขารู้สึกได้ว่าศักยภาพความเข้มข้นของพลังสมาธิตน จะขยับสูงขึ้นไปอีกเล็กน้อย
ศักยภาพในปัจจุบันเหนือกว่าระดับ SS แต่ยังไปไม่ถึงระดับ SSS
นี่เองคือความร้ายกาจของแก่นอบิลิตี้ระดับจักรพรรดิ!
‘แก่นอบิลิตี้ระดับจักรพรรดิ’ มีส่วนช่วยในการส่งเสริมพรสวรรค์ของผู้ใช้อบิลิตี้ ผลักดันจากคนธรรมดาให้กลายเป็นอัจฉริยะเปี่ยมพรสวรรค์
ในขณะที่ ‘แก่นพลังงานระดับจักรพรรดิ’ จะช่วยเสริมสร้างในด้านความแข็งแกร่งทางกายภาพ
จักรพรรดินกยูงเพลิงฟ้าครอบครองแก่นอบิลิตี้ ซึ่งเหมาะกับฉินเฟิงมาก
พลังพิเศษกลืนกินของฉินเฟิงระเบิดออก ในพริบตา พลังงานจากดวงอาทิตย์สีฟ้าก็ถูกฉินเฟิงดูดซับจนหมดสิ้น พลังสมาธิเกิดการวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว
เดิมทีฉินเฟิงก็มีศักยภาพที่ดีอยู่แล้ว และภายใต้การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องโดยเทคนิค ‘หนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์’ –ปัจจุบันพลังสมาธิของเขาจึงมาถึงระดับราชันย์
และหลังจากกลืนกินแก่นอบิลิตี้ของจักรพรรดิสัตว์ร้ายเข้าไป พลังสมาธิของฉินเฟิงเลยสามารถตัดผ่านไปได้อีกขั้น ขึ้นสู่ ‘จักรพรรดิเลเวล D’ ได้ในที่สุด!
แรงกดดันที่น่าหวาดกลัว พลุ่งพล่านออกมา
“เรียบร้อยแล้วเสี่ยวไป๋” ศีรษะที่เชิดขึ้นของฉินเฟิงก้มกลับลงมาเป็นปกติ มองไป๋หลีที่กำลังต้านทานการโจมตีจากสองทิศทาง
สภาพแวดล้อมได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นภูเขาหิมะ ทั้งมีเถาวัลย์นับไม่ถ้วนผุดงอกหนามอันแหลมคมออกมา พยายามที่จะทิ่มแทง
“ที่รัก คุณเหมือนจะร้ายกาจกว่าเดิมอีกแล้วนะ” ไป๋หลีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ของตายอยู่แล้ว! มาเถอะ หน้าที่ปกป้องแฟนสาว ขอให้ฉันเป็นคนทำมันเอง!”
ระหว่างกล่าว ฉินเฟิงก็เดินไปโอบเอวไป๋หลี
พลังสมาธิถูกกระตุ้น เปลวเพลิงสีฟ้าลุกโชนขึ้นรอบตัวเขา
เปลวเพลิงนี้ ไม่แตกต่างไปจากเปลวเพลิงของจักรพรรดินกยูงเลย!
ไป๋หลีต้องรับมือกับการโจมตีจากสองราชันย์ หากไม่ใช่เพราะเธอเป็นสัตว์ร้ายที่ครอบครองพลังมิติแล้วล่ะก็ ไป๋หลีคงไม่อาจยื้อเอาไว้ได้ ปัจจุบันใบหน้าของเธอซีดขาวยิ่งกว่าปกติ ทั้งยังมีเม็ดเหงื่อเล็กๆผุดขึ้นตามหน้าผาก เพียงมองก็สามารถจินตนาการได้ ว่าเธอสูญเสียพลังงานไปมากแค่ไหน
ขณะนี้ ฉินเฟิงดูดซับแก่นอบิลิตี้เสร็จสิ้นแล้ว ไป๋หลีจึงปลดกำแพงแสงของเธอ
แทบจะในทันที เถาวัลย์ขยายตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว เลื้อยเจาะแทงลงบนพื้นดินรอบๆฉินเฟิง หนามผุดงอกขึ้นมาจากเถาวัลย์ราวกับดาบอันแหลมคม
ตูม!
เปลวเพลิงสีฟ้าพลันปะทุออกมาจากร่างกายของฉินเฟิง แยกออกเป็นซ้ายขวา
แผดเผาเถาวัลย์ ละลายน้ำแข็งที่อยู่โดยรอบทันที
“เพลิงปีกนกยูง!”
วินาทีต่อมา สองปีกสีฟ้าสยายออกจากด้านหลังของฉินเฟิง
และมันสามารถใช้บินได้เช่นกัน!
