โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 460
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.460 – ภูเขายักษ์ในอากาศ
“ยินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ กองทัพสัตว์ร้ายปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน แต่แขกผู้มีเกียรติกลับให้การช่วยเหลือ ดังนั้นทางเราได้เตรียมของขวัญเล็กๆน้อยๆไว้เป็นพิเศษ หวังว่าคุณจะชอบ”
แอปไซโบกมือส่งสัญญาณ ให้คนนำของขวัญมามอบให้กับฉินเฟิง
ปรากฏว่าเป็นถังคริสตัลหมักไวน์
แน่นอน ว่าราคาของมันไม่ถูกเลย
ตัวไวน์ทำมาจากผลไม้วิญญาณชนิดพิเศษของเมืองผูไซ หากนำไปขายภายนอก ไวน์หม้อเดียวก็มีมูลค่าหลายแสนเหรียญแล้ว ส่วนถังไวน์เบื้องหน้านี้ น่าจะมีมูลค่าอย่างน้อยหลักสิบล้าน ซึ่งเทียบเท่าได้กับการสังหารมังกรตลบดินเลเวล E
“ขอบพระคุณท่านประมุขเผ่า”
แอปไซหัวเราะร่า
“ไม่ทราบว่ามิสเตอร์แข็งแกร่งถึงระดับไหนหรือ? แล้วพบเมืองผูไซของฉันได้อย่างไร? อย่าบอกนะว่าคุณเองก็สนใจสมบัติที่อยู่ลึกเข้าไปในเทือกเขา?”
“ใช่ ผมมาที่นี่ในคราวนี้ เพราะตั้งใจจะมาสำรวจเทือกเขา” ฉินเฟิงตอบคำถามด้วยรอยยิ้มบาง
จิ่นเฟยกับโกวซ่งที่อยู่ใกล้ๆไม่ทราบเรื่องราว ดังนั้นคิดว่านี่เป็นความตั้งใจของฉินเฟิงจริงๆ
แอปไซยิ้มยิงฟันจนไม่เห็นดวงตา “ฮ่าฮ่าฮ่า เช่นนั้นขอออวยพรให้มิสเตอร์ฉินกลับมาอย่างมีชัย ได้รับสมบัติตามปรารถนา”
ฉินเฟิงชูแก้วไวน์ให้อีกฝ่าย และยกดื่มพร้อมกัน
ทว่าแท้จริงในจิตใจ ฉินเฟิงกลับหัวเราะเย็นชา
เพราะเทือกเขาเมืองผูไซ ไม่ว่าที่ใดก็ล้วนเต็มไปด้วยอันตราย และมันไม่มีสมบัติอะไรอยู่เลย ทั้งหมดเป็นเรื่องลวงที่แอปไซปล่อยออกมาเท่านั้น
ในเครือข่ายนักสู้ ข่าวเกี่ยวกับเมืองผูไซ ได้บันทึกเอาไว้ว่า ผู้ใช้พลังเลเวล F คนหนึ่งสำรวจลึกเข้าไปในเทือกเขา และบังเอิญพบกระดูกชิ้นหนึ่ง ผลปรากฏว่าเป็นกระดูกจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล A ซึ่งมีมูลค่านับ ร้อยล้านล้าน ส่งผลให้ผู้ใช้พลังคนนั้นกลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน
บ้างก็เป็นข่าวว่ามีบางทีมแทรกซึมเข้ามาในเทือกเขา และค้นพบสมุนไพรวิญญาณหายากโดยบังเอิญ จนเกิดการต่อสู้แย่งชิงสมุนไพรกันเอง
และอีกหลายข่าวที่ถูกส่งออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
แน่นอน ว่าทั้งหมดล้วนเป็นข่าวลวง
มันคือข่าวที่แอปไซปล่อยออกมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ใช้พลัง เนื่องจากแอปไซหวั่นเกรงว่าผู้ใช้พลังระดับสูงจะฮุบเอาตำแหน่งของเขา
เพราะท้ายที่สุดแล้ว แอปไซมิได้เข้าร่วมกับพันธมิตรมนุษยชาติ และตำแหน่งประมุขของเขา คนต่างถิ่นสามารถเข้ามาแทนที่ได้ตลอดเวลา
ดังนั้น แอปไซจึงใช้สมบัติล่อลวง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากเหล่าผู้ใช้พลัง
และหากจำเป็น เขาก็จะวางยาพิษใส่เหล่าผู้ใช้พลัง
กล่าวง่ายๆก็คือเจ้าเมืองผูไซผู้นี้ คิดว่าตนเองเป็นประมุขของแผ่นดินที่ตนอยู่จริงๆ –ยามตนได้นอนอยู่บนโซฟานุ่ม จะไม่มีวันปล่อยให้ผู้อื่นมานอนกรนข้างๆโดยเด็ดขาด
แต่ฉินเฟิงก็ไม่คิดเปิดโปงความลับของอีกฝ่าย เพราะอย่างไรเสียเขายังมีเรือเหาะอยู่นอกเมือง ดังนั้นเพียงเข้ามา แต่ไม่คิดพักอาศัย
และแอปไซก็ไม่ได้สงสัยอะไรเขาเช่นกัน หรืออาจกล่าวได้ว่า เขาไม่คิดว่าฉินเฟิงเป็นภัยคุกคามใหญ่โตก็ได้ ดังนั้นจึงไม่วางยาพิษในไวน์ของฉินเฟิง
อันที่จริงพิษของแอปไซไม่ได้ร้ายแรงอะไร ทว่าหากดื่มมันและเข้าไปในเทือกเขาจนสัมผัสกับกลิ่นในพื้นที่แล้วล่ะก็ มันจะถูกเปลี่ยนเป็นพิษร้ายแรงทันที ส่งผลให้ผู้คนเสียชีวิตนับไม่ถ้วน
สิ่งนี้ถูกเปิดเผยตอนพันธมิตรมนุษย์ออกไล่ล่าแอปไซ
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับฉินเฟิง ผู้คนบางจำพวก ย่อมมีวิธีการของตนเองเพื่อแข็งแกร่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือคิดแสวงโชค และเมื่อเลือกทางนั้น ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา
ดังนั้นนี่ยังไม่ใช่เวลารายงานเรื่องนี้
หลังจบงานเลี้ยง ฉินเฟิงไม่คิดอยู่ต่อ กลับออกไปในโซนทุ่งล่า
ลูกน้องของแอปไซตามมาส่งฉินเฟิงถึงที่ ก่อนจะกลับไปยังเมืองผูไซ
“หัวหน้าเผ่า ดูเหมือนว่าชายคนนี้ จะไม่ได้สนใจเมืองผูไซของพวกเรา อย่างไรก็ตาม เขามีเรือเหาะ มันดูทรงพลังมากทีเดียว ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
ขณะรายงาน ลูกน้องก็เปิดอุปกรณ์สื่อสารให้แอปไซดูไปพลางๆ
อันที่จริงแล้วใช่ว่าเมืองผูไซจะไม่มีอุปกรณ์สื่อสารเลยซะทีเดียว แต่เป็นแอปไซเองที่ไม่ต้องการให้พลเมืองของเขาล่วงรู้เกี่ยวกับมัน
เมื่อเห็นเรือเหาะของฉินเฟิง ดวงตาของแอปไซกระพริบไหวด้วยความโลภทันที แต่ต่อมาก็ส่ายหน้าด้วยความเสียดาย
“เจ้าสิ่งนี้ใหญ่เกินไป ต่อให้พวกเรานำกลับมาได้ ก็ไม่อาจนำมาใช้งาน ปล่อยไปก่อนเถอะ แล้วคอยสังเกตดูว่าพวกเขามีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง”
“น้อมรับคำสั่ง!”
…
ไม่คิดเอ่ยคำใดเกี่ยวกับแผนการของเจ้าเมืองผูไซ หลังจากฉินเฟิงกลับไปที่เรือเหาะ เขาก็สั่งการให้เหล่าลูกเรือเคลื่อนไหวอย่างอิสระ พวกเขาสามารถออกล่าสัตว์ร้ายในบริเวณใกล้เคียงตามอัธยาศัย โดยไม่ต้องนำมามอบให้แก่ฉินเฟิง
ผู้คนเหล่านี้ล้วนมาจากเมืองหวัง ทั้งหมดแทบไม่มีเงินติดตัว ดังนั้นปล่อยให้พวกเขาไปหารายได้ส่วนตัวบ้าง
ไม่เว้นกระทั่งโกวก๋วน ยากนักที่เขาจะยอมลงจากเรือเหาะ สะพายปืนบุกเข้าไปยังเทือกเขา และออกสำรวจรอบๆ
ฉินเฟิงไม่ได้ยุ่งอะไรกับผลึกชีพจรธรณีที่ได้รับมาชั่วคราว เขาตัดสินใจเก็บรวบรวมให้ได้จำนวนหนึ่ง แล้วค่อยใช้ทีเดียวพร้อมกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น ผืนดินรอบตัวสั่นสะเทือนอีกครั้ง คราวนี้ระยะกว้างขึ้นกว่าเดิม กระจายมาถึงตำแหน่งที่พักของฉินเฟิง
ถนนทางไปเมืองผูไซก่อนหน้านี้ ยุบตัวลงอย่างรุนแรง
แมลงสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาจากพื้นดิน รวมตัวกันเป็นกองทัพสัตว์ร้ายอีกครั้ง
แต่ก็ยังเป็นฉินเฟิงที่มาถึงก่อนเวลา
“พรมโลกันต์!”
ฉินเฟิงเผาแมลงสัตว์ร้าย เขาว่องไวเป็นอย่างมาก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีผลึกชีพจรธรณีถูกพวกแมลงกลืนกินเร็วเกินไป จนกลายเป็นของเสีย
อย่างไรก็ตาม เรื่องเกี่ยวกับใต้ดินบางครั้งก็ยากที่จะจัดการ เนื่องจากเป็นพื้นแข็ง พลังสมาธิของฉินเฟิงไม่สามารถเจาะลึกลงไปได้มากนัก
ยังไงก็ตาม ฉินเฟิงก็ยังได้รับกำไรก้อนโต เขาเก็บกู้ผลึกชีพจรธรณีได้มากยิ่งกว่าเมื่อวาน
และวันที่สาม , สี่ , ห้า ก็ล่วงเลยไป …
ฉินเฟิงเก็บรวบรวมผลึกชีพจรธรณีไม่หยุดยั้ง สะสมพวกมันจนตีมูลค่าเป็นนับล้านล้าน!
และเมื่อมาถึงวันที่หก แผ่นดินก็เริ่มสั่นสะเทือนอีกครั้ง
ในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเที่ยง มันสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ แม้แต่เมืองผูไซที่อยู่ห่างไกลยังรู้สึกได้ พลเมืองต่างส่งเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ตกอยู่ในความอลหม่าน
ฉินเฟิงที่ยืนอยู่บนเรือเหาะ เหม่อมองไปยังสถานที่ห่างไกล
จิ่นเฟย , โกวก๋วน , โกวซ่ง และคนอื่นๆที่อยู่รอบตัวเขาก็ตกตะลึงเช่นกัน
เพราะเบื้องหน้า … ภูเขายักษ์กำลังลอยขึ้นจากพื้นดิน!
ยอดเขาสูงใหญ่ทิ่มแทงผืนดินขึ้นมา ภูเขาขนาดยักษ์ปรากฏขึ้น บนผืนดินโดยตรง ทั้งยังแผ่กระจายพลังงานหนาแน่นกวาดกระจายไปทั่ว
ฉากนี้ราวกับภูเขาอมตะ ปรากฏขึ้นจากในอากาศที่บางเบา
จิ่นเฟยจ้องมองตาค้าง “นี่ นี่มัน … ”
จิ่นเฟยรู้สึกราวกับตนเองเป็นกบในกะลา ไม่อาจทราบว่าสถานการณ์เบื้องหน้ามันเรื่องบ้าอะไรกัน
อย่างไรก็ตาม ที่เห็นได้ชัดๆเลยก็คือ ภายในภูเขาลูกนี้ กำลังปลดปล่อยแมลงสัตว์ร้ายมากมายออกมา
“ทุกคนเตรียมพร้อมรอคำสั่ง ส่วนไป๋หลี เธอมากับฉัน”
ปกติฉินเฟิงไม่ได้ให้ไป๋หลีตามเขามา เพราะก่อนหน้านี้มันก็แค่การต่อสู้เล็กๆน้อยๆ แต่ในวันนี้ มันต่างออกไป!
เพราะคราวนี้ คือการปะทุครั้งใหญ่ของผลึกชีพจรธรณี!
“เร็วเข้า รีบค้นหา ก่อนที่พวกแมลงจะเจอ!” ฉินเฟิงกล่าว
“เข้าใจแล้ว”
สำหรับคนอื่นๆมันเป็นเรื่องยากมากๆ แต่สำหรับไป๋หลี มันง่ายยิ่งกว่าง่าย
ฉินเฟิงกระโจนขึ้นไปบนภูเขาลูกนั้นอย่างกะทันหัน อันที่จริงภูเขายังคงทิ่มขึ้นมาจากพื้นดินอยู่ สถานการณ์อันน่าตื่นตะลึงยังไม่จบลง
ผลึกชีพจรธรณีขนาดเท่าบาสเกตบอลชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้น
ฉินเฟิงก้าวไปข้างหน้า เอื้อมมือไปคว้ารับมัน
แต่ในตอนนั้นเอง พื้นดินเริ่มปูดนูนขึ้นอีกครั้ง และจู่ๆผลึกธรณีขนาดลูกบาสเกตบอลก็เด้งขึ้นไปในอากาศ ทว่าหากมองฉากนี้อย่างระมัดระวัง ท่านจะพบว่าสิ่งต่างๆมิได้ง่ายดายดังเช่นที่กล่าวมา
มังกรตลบดินผุดขึ้นจากตำแหน่งผิวดินนูนตรงจุดนั้น มันอ้าปากกลืนกินผลึกธรณีเข้าไปโดยตรง!
หากเป็นผลึกธรณีลูกเล็ก ผลกระทบอาจไม่ชัดเจนนัก ทว่าเมื่อขนาดเท่าบาสเกตบอลถูกกลืนลงไป มังกรตลบดินพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าตื่นตะลึงทันใด
ลำตัวของมันที่แต่เดิมเคยอ่อนนุ่ม ปัจจุบันเริ่มผุดเกล็ดแข็งขึ้นปกคลุม ส่วนหัวกลายเป็นดุร้ายป่าเถื่อน ถูกแทนที่ด้วยปากใหญ่ ไร้ซึ่งจมูกและดวงตา!
มันวิวัฒนาการ!
กลิ่นอายของมังกรตลบดินตัวนี้ แปรเปลี่ยนเป็นน่าสยองเกล้า
จากเดิมเลเวล E ทะลุผ่านไปถึงเลเวล D โดยตรง ทั้งยั้งยกระดับกลายเป็นราชันย์สัตว์ร้าย!