โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 422
3/5
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.422 – ตรวจสอบผู้การรัฐ
“หัวหน้าฉิน ดูเหมือนคุณจะปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้แล้ว งั้นอันดับแรกโปรดกรอกข้อมูล”
แบบฟอร์มปรากฏขึ้นต่อหน้าฉินเฟิงโดยอัตโนมัติ
ตรงส่วนนี้ไม่มีอะไรมาก เป็นแค่ข้อมูลประมาณว่าเกิดในสถานชุมชนอะไร , เกิดเมื่อไหร่ , เลขบัญชีส่วนบุคล ฯลฯ
ฉินเฟิงเริ่มสั่งการความคิด กรอกแบบฟอร์มทันที
หลี่จื่อซานรู้สึกตกใจเล็กน้อย
“หัวหน้าฉิน คุณไม่เหมือนกับคนเพิ่งเคยใช้งานตัวเชื่อมต่อจิตสำนึกเป็นครั้งแรกเลย”
ฉินเฟิงตอบอย่างเฉยเมย “การควบคุมจิตสำนึก ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นสินะ ฉันลิมไปเลย ว่าหัวหน้าฉินเป็นผู้ใช้อบิลิตี้สองประสาน”
ดวงตาของฉินเฟิงสาดประกายเย็นชา “มิสหลี่ คุณเองก็เหมือนจะรู้เรื่องมาไม่น้อย”
สีหน้าของหลี่จื่อซานแปรเปลี่ยนไป แต่สักพักก็หัวเราะ “แน่นอน เพราะในฐานะตัวแทนพิเศษ ฉันจำเป็นต้องตรวจสอบตัวตนของหัวหน้าฉินเช่นกัน”
“หวังว่าจะแค่นั้น!” ฉินเฟิงกล่าวประโยคที่ชวนคิดไปได้หลายความหมาย
เขาเกิดลางสังหรณ์บางอย่าง เกรงว่าในวันนี้ เรื่องราวมันอาจไม่ราบรื่นนัก
“เอาล่ะหัวหน้าฉิน เท่านี้คณก็สามารถลงสมัครเป็นผู้การรัฐเขตสี่เมืองทะเลเหนือได้แล้ว จากนี้ไป ทางเราจะทำการสุ่มผู้ใช้พลังเลเวล B จำนวน 3 คนเข้ามาตรวจสอบ”
คิ้วของฉินเฟิงย่นเข้าหากัน
“นายพลหวังไม่ได้พูดแบบนี้ เขาบอกชัดเจนแล้วว่าผมได้เป็นรักษาการผู้การรัฐ ทำไมต้องผ่านการตรวจสอบอีก?”
หลี่จื่อซานยิ้มจาง “หัวหน้าฉิน นายพลหวังแน่นอนย่อมมีอำนาจแต่งตั้งคุณเป็นรักษาการ ยังไงก็ตาม สถานะรักษาการก็สมชื่อของมัน หากมีใครสมัครเป็นผู้การรัฐอย่างเป็นทางการ ทุกอย่างก็จะต่างออกไป หรือสรุปง่ายๆ ว่าคุณกับอีกคนหนึ่งจะต้องแข่งกัน”
เรื่องนี้ไม่เหมือนกับที่ฉินเฟิงและหวังโจวตกลงกันไว้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หวังโจวไม่ได้อยู่ในสถานชุมชนหลงฉวนที่ 3 และฉินเฟิงก็ไม่ต้องการออกไปเพื่อติดต่อหาเขาอีกครั้งเช่นกัน
“งั้นก็สมัครเลย!” ฉินเฟิงเอ่ยเสียงเย็นชา
ต่อให้ต้องแข่งกับคนอื่น ก็แล้วไง? อย่างเขาน่ะหรือจะกลัว!!