ปีกของฉินเฟิงถูกใช้แทนเครื่องร่อน มันปลดปล่อยคลื่นความร้อนออกมา ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า
เบื้องล่างยอดเขาสูงสุดของสันเขาถังซาน 11 ตัวตนทรงพลังเลเวล D ต่างหยุดนิ่ง คอยเฝ้ามอง
บนยอดเขาถูกแช่แข็งโดยพายุหิมะ ทั้งยังถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ ราวกับไม่มีร่องรอยของกลิ่นอายมนุษย์หลงเหลืออยู่เลย
“หรือพวกเขาจะตายแล้ว?” โหวหยางเฉิงเอ่ย
“เหอๆ น่าเสียดายจริงๆ สาวน้อยคนนั้นออกจะน่ารักแท้ๆ” ซงหยูหมังยิ้มอย่างหยาบโลน
พวกเขาหยุดมือไม่คิดต่อสู้ เฝ้ารอให้ฉินเฟิงกับไป๋หลีตายลงเสียก่อน ถึงเวลานั้นค่อยเริ่มลงมือแย่งชิงสมบัติอีกครั้ง แต่ในตอนนั้นเอง ท่ามกลางภูเขาหิมะ พลันปรากฏรอยแยกขึ้นอย่างกระทันหัน
แสงสีฟ้าสาดออกมา เปลี่ยนทัศนียภาพยามค่ำคืนอีกครั้ง
“ออกมาแล้ว!”
“แก่นอบิลิตี้จักรพรรดิเล่าอยู่ที่ไหน?”
“สงครามแย่งชิงกำลังจะเริ่มต้น! ใครก็ตามที่ขวางทางฉัน จะฆ่ามันให้หมด!”
ทุกคนเริ่มตื่นตัว หวาดระแวงกันและกัน
แต่ในตอนนั้นเอง สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็ดันปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ต้นกำเนิดของแสงสีฟ้า มิใช่แก่นอบิลิตี้ของจักรพรรดิสัตว์ร้าย แต่มันคือคน!
–เป็นฉินเฟิง!
ฉินเฟิงออกจากภูเขาหิมะ เปลวไฟสีฟ้าปะทุขึ้นทันใด ครอบคลุมระยะทางกว่าหลายร้อยเมตร ภูเขาหิมะละลายลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นน้ำไหลลงสู่เบื้องล่างขุนเขาทันที
“ฮือ … ” เสือขาวที่ตาบอดไปข้างหนึ่งส่งเสียงครางต่ำ เป็นเสียงครางด้วยความหวาดกลัว
เหมือนว่ามันจะรู้สึกได้ ถึงแรงกดดันเฉพาะตัวของนกยูงเพลิงฟ้า
–กลิ่นอายระดับจักรพรรดิ!
ฉินเฟิงวางไป๋หลีลง ปีกนกยูงไฟพัดกระพือ ทะยานขึ้นไปในอากาศ
พริบตาเดียว ฉินเฟิงก็มาหยุดอยู่ด้านข้างของพยัคฆ์เนตรเยือกแข็ง
“ตายซะ!”
มีดกษัตริย์ครามปรากฏขึ้นในมือของฉินเฟิงอีกครั้ง ทว่าคราวนี้เปลวเพลิงที่ลุกไหม้บนใบมีดกลับเป็นสีฟ้า
“มีดเปลวเพลิง!”
ประกายแสงกระพริบไหว ว่องไวชนิดกระทั่งราชันย์เสือยังไม่ทันตอบสนอง รู้สึกตัวอีกทีร่างของมันก็ถูกตัดเป็นสองท่อนแล้ว
พรวดดด!
เลือดสาดกระจาย
ร่างถูกแบ่งออกเป็นสองซีก ฉินเฟิงวาดมือสบายๆ เก็บมันลงในอุปกรณ์รูนมิติทันที
ฉินเฟิงหันไปอีกทิศทางหนึ่งในอากาศ โฉบบินเข้าหากอริลล่ามงกุฏสีชาด
อันที่จริง ราชันย์กอริลล่าหนีไปตั้งนานแล้ว
มันสับฝีเท้าหลบหนีข้ามผ่านผืนป่า ทั้งชนทั้งกระแทกต้นไม้ตามรายทางจนหักโค่นลงเป็นทางยาว เพียงไม่กี่วินาทีก็เกือบจะสามารถข้ามแนวสันเขาไป
“เปล่าประโยชน์ ยอมตายซะดีๆจะได้ไม่ทรมาน!”
ฉินเฟิงทิ้งตัวลงกับพื้น พุ่งเป็นดาวตกสีฟ้า ร่วงไปยังตำแหน่งเดียวกันกับราชันย์ตนสุดท้าย!