โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 464
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.464 – ศัตรูมักคาบเกี่ยวในเส้นทางเดียวกัน
“ทักษะลับกลืนดารา!”
ร่างไร้หัวถูกดูดซับกำลังภายในโดยฉินเฟิงทันที มันกลายเป็นยาชูกำลังชั้นยอดให้แก่เขา
จากนั้น เปลวเพลิงก็ร่วงตกลงบนร่างศัตรู ก่อนรูนไฟถูกเรียกกลับเข้ามาในมือของฉินเฟิง
กระบวนการทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นในระหว่างที่ฉินเฟิงยังลอยอยู่กลางอากาศ และจบลงพอดีในช่วงเวลาที่เท้าของเขาหยั่งลงกับพื้น
ปัจจุบันบนพื้นเต็มไปด้วยแมลง เมื่อฉินเฟิงตกลง เขาก็ถูกรุมล้อมด้วยฝูงสัตว์ร้ายทันที
“เหอะ!”
ยังไงก็ตาม พวกมันเป็นแค่ฝูงแมลงเลเวล D ไม่อาจทำอันตรายใดๆต่อฉินเฟิงได้ พรมโลกันต์กวาดกระจายบนพื้นดิน เปลี่ยนเหล่าสัตว์ร้ายกลายเป็นขี้เถ้าในพริบตา
ทว่าแมลงสัตว์ร้ายกลับบุกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บุกมาเรื่อยๆราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
‘แบบนี้ไม่ถูกต้อง ตามสัญชาติญาณแล้วพวกมันสมควรล่าถอย … หรือว่าจะหนีอะไรบางอย่างมา?’
ฉินเฟิงขบคิด ก่อนตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังต้นทางที่สัตว์ร้ายมุ่งมา โอบกอดทมิฬปกคลุมร่างกาย ลอบเร้นตรงไปอย่างไร้ซุ่มเสียง
หลังจากมุ่งหน้ามาได้ราวๆ 500 เมตร ฉินเฟิงที่อยู่ใจกลางภูเขา ก็พบกับเหตุการณ์ตรงหน้า
พวกแมลงหนีบางอย่างมาจริงๆ และปรากฏว่าเป็นราชันย์แมลงเลเวล C !
“ที่แท้ก็เป็นหอยทากเกราะเหล็กระดับราชันย์”
หากจะกล่าวให้ถูกต้อง สมควรบอกว่าเจ้าสิ่งนี้วิวัฒนาการมาจากหอยทากหลังเหล็ก ครอบครองพลังป้องกันเป็นที่หนึ่ง และตราบใดที่มันกลืนผลึกธรณีเข้าไป และหดหัวเฝ้าปกป้องตัวเองสักสองสามวัน ความแข็งแกร่งของมันย่อมเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก
ปัจจุบันหอยทากเกราะเหล็กสูงเทียบเท่ากับอาคารสามชั้น เปลือกหอยทากแข็งจนมิอาจทำลายได้ ยังไม่พอ อบิลิตี้ธาตุน้ำของมันก็ทรงพลังมากเช่นกัน ทั้งยังมีพิษที่สามารถก่อกวนระบบประสาท
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมัน ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสัตว์ร้ายตัวอื่นๆถึงตัดสินใจหลบหนี
ฉินเฟิงชะลอฝีเท้า ใช้กลิ่นอายแห่งความมืดซ้อนทับลงไปอีกชั้น เพื่อให้ศัตรูไม่อาจตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา
แต่เมื่อเข้าไปใกล้กว่าเดิม ไม่คิดเลย ว่ากำลังมีคนเผชิญหน้ากับราชันย์หอยทากเกราะเหล็กอยู่พอดี
แต่สถานการณ์เห็นได้ชัดว่าไม่สู้ดี
บนพื้นดิน ปรากฏสองศพนอนแน่นิ่ง เหลืออีกสี่คนกำลังต่อสู้
อย่างไรก็ตาม ทั้งสี่คนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่พวกเดียวกัน
หนึ่งในนั้นพยายามหลบหนี แต่อีกสามคนขวางเขาเอาไว้ แม้แต่ราชันย์หอยทากก็ยังช่วยขวางเขา
และสิ่งที่ทำให้ฉินเฟิงต้องประหลาดใจก็คือ ทั้งสามคนนั่น ดันเป็นคนที่ฉินเฟิงรู้จักอย่างกะทันหัน
หนึ่งในนั้นคือเล่ยหยิง!
ส่วนอีกกสองคน คือพรรคพวกที่เคยร่วมลอบโจมตีฉินเฟิง เป็นผู้ใช้พลังเลเวล C ฮั่นเฉิงหมิง และพันธมิตรองค์กรมืดหลิวเป่ย
ไม่คิดเลย ว่าทั้งสามยังคงร่วมมือกันอยู่ สงสัยยังไม่เข็ดจากครั้งที่แล้ว
แขนของเล่ยหยิงได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาอาศัยพลังจากสมบัติฟ้าดินอีกครั้ง ไม่ก็เทคโนโลยีเชื่อมต่อแขน และเทคโนโลยีดังกล่าว สำหรับผู้ใช้พลัง หากคิดทำมัน มันเป็นเพียงเงินเล็กๆน้อยๆเท่านั้น แต่ก็แลกมาด้วยความแข็งแกร่งที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม เล่ยหยิงคือผู้ใช้อบิลิตี้ ดังนั้นตราบใดที่สามารถปลดปล่อยพลังสมาธิ ต่อให้สองแขนจะอ่อนแอแค่ไหน มันก็ไม่นับว่าเป็นสิ่งใด
แต่ไม่คิดเลย ว่าเล่ยหยิงจะโผล่หัวมาที่นี่ โลกช่างกลมซะจริงๆ
ขณะนี้ ชายคนหนึ่งที่กำลังถูกปิดล้อมโดยทั้งสามและราชันย์หอยทาก แทบจะยื้อต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ตะโกนก่นด่าออกมา
“เล่ยหยิง แกต้องไม่ตายดีแน่!”
เล่ยหยิงไม่สนใจคำสาปแช่งของอีกฝ่าย ฉีกยิ้มกล่าว “คนที่ด่าฉันแบบนี้ เหมือนจะลงหลุมไปกันหมดแล้ว แต่ฉันกลับยังมีชีวิตอยู่ทั้งยังสบายดี เสียใจด้วยนะเฉิงต้าเฉิง ที่แกก็คงพบจุดจบไม่ต่างกัน คอยรักษาบาดแผลตัวเองอยู่เฉยๆก็ดีแล้วแท้ๆ เสนอหน้ามาที่นี่ทำไม?”
ชายที่ถูกปิดล้อม ที่แท้คือประธานของกลุ่มต้าเฉิง –เฉิงต้าเฉิง
เฉิงต้าเฉิงได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนหน้านี้โดยอบิลิตี้อันแข็งแกร่งของเล่ยหยิง มันกระทั่งทำลายเส้นลมปราณของเฉิงต้าเฉิง และอาการบาดเจ็บดังกล่าว ไม่ใช่อะไรที่ของสามัญจะสามารถรักษาได้
ความแข็งแกร่งของเฉิงต้าเฉิงลดทอนลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเมื่อผลึกธรณีปรากฏขึ้น เฉิงต้าเฉิงจึงคิดว่านี่คือโอกาส และคว้าจับมันไว้
แต่สำหรับเล่ยหยิง ที่เคยทำให้เฉิงต้าเฉิงต้องขุ่นเคือง เป็นธรรมดาที่จะขัดขวางศัตรู ไม่ยอมให้หายดี ตนจะได้รู้สึกอุ่นใจ และอะไรแบบนี้ ใช่ว่าเขาเพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรกซะที่ไหน!
“ฮั่นเฉิงหมิง แกร่วมมือกับเล่ยหยิง หมายความว่าแกเข้าร่วมกับพันธมิตรองค์กรมืดแล้วสินะ ฉันส่งข่าวนี้ออกไปแล้ว หลังจากนี้ไป มาคอยดูกันว่าแกจะหาข้อแก้ตัวยังไง!” เฉิงต้าเฉิงเปล่งวาจาโหดเหี้ยม
สีหน้าของฮั่นเฉิงหมิงกลายเป็นลังเลเล็กน้อย แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เจ้าตัวร่วมมือกับเล่ยหยิงมาเป็นเวลานาน ถูกเล่ยหยิงดึงลงเรือลำเดียวกันเป็นที่เรียบร้อย
ก็เหมือนดั่งวลีปลามักรวมกลุ่มกับปลา กุ้งมักรวมกลุ่มกับกุ้ง หากมิใช่คนประเภทเดียวกัน เขาย่อมไม่มีทางร่วมมือกับเล่ยหยิงเป็นแน่
ฮั่นเฉิงหมิงมันก็เป็นคนเจ้าเล่ห์ วายร้อยหลอกลวงเหมือนกัน!
“เฉิงต้าเฉิง แกกำลังจะถูกสัตว์ร้ายฆ่าต่างหาก เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน องค์กรมืดอะไรฉันไม่รู้เรื่อง ฉันแค่บังเอิญเจอกับหลิวเป่ย และพวกเราไม่ได้สู้กัน แกก็ว่าพวกเราร่วมมือกันแล้วงั้นหรอ? ช่างไร้สาระจริงๆ ถ้าแกอยากจะฟ้องก็ฟ้องเลย! แต่ไม่มีใครเข้ามาจัดการหรอก!” ฮั่นเฉิงหมิงยืดอกกล่าว
ตลอดทั้งใบหน้าของเฉิงต้าเฉิงฟุ้งไปด้วยความโศกเศร้า เรื่องนั้นแน่นอนว่าเขาเองก็รู้ดี
ยังไม่กล่าวถึงเรื่องที่ก่อนหน้านี้เล่ยหยิงมีการติดต่อกับกวงเว่ย ตัวตนทรงพลังเลเวล B ตอนนี้เล่ยหยิงเลยยิ่งหยิ่งผยองมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครกล้าหือหรือควบคุมเขา
‘วันนี้ จะเป็นวันตายของฉันจริงๆน่ะหรือ?’
เฉิงต้าเฉิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวัง ในหัวใจเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม เขายังไม่ได้ล้างแค้นเลย แต่กลับถูกเล่ยหยิงลอบฆ่าอีกแล้ว
ในเวลานั้นเอง เสียงๆหนึ่งพลันดังขึ้น
“โอ๊ะโอ เจอกันทีไร แกต้องวางแผนฆ่าคนทุกทีเลยสิน่า แบบนี้ฉันคงทำเป็นไม่สนใจไม่ได้แล้ว ใช่ไหม!”
ทั้งสี่หันขวับเป็นสายตาเดียว มองไปยังชายที่อยู่ห่างออกไป 20 เมตรด้วยความตกใจ
ระยะนี้มันใกล้มากๆ แต่ทั้งสี่คน กลับไม่มีใครสังเกตเห็นเขาเลย
“ฉินนน— เฟิงงงงง!”
เล่ยหยิงแหกปากตะโกนเสียงยาว ลูกตาเขาแทบระเบิดออกมา
ฉินเฟิงยกยิ้มมุมปาก และรอยยิ้มนี้ แสดงออกชัดถึงความเย็นชา
วินาทีต่อมา ร่างของเขาก็หายวับไป
ฮั่นเฉิงหมิงตะโกน “ระวัง!”
ไอ้ระวังที่ว่า ไม่รู้หรอกว่าเป็นการเตือนใคร แต่ลางสังหรณ์ของเขาค่อนข้างแม่น คาดว่ากำลังมีใครบางคนต้องพบกับโชคร้าย!
เขาตระหนักดี ว่าฉินเฟิงเป็นแค่เลเวล D ทว่าความรู้สึกขนลุก อย่างไรก็ไม่ยอมจางหายไป
ในเวลานั้นเอง เบื้องหลังหลิวเป่ย ร่างหนึ่งพลันผุดขึ้นทันใด
“แส่หาที่ตาย!” ดวงตาของหลิวเป่ยสาดประกายคลั่ง ทว่าท่าทีของเขากลับดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
หลิวเป่ยน่ะเป็นคนขององค์กรมืด ดังนั้นมีนิสัยป่าเถื่อนโหดร้าย ชอบสังหารผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ และฉินเฟิงเองก็เคยตกเป็นเป้าหมายของเขามาก่อน แต่เนื่องจากการแทรกแซงของเมืองลอยฟ้า ทุกคนเลยหลบหนีกระเจิดกระเจิง และตั้งแต่นั้นมา ฉินเฟิงก็อยู่แต่ในสถานชุมชนหลงฉวน ซึ่งมีเลเวล B ประจำการอยู่ หลิวเป่ยจึงไม่มีโอกาสสังหารอีกฝ่าย
แต่เวลานี้ ฉินเฟิงดันเสนอหน้ามารับความตายอย่างกะทันหัน!
‘เหยื่อ’ ที่หนีไปได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง นี่ทำเอาหลิวเป่ยดีใจจนเนื้อเต้น
หลิวเป่ยไม่แม้จะหันกลับมามอง เสือกแทงอาