โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 408
3/5
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.408 – แผนของฉินเฟิง
โอบกอดทมิฬปกคลุมรอบกาย กักเก็บกลิ่นอายฉินเฟิงไม่ให้เล็ดลอดออกมา
เผ่ากริมมีจำนวนมหาศาล ดังนั้นคิดทำอะไรจะต้องลงมืออย่างระมัดระวัง
เนื่องจากการล่มสลายของเมืองลอยฟ้า แรงระเบิดก่อให้เกิดไฟไหม้ลุกลาม แผดเผาผืนป่าจนวอดวาย แต่ปัจจุบันไฟมอดลงแล้ว ประชากรเผ่ากริมที่รอดชีวิตมาได้กำลังจัดการเก็บกู้ซากกันอยู่
วัสดุที่ใช้สร้างเมืองลอยฟ้า มีความแข็งแรงทนทานเป็นอย่างมาก แม้จะถูกระเบิดอย่างรุนแรง แต่สุดท้ายก็แค่กระเด็นกระดอนออกไป ส่วนใหญ่แล้วหากซ่อมแซมก็สามารถกลับมาใช้ใหม่ได้
และตอนนี้ พวกมันกำลังกระจายตัวกันเป็นทีม เพื่อออกตามหาวัสดุ และดันมีทีมหนึ่ง ตรงเข้ามายังทิศทางของฉินเฟิงพอดี
เนื่องจากพวกมันบินกันเร็วเกินไป เลยใช้คลื่นความผันผวนชนิดหนึ่ง ที่คล้ายกับพลังสมาธิในการสื่อสาร –ก็เหมือนกับเวลาเราขับรถเร็วๆ เสียงลมมักจะอื้ออึงจนยากจะได้ยินหากเอ่ยปากสนทนา
ด้วยเหตุนี้เอง ฉินเฟิงเลยสามารถดักฟังข้อมูลของพวกมันได้อย่างง่ายดาย
“หายนะนี้ต้องเป็นฝีมือของเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาที่เพิ่งหนีไปก่อนหน้านี้แน่นอน แม้จะเล็กจ้อยและอ่อนแอ แต่กลับกล้าขัดขืนพวกเรา!”
“ทำได้ถึงขนาดนี้ บางทีพวกเขาอาจมีวัสดุดีๆที่สามารถใช้ซ่อมแซมเมืองลอยฟ้าอยู่ก็ได้”
“ที่สำคัญกว่านั้น อาจจะมีอาหารด้วย!”
“เมืองลอยฟ้าถูกระเบิด สารอาหารที่พวกเรากักตุนไว้สำหรับบุกต่างมิติเป็นระยะเวลาสิบปีหายไปหมดเลย!”
“ไอ้สารเลว ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขา! สหายร่วมชาติของพวกเราต้องจบชีวิตลงมากมาย”
“ลองบุกเมืองมนุษย์กันเหอะ บางทีพวกเราอาจได้ในสิ่งที่ต้องการ”
เนื่องจากมนุษย์ได้ลุกขึ้นต่อต้าน และสร้างความเสียหายใหญ่โต ทัศนคติของพวกมันที่มีต่อมนุษย์ เลยไม่เป็นมิตรเอามากๆ
แน่นอน สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างชาติพันธุ์ อย่างไรย่อมไม่มีทางเป็นเรื่องดี
ยังไงก็ตาม ไม่มีทางที่ฉินเฟิงจะปล่อยให้พวกมันบุกไปถึงสถานชุมชนที่ 3
อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในตอนนี้
เพราะจำนวนเผ่ากริมที่รอดชีวิตมาได้ มีมากถึงหมื่นตัว เป็นตัวเลขที่มากเกินไป!
ต้องค่อยๆทยอยฆ่าทิ้ง!
“โอบกอดทมิฬ!”
รูนมืดน่าพรั่นพรึงแตกตัวออกมา กระจายเข้าปกคลุมกริมกลุ่มนี้ทันที ความมืดมิดยามค่ำคืนคืออาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉินเฟิง กระทั่งเผ่ากริมก็ยังไม่ทันสังเกตเห็น ระหว่างบินตรงมาข้างหน้า พวกมันก็สูญเสียประสาทสัมผัสทั้งห้าไป
“ลำแสงแห่งความมืด!”
เส้นแสงสีดำปะทุออกจากสิบนิ้ว พุ่งเข้าใส่กริมทั้งกลุ่มในเวลาพร้อมๆกัน ความสามารถกัดกร่อนอันทรงพลังของอบิลิตี้มืด ข่มพวกมันให้อ่อนแอลง จนถึงขั้นไม่สามารถใช้งานปีกได้อีกต่อไป
ปุ ปุ ปุ
กริมนับสิบทยอยร่วงตกพื้นทีละตัว บางตัวก็ห้อยอยู่บนกิ่งไม้
ฉินเฟิงตั้งท่ารออยู่เบื้องล่างก่อนแล้ว!
มีดกษัตริย์ครามปาดสวนเข้าใส่คอของกริมที่ตกลงตามแรงโน้มถ่วง
กริมตัวแรกต้องการจะหลบเลี่ยง มันกรีดร้องออกมา แต่ผลลัพธ์แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้!
ฉัวะะ!
หัวที่ดูประหลาดตาม้วนกลิ้งลงกับพื้น ดวงตาใหญ่โตเบิกกว้าง ตกตายอย่างไม่ยุติธรรม
ฉินเฟิงหายวับไปจากจุดเดิม เคลื่อนกายราวกับภูติผีในความมืด โผล่อีกตำแหน่งที่กริมอีกตัวกำลังร่วงตกลงมา
เพียงชั่วพริบตา กริมนับสิบ ทั้งทีมของมันได้ถูกทำลายลง
ฉินเฟิงลากร่างของพวกมันเข้าหาตนด้วยพลังสมาธิ
ฉินเฟิงฉีกเสื้อของศพกริมออก พบว่ากล้ามเนื้อบนหน้าอกของพวกมัน มีอัญมณีสาดไสวสดใสถูกฝังอยู่
เจ้าสิ่งนี้คาดว่าน่าจะติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด
–นี่คือแก่นพลังงานของเผ่ากริม
เผ่าพันธุ์นี้ มีต้นกำเนิดแหล่งพลังงานที่ไม่เหมือนใครตั้งแต่เกิด นี่คือเหตุผลที่ทั้งกองทัพของมันมีความแข็งแกร่งสูงถึงเลเวล C
ฉินเฟิงยกมือขึ้น ดีดนิ้วดังเป๊าะ สะเก็ดไฟกองหนึ่งร่วงตกลง เผาศพเบื้องหน้า
เพียงพริบตา ร่างน่าเกลียดก็หลงเหลือเพียงอัญมณีแวววาวและโปร่งใส ขนาดเท่าก้อนกรวด
ฉินเฟิงหยิบอัญมณีทั้งสิบชิ้นมาไว้ในมือ แม้พลังงานจากมันจะไม่มากเท่ากับนายพลสัตว์ร้ายเลเวล C แต่อย่างน้อยก็บรรจุพลังงานไว้มากถึงครึ่งของมัน
นิสัยตามธรรมชาติของมนุษย์คือความโลภ พวกเขาสนเพียงผลกำไรเท่านั้น
และรางวัลจากทางพันธมิตรมนุษยชาติแค่อย่างเดียว เห็นได้ชัดว่าไม่เพียงพอที่จะล่อใจพวกเขาให้บุกเข้ามากวาดล้างสังหารเผ่ากริม
ดังนั้นอัญมณีในมือฉินเฟิง ทั้งหมดจะกลายเป็นหมากต่อรองของฉินเฟิง เพื่อใช้ดึงดูดใจของคนเหล่านั้นมา
ฉินเฟิงยังคงเดินสำรวจต่อไปเรื่อยๆ
ส่วนพวกกริมที่แยกตัวออกมาคนเดียวหรือเป็นทีมเล็กๆเพื่อรวบรวมวัสดุที่ยังเหลืออยู่ของเมืองลอยฟ้า ทั้งหมดต่างถูกล่าสังหารโดยฉินเฟิงอย่างเงียบงัน
ฉินเฟิงในเวลานี้ไม่ต่างจากเพชฌฆาตยามค่ำคืน!!
“ทั้งหมดหนึ่งร้อยห้าสิบสามตัว”
ภายในเวลาแค่หนึ่งชั่วโมง ท่ามกลางเทือกเขาหลงฉวน ฉินเฟิงสามารถล่ากริมได้เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม วิธีการล่าอันสมบูรณ์แบบเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่อาจใช้งานได้นานนัก
เพราะไม่นาน เผ่ากริมก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของสถานการณ์
“เกิดอะไรขึ้น? แหล่งข่าวบอกว่าออกไปเก็บกู้วัสดุไม่ใช่หรือ ทำไมถึงยังไม่กลับมากันซักที”
“ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรอกมั้ง?”
“อย่าประมาทดีกว่า ควรลองติดต่อดู”
“บ้าน่า! ติดต่อไม่ได้!”
“เดี๋ยวข้าจะออกไปตามหาศพ”
“ต่อจากนี้ไปพวกเราควรจะนับจำนวนคน และจัดเตรียมกำลังอย่างระมัดระวัง ที่นี่อาจมีอันตรายมากกว่าที่พวกเราคิด”
เวลานี้ เผ่ากริมยอมถอยจากแนวหน้า ถอนตัวกันออกมา ทั้งยังค้นพบว่ากำลังพลของพวกมันสูญเสียไปกว่าร้อยตนเช่นกัน
ตอนนี้รองผู้บัญชาการของพวกมัน ที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล C ระดัีบราชันย์ปัจจุบันมันมีใบหน้าซีดขาว ปกติน่าเกลียดอยู่แล้ว นี่ยิ่งดูน่าเกลียดกว่าเดิม
“อันดับแรกสร้างเมืองป้องกันก่อนเถอะ พวกเราเก็บกู้เครื่องจักรมาได้บางส่วนแล้ว ปืนใหญ่พลังงานก็พร้อมใช้งาน”
แม้เผ่ากริมจะมีความแข็งแกร่งอยู่ที่เลเวล C แต่ตอนนี้พวกมันรู้สึกไม่ปลอดภัย
ฉินเฟิงไม่มีโอกาสลอบโจมตีอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงแน่นอนไม่ยินยอมปล่อยพวกมัน
“ไป๋หลี ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเธอแล้ว”
ฉินเฟิงกล่าวเสียงจม
“ได้เลย ไอ้สารเลวพวกนี้ ฉันจะไม่ยอมปล่อยพวกมันไป”
ในดวงตากระจ่างใสของไป๋หลี เผยถึงร่องรอยจางๆของความโกรธ
แม้ความสัมพันธุ์ระหว่างเธอกับเกาหยูคังจะเป็นในฐานะสหายที่ดีเท่านั้น แต่เกาหยูคังเคยเลี้ยงข้าวไป๋หลี ทั้งยังแสดงถึงความรู้สึกจริงใจ ต้องไม่ลืมนะว่าไป๋หลีไวต่ออะไรพวกนี้มาก เธอไม่อาจจับจิตมุ่งร้ายของอีกฝ่ายได้เลย ฉะนั้นจึงยอมรับเกาหยูคังในฐานะสหาย
แต่ผลสุดท้าย สหายคนนั้นกลับต้องหลับไหลลงในที่แห่งนี้ตลอดกาล
โดยที่เธอไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้เลย ความคับข้องใจเช่นนี้ ความโกรธ และเกลียดชังนี้ ยังจะสามารถระงับได้อีกหรือ?
ร่างกายของไป๋หลีหดตัวลงอย่างรวดเร็ว เธอกระโจนออกจากชุดเดรส จากนั้นก็เริ่มขยายตัวขึ้นจนสามารถยืนหยัดต้านสายลม
ในพริบตา ไป๋หลีได้เปิดเผยความแข็งแกร่งระดับจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล C ออกมา
เธอสูงกว่า 15 เมตร ขนฟูเปล่งประกายระยิบระยับไปด้วยแสงดาวสีเงินท่ามกลางแสงจันทร์ และเบื้องหลังเธอ ปรากฏห้าหางกำลังกวัดแกว่งไปมา คล้ายกับกำลังฉีกมิติอยู่ตลอดเวลา
ไป๋หลีกระโจนขึ้นทันใด
ฉินเฟิงยกอุปกรณ์สื่อสารขึ้น บันทึกภาพจากระยะไกล เล็งไปยังตำแหน่งที่พวกกริมกำลังรวมตัวกันอยู่ในขณะนี้
“ให้พันธมิตรมนุษย์ เข้าใจผิดว่าพวกกริมยั่วยุให้สัตว์ร้ายเลเวล C โกรธก็แล้วกัน”
ร่างของไป๋หลีเพิ่มพูนขนาดกลายเป็นใหญ่โต ทว่ากลับว่องไวปราดเปรียวยิ่งกว่าเดิม เธอไม่ได้ปิดซ่อนความแข็งแกร่งของตัวเองแม้แต่น้อย พริบตาเดียวกระโจนเข้าไปถึงค่ายของพวกกริม
กริมหลายตัวไม่มีเวลามากพอจะหลบเลี่ยง ถูกเธอเหยียบตายจมตีนทันที!
“อ๊ากกกกกก”
กริมที่ถูกเหยียบส่งเสียงกรีดร้องน่าเวทนา
หางยาวของไป๋หลีกวาดออกไป กริมหลายสิบตนปลิวขึ้นไปในอากาศทันที นี่ไม่ใช่แค่การเป่าให้ลอยออกไป แต่ทุกการกวัดแกว่งหางของเธอ สร้างรอยแยกมิติปรากฏขึ้นนับไม่ถ้วน
“ฆ่ามัน!”
“เร็วเข้า สังหารมันซะ”
“รีบถอนกำลัง ให้ข้ารับมือมันเอง!”
รองหัวหน้ากริมเลเวล C ระดับราชันย์ ระเบิดอำนาจครึ่งหนึ่งออกมา ปราดเข้าหาไป๋หลี
ในสายตาของไป๋หลี เผยถึงความดูถูก ระคนโกรธแค้นที่ตัวตนต่ำต้อยมาล่วงเกินจักรพรรดิอย่างเธอ!
“ก๊าซซซซ”
ไป๋หลีคำรามเกรี้ยวกราด เพียงพริบตา ทั้งร่างของกริมระดับราชันย์ก็ถูกคลุมไปด้วยแสงสีเงิน มีสภาพราวกับกล่อง กักขังตัวมันเอาไว้
ต่อมา กล่องลูกบาศก์เริ่มหดแคบลง ลดขนาดลงอย่างต่อเนื่อง
จากสองเมตร กลายเป็นหนึ่งเมตร กริมระดับราชันย์พยายามต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนัก แต่สุดท้ายถูกบีบจนมีขนาดเท่าลูกบอล ปีกมิอาจสยาย ถูกหักคับให้หักลง