โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 331
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.331 – การแลกเปลี่ยนใต้ดิน
“มาเถอะ ยังมีพวกกิ้งกท่าทรายอยู่ที่นี่อีกแน่ๆ ไปฆ่าพวกมันแล้วทำภารกิจให้จบๆสักที”
แต่ฉินเฟิงสังหารพวกมันไปแล้วกว่า 20 ตัวแล้ว เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้จะแพร่ออกไปรึเปล่า ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้กิ้งก่าทรายพบเจอละหลบหนีไป รูนมืดจึงผุดออกมาจากฉินเฟิง ปกคลุมกายเขาและไป๋หลี
ในกรณีนี้ กิ้งก่าทรายก็จะไม่สามารถตระหนักถึงการรุกรานพวกเขาได้อย่างน้อยก็ชั่วคราว
พลังสมาธิของฉินเฟิงกระจายออกไป กวาดผ่านตามทางเดินใต้ดินทั้งหมด
เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นเผ่าพันธุ์ที่ฉลาด โลกใต้ดินของกิ้งก่าทรายจึงค่อนข้างกว้างใหญ่ ตามรายทางของถนนสายหลักที่กว้างกว่า 3 เมตร มีเส้นทางสายรองแตกแขนงไปอีกมากมาย
นอกจากนี้ ตามเส้นทางสายรอง ยังนำไปสู่โพรงที่พักอาศัยขนาดเล็กใหญ่ของแต่ละตัว ในโพรงมีของเล็กๆน้อยๆที่พวกมันเก็บติดตัวมากระจัดกระจายกันไป แต่ที่มากสุด คงไม่พ้นผลึกเพชรเพลิงที่ถูกขุดจากเบื้องล่าง
ของดีๆแบบนี้ ไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ไหนก็ล้วนชอบมันกันทั้งนั้น
ในเวลานี้ คล้ายกับว่าจะได้ยินถึงเสียงต่อสู้ของฉินเฟิง จากในบรรดาโพรงเหล่านั้น กิ้งก่าทรายบางตัวได้วิ่งออกมา
ฉินเฟิงปรากฏกายขึ้นเบื้องหลังพวกมันอย่างเงียบๆ หนึ่งฝ่ามือขยับไหว
“มังกรตะปบ!”
เทคนิคเหิงหลงถูกใช้ออก
กร๊อบ!
กิ้งก่าทรายทรุดตัวลงกับพื้น ตำแหน่งกระดูกสันหลังของมันถูกทำลาย แหลกเป็นเสี่ยงๆ เส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับเนื้อเยื่อสมองถูกตัดขาดอย่างสมบูรณ์
จบชีวิตลงอย่างไม่ยุติธรรม!
ฉินเฟิงตัดหัวกิ้งก่าทราย ขุดแก่นอบิลิตี้ดินออกมา
ส่วนกิ้งก่าทรายตัวอื่นที่อยู่ด้านหลัง ก็ถูกกำจัดแล้วเช่นกันโดยฝีมือของไป๋หลี
“ไฟเอ๋ยจงแผดเผา!”
เปลวเพลิงลุกไหม้บนร่างของกิ้งก่าทรายอย่างรวดเร็ว ทำลายซากศพจนไม่เหลือร่องรอย
เหตุการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ฉินเฟิงสามารถกำจัดไปได้อีก 5 ศพ ในรังของกิ้งก่าทราย ราวกับกลายเป็นดินแดนที่ไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่
ศพแล้วศพเล่าถูกกำจัดทิ้งอย่างหมดจด นอกจากนี้ยังทำให้ร่องรอยของฉินเฟิงและไป๋หลี หายไปไม่มีหลงเหลือ
ขณะเดียวกัน บนซากศพกิ้งก่าทรายกว่า 20 ศพในตอนแรก ปรากฏกิ้งก่าทรายกลุ่มใหม่รายล้อมอยู่รอบๆพวกมัน หนึ่งในนั้นเชิดศีรษะขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นถึงกลางหน้าผากที่ประดับไว้ด้วยผลึกเพชรเพลิงอันละเอียดละออ บนคอและบนแขน ก็ยังประดับไปด้วยเครื่องประดับที่ทำจากผลึกเพชรเพลิง และภายใต้เกล็ดช่วงอกของมัน มีเอกลักษณ์ของเพศเมียนูนออกมาจนเห็นได้ชัด
เธอสวมใส่กระโปรงหนัง ส่งผลให้รูปลักษณ์ดูเหมือนมนุษย์ ตรงเอวแขวนแส้สีเงินที่กำลังปลดปล่อยอำนาจอันน่าหวาดกลัว ชวนให้ผู้คนจิตใจสั่นไหวออกมา
นี่คือประมุขเผ่ากิ้งก่าทราย
ราชันย์เลเวล D3!
สามารถเรียกเธอได้ในนาม ราชินีกิ้งก่าทราย!
“จิจิ!”
ราชินีกิ้งก่าทรายส่งเสียง พลังสมาธิสั่นสะเทือน เสียงเลือนลั่นทำเอากิ้งก่าทรายตัวอื่นๆลงไปหมอบคลานกับพื้น ไม่กล้าสูดหายใจ ทั้งหมดตกอยู่ในความหวาดกลัว
“เป็นฝีมือมนุษย์!”
“ขอรับ ท่านประมุข”
“ใช่เป็นเพราะพวกคนก่อนหน้านี้ดึงดูดมาหรือเปล่า? ข้าบอกเจ้าแล้วใช่ไหมว่าให้สังหารเขาเสีย!”
กิ้งก่าทรายตัวหนึ่งชะงักไปครู่ ก่อนตอบกลับ “ไม่น่าจะใช่ เพราะเขายังมาไม่ถึง”
ในตอนนั้นเอง ตรงส่วนของผนังอุโมงค์ อีกร่างกิ้งก่าทรายพลันปรากฏขึ้น
“ท่านประมุข พ่อค้ามาถึงแล้ว”
“อย่าให้ข้ารู้นะ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นฝีมือของพวกที่เขาดึงดูดมา มิฉะนั้น ข้ากับพวกเขาต้องเห็นดี!”
ขณะกล่าว ราชินีกิ้งก่าทรายก็เดินแยกไปทางอื่น
จากทั้งหมด 30 ตัว กว่า 20 ตัวเดินตามราชินีไป ส่วนที่เหลืออีก 10 เริ่มช่วยกันยกศพบนพื้นดิน แล้วย้ายไปยังสวนของราชินี เอาไปเป็นปุ๋ย
อีกฝั่งหนึ่ง ฉินเฟิงเดินทอดน่องไปตามอุโมงค์ของกิ้งก่าทราย ลอบสังหารอย่างเงียบงัน ภายในเวลาแค่สองชั่วโมง เขาสามารถสังหารกิ้งก่าทรายได้มากกว่า 100 ตัว
ซึ่งสำหรับเผ่าพันธุ์กิ้งก่าทรายแล้ว นี่เท่ากับว่าฉินเฟิงได้กวาดล้างประชากรของพวกมันไปถึง 1/3 หรือ1/4 เลยทีเดียว
“ด้านหน้าเหมือนว่าจะมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก”
พลังสมาธิของฉินเฟิงกวาดไปในทิศทางเดียว แต่ทันใดนั้นเอง สองคิ้วของเขาก็ย่นเข้าหากัน
คราวนี้ เจ้าตัวสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมนุษย์ .. หมายถึงมนุษย์จริงๆ
ฉินเฟิงโอบเอวไป๋หลี รูนมืดปกคลุมหนาแน่นขึ้น เร่งก้าวไปข้างหน้า
แม้จะมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่รูนมืดปกคลุมฉินเฟิงอยู่ ดังนั้นไม่มีใครตระหนักได้ถึงตัวตนของเขา
ไม่นาน ฉินเฟิงก็มาถึงห้องโถงใหญ่
ภายในโถง มีความสูงกว่า 4 เมตร พื้นที่โดยรอบขยับขยายกว้างใหญ่ ฝั่งหนึ่งเป็นกิ้งก่าทรายจำนวนมากกว่า 50 ตัว อีกฝั่งหนึ่งเป็นผู้ใช้พลังเลเวล E และเลเวล F อีก 7 – 8 คน และอีก 5 กรงเหล็ก
ภายในกรงเหล็ก เป็นมนุษย์เพศหญิง และหนึ่งในนั้น เป็นผู้ใช้พลัง
โดยปกติแล้วผู้ใช้พลังที่มีพลังสมาธิมากกว่าคนทั่วๆไป แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆของรูน หรือความแข็งแกร่งทางกายภาพ ฉะนั้นหนึ่งเดียวในกรงจากทั้งห้า คาดว่าน่าจะเป็นมือปืน!
“เติ้งกง รีบฆ่าฉันซะตอนนี้ ไม่อย่างนั้น รอให้ท่านแม่อย่างฉันออกไปข้างนอกได้เมื่อไหร่ ฉันจะทรมานแกให้เหมือนตายทั้งเป็น!” ฝ่ายหญิงสาปแช่ง
เธอสาดสายตาดุร้ายไปยังชายที่เรียกว่าเติ้งกง อีกฝ่ายอายุราวๆ 35 ปี เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล E เวลานี้ในมือเขากำลังถือผลึกเพชรเพลิงที่ได้รับจากราชินีกิ้งก่าทราย
เป็นจำนวนถุงเล็กๆใบหนึ่ง แต่น่ากลัวว่าหากนำไปขาย อาจมีมูลค่ามากถึงหลักหลายร้อยถึงพันล้าน
และสิ่งที่เติ้งกงใช้แลกเปลี่ยนกับมัน กลับเป็นผู้หญิงที่สามารถซื้อได้ในตลาดมืดด้วยเงินไม่กี่หมื่นเหรียญเท่านั้น แน่นอน ว่าผู้หญิงในกรงล้วนถูกเขาลักพาตัวมา ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเสียเงินสักแดงเดียว!
“หานน่วนเอ๋ย ฉันจับตาดูมาสักพักแล้ว เธอเป็นนักล่าเงินรางวัลนี่? คิดจะล่าค่าหัวบิดาล่ะสิใช่ไหม? เหอะ! กลุ่มอินทรีทรายของฉัน ไม่ใช่กลุ่มที่นึกจะฆ่าก็ฆ่าได้ง่ายๆหรอกนะ ฝันไปเถอะ! น่าเสียดายตรงที่พลังสมาธิของเธอแข็งแกร่งเกินไป ถ้าไม่ติดว่าฉันเข้าไปใกล้เธอไม่ได้ ฉันกับพี่น้องทั้งกลุ่ม ทุกคนคงได้ลิ้มรสร่างกายเธอแล้ว!”
“ไอ้ตัวอัปปรี มีแต่ความคิดสกปรก เติ้งกง รอให้ฉันออกไปได้ก่อนเถอะ ฉันจะฆ่าแกซะ!”
“ฮี่ฮี่ ก็บอกแล้วไงว่าฝันไปเถอะ ล้มเลิกเรื่องคิดจะออกไป แล้วอยู่ที่นี่อย่างว่าง่าย อุ้มท้องให้กิ้งก่าทรายเถอะะ”
ฝ่ายหนึ่งคือเติ้งกงที่กำลังสะใจ อีกฝ่ายคือหานน่วนที่กำลังสิ้นหวัง ภาพของทั้งสองสะท้อนอยู่ในดวงตาของฉินเฟิง
“กลุ่มอินทรีทราย?” ฉินเฟิงเริ่มเค้นสมอง
นั่นไม่ใช่องค์กรมืดที่แฝงตัวอยู่ในทะเลเหนือ เป็นกลุ่มของโกวเกิงหรอกหรือ?
หมายความว่า คนๆนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับองค์กร Z
“จิจิ!” ราชินีกิ้งก่าทรายคล้ายจะรำคาญที่ทั้งสองคนโต้เถียงกัน จู่ๆก็กวาดเสียงคำรามต่ำออกมา เติ้งกงเร่งกลืนท่าทีสะใจกลับคืนทันดี หันมายิ้มประจบประแจงราชินี
“ประมุขเผ่า ผู้คนเหล่านี้ทั้งหมดยกให้ท่าน โดยเฉพาะผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งมาก เธอสามารถช่วยให้กำเนิดลูกหลานท่านได้อย่างแน่นอน”
ปัจจุบันกิ้งก่าทรายมีประชากรน้อยมาก แต่ยีนของพวกมันมีความแข็งแกร่งมาก ดังนั้นขอแค่หาเพศเมียจากต่างเผ่ามาผสมพันธุ์ ก็ถือว่าเพียงพอ
แม้ราชินีกิ้งก่าทรายจะดูแคลนมนุษย์ คิดกระทั่งว่าเป็นแค่อาหารชนิดหนึ่ง แต่ช่างน่าเสียดาย ที่บนโลกใบนี้ ไม่มีเผ่าพันธุ์ใดจะชาญฉลาดยิ่งกว่าพวกเขาอีกแล้ว!
ด้วยเหตุนี้เอง มนุษย์จึงเหมาะสมที่จะใช้ในการสืบเผ่าพันธุ์ของพวกมัน
แม้ลูกผสมระหว่างมนุษย์จะทำให้ยีนของกิ้งก่าทรายอ่อนแอ แต่ด้วยจำนวนมนุษย์มีมากมายมหาศาล ทั้งยังอาจเป็นวิธีเดียวที่จะใช้ขยายดินแดนใหม่ เข้าถึงแหล่งทรัพยากรได้มากขึ้น เสริมสร้างให้กับลูกหลานรุ่นต่อไป เลยต้องเลือกพวกเขา
“นำพวกมันลงมา” ราชินีกิ้งก่าทรายสั่ง แต่จู่ๆมันก็หันขวับไปอีกทางทันที “นั่นใคร!”
เสียงของกิ้งก่าทราย ทั้งหมดล้วนมาจากพลังสมาธิ สามารถกวาดกระจายไปไกล และยังเป็นไปได้ที่มนุษย์สามารถเข้าใจได้
ภายในห้องโถงแห่งนี้ ณ หนึ่งในทางเดินที่แยกออกไป ปรากฏร่างเงาของสองคน
—เป็นฉินเฟิงและไป๋หลี
สีหน้าของฉินเฟิงสงบเยือกเย็น ไร้ซึ่งความตื่นตระหนกใดๆ และที่สำคัญ เป็นเขาที่กล้าเดินเผยโฉมออกมาด้วยตนเอง!
“โทษที ฉันมาขัดขวางการเจรจาธุรกิจรึเปล่า?” ฉินเฟิงแสยะยิ้มเอ่ย
สีหน้าของฝูงชนในห้องโถง แปรเปลี่ยนกลับกลาย ในความหมายที่ต่างกันออกไป