พลังสมาธิของฉินเฟิงเริ่มเคลื่อนไหว หน้าจอเดียวกับเครือข่ายนักสู้ปรากฏขึ้น เพียงแต่ในเวลานี้ มีอีกตัวเลือกหนึ่งปรากฏขึ้นมา : รายการสมาชิกระดับสูงของพันธมิตรมนุษยชาติ
ฉินเฟิงกดคลิกลงในรายการทันที ไม่ช้า เขาก็พบที่ตั้งของสี่เมืองทะเลเหนือ ขณะนี้ตำแหน่งผู้การรัฐเขตทะเลเหนือว่างลง แต่ในช่องผู้สมัคร มีคนหนึ่งสมัครอยู่ก่อนแล้ว
สีหน้าของฉินเฟิงแปรเปลี่ยนไป
เขากดคลิกลงบนตัวเลือกสมัครอย่างรวดเร็ว –ตัวเลขผู้รับสมัครเพิ่มขึ้นเป็น 2
จากนั้น ฉินเฟิงเฝ้ารออย่างเงียบๆ ประมาณสองสามนาที ต่อมา ในจิตสำนึกของเขาก็ได้รับข้อความ
【ผู้ใช้พลังเลเวล D ฉินเฟิง ในส่วนของการลงสมัครเป็นผู้การรัฐเขตทะเลเหนือ บุคลากรที่ร่วมตรวจสอบคุณ ได้แก่ ฟูเหวินจู , เหอเล่อหมิง และกวงเว่ย】
ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีคนรู้จักอยู่หนึ่งในนั้น
อีกทั้งยังเป็นนายพลคนสุดท้ายที่รั้งอยู่ในสถานชุมชนหลงฉวนที่ 3
อย่างไรก็ตาม กวงเว่ยคนนี้มิได้มีไมตรีใดๆกับฉินเฟิง
【ต้องการจะเข้าห้องตรวจสอบเลยหรือไม่ : 10 , 9 , 8 , 7 …】
ไม่รั้งรอให้ตัวเลขเด้งเตือนขึ้นไปมากกว่านี้ พลังสมาธิของฉินเฟิงถูกเร่งเร้า มุ่งตรงไปยังห้องตรวจสอบทันที
“ต้องการ!”
วูบบบบ!
ดวงตาของฉินเฟิงกลายเป็นพร่ามัว วินาทีต่อมา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องตรวจสอบ
เบื้องหน้าตนเป็นเวทียกสูง จัดเรียงไว้ด้วยโต๊ะและเก้าอี้ไม้สีน้ำตาล โดยมีสามผู้ตัดสินนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ส่วนฉินเฟิงยืนอยู่เบื้องล่าง
ต้องขอบอกว่า ไม่ว่าผู้ใช้พลังคนใด หากตกอยู่ในสถานการณ์นี้ คงรู้สึกกดดันอย่างหนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สามคนเบื้องหน้า ล้วนสวมใส่เครื่องแบบทหาร และบนหน้าอก ติดตราสัญลักษณ์เลเวล B ที่ไม่เหมือนกัน บ่งบอกถึงสถานะที่ต่างกันออกไป
ทั้งสามคนกำลังอ่านประวัติของฉินเฟิง
ข้อมูลเหล่านี้ มิใช่มีแค่ในส่วนที่ฉินเฟิงเพิ่งกรอกแบบฟอร์มไป แต่รวมไปถึงข้อมูลจากตึกรับรองผู้ใช้พลัง , ทุกภารกิจทั้งหมดในแนวหน้า , ข้อมูลจากเครือข่ายนักล่าเงินรางวัล และข้อมูลการล่าสังหารสัตว์ร้าย
“หลังจากถูกปลุกพลังได้เพียงครึ่งเดือน ก็เข้าร่วมภารกิจปราบปรามการรุกรานของกองทัพศพ สามารถสังหารราชันย์เลเวล F และก้าวขึ้นเป็นผู้นำสถานชุมชนเล็กๆ”
“เข้าร่วมภารกิจกอบกู้เมืองหาน!”
“ได้รับการยกย่องจากกลุ่มซ่งเฉิง ว่าสามารถต่อกรกับปีศาจเสพวิญญาณเลเวล E”
“รายงานช่วงประจำการในปราการชาตงเองก็ไม่เลว”
“สงครามในหลงฉวนครั้งล่าสุด สถิติสังหารเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา … มากกว่า 4,000ตัว? และทุกตัวเป็นเลเวล C !?”
อ่านถึงจุดนี้ สีหน้าของทั้งสามเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
ในความเป็นจริง กระทั่งกวงเว่ยก็ยังประหลาดใจกับบันทึกสถิติของฉินเฟิง
เพราะหลังจากตรวจสอบสถิติของตน กวงเว่ยก็จากไปทันที เขาเลยไม่รู้ ว่าฉินเฟิงสามารถสังหารได้มากมายถึงขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ภารกิจนี้ระบุรางวัลชัดเจน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ในบัญชีส่วนบุคคลของฉินเฟิง ปัจจุบันย่อมมีเงินสะสมอย่างน้อย 4 ล้านล้าน!
ตัวเลขดังกล่าว ต่อให้เป็นเลเวล B ก็ยังใจเต้น
ฉินเฟิงผู้นี้ ร้ายกาจจริงๆ
คนแรกที่เปิดปาก คือเหอเล่อหมิงที่นั่งอยู่ตรงกลาง นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในห้อง มีเลเวลอยู่ที B4 หลังจากทำการเชื่อมต่อจิตสำนึก เขาก็ถูกสุ่มให้มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ตอนแรกก็รำคาญอยู่หรอก แต่พอได้อ่านรายงาน ขอบอกเลยว่าต่อให้เป็นเขาก็ยังประหลาดใจ ดูเหมือนว่าในบรรดารุ่นเยาว์ จะปรากฏตัวตนชนิดต่อต้านสวรรค์ขึ้นอีกคนแล้ว
“ฉินเฟิง ประวัติของนายยอดเยี่ยมมาก ด้วยความแข็งแกร่งของนายในปัจจุบัน เพียงพอที่จะเข้ารับตำแหน่งผู้การรัฐเขตสี่เมืองทะเลเหนือ” เหอเล่อหมิงพูดจบ ก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีอีกสองคนอยู่ข้างๆ เลยเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัว “แล้วคุณสองคนคิดว่าอย่างไร?”
ฟูเหวินจูแม้ดูไม่ใส่ใจ แต่สีหน้าเขาซีดลงเล็กน้อย ก่อนหัวเราะและกล่าว “ยังมีผู้สมัครอีกคนหนึ่ง พวกเรารอตรวจอีกคนก่อนเถอะ”
เหอเล่อหมิงขมวดคิ้วและกล่าว “ยังจำเป็นอีกหรือ? ประวัติของคนๆนั้น … ”
เหอหลี่หมิงยังไม่ทันเอ่ยปากจนจบ เขาก็ถูกอีกคนขัดจังหวะ
เป็นกวงเว่ย
เสียงของกวงเว่ยเย็นชาราวน้ำแข็ง “จำเป็นต้องตรวจสอบ เพราะผู้การรัฐเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญมาก”
“แต่ความแข็งแกร่งของอีกคน เมื่อเทียบกับฉินเฟิงแล้ว มันไม่ด้อยไปหน่อยหรือ? โดยเฉพาะผลงานในภารกิจครั้งล่าสุด!” เหอเล่อหมิงกล่าว
กวงเว่ยมองไปทางเหอเล่อหมิง “ความแข็งแกร่งไม่ใช่ตัวแทนของทุกสิ่ง บางครั้งเป็นการกระทำของผู้คนต่างหาก ที่พวกเราสมควรพิจารณา ตำแหน่งนี้ค่อนข้างสำคัญ จะมอบให้กันง่ายๆไม่ได้!”
หน้าผากเหอเล่อหมิงเริ่มยับย่น จู่ๆเขาก็เริ่มรู้สึกว่า การตรวจสอบในวันนี้ มันไม่ง่าย
เขาอ่านประวัติของอีกคนอีกครั้ง นี่มันไม่แตกต่างไปจากเลเวล C ทั่วๆไปเลย เทียบไม่ได้กับฉินเฟิงสักนิด
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลบางส่วนในประวัติ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นภารกิจส่วนรวม แต่นี่กลับนำมาใช้เป็นผลงานส่วนตน ข้อมูลเกินจริงไปหรือไม่? ผู้คนที่มีประวัติเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบไม่ใช่แค่เรื่องของเหอเล่อหมิงเพียงคนเดียว ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่ากวงเว่ยเข้าข้างอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
หรือว่าผู้สมัครอีกคนจะเป็นลูกน้องที่เขาไว้ใจกันนะ?
เรื่องนี้ยิ่งทำให้สีหน้าของเหอเล่อหมิงดูไม่ได้ เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ระงับความคิดนี้เอาไว้ เอ่ยปากออกมา “ถ้าอย่างนั้น พวกเราเรียกอีกคนมาตรวจสอบกันตอนนี้เลยดีไหม?”
เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ ฉินเฟิงที่ไม่เคยพูดอะไรเลย ก็เอ่ยปากออกมา
“แม้ความแข็งแกร่งจะไม่ใช่ตัวแทนของทุกสิ่ง แต่ผมคิดว่า ความแข็งแกร่งสามารถช่วยปกป้องผู้คนได้ อีกอย่าง นี่คือยุคโลกาวินาศ ไม่ใช่ว่าผู้แข็งแกร่งควรได้รับการเคารพหรอกหรือ? ทำไมจู่ๆคุณถึงพูดเรื่องการกระทำขึ้นมา? แต่เพราะแบบนี้ มันเลยทำให้ผมเกิดความสงสัย ว่าสุภาพบุรุษที่ผมกำลังแข่งขันกันอยู่ ได้กระทำการอันใดที่น่ายกย่องไปบ้าง? แต่ผมขอเดานะ ว่าคนที่คิดแย่งเขตสี่เมืองทะเลเหนือ มีชื่อว่า …. ”
แนวสายตาของฉินเฟิง ตรึงลงบนร่างของกวงเอ่ย ปากสดับขับขานเพียงสองคำ
“เล่ยหยิง!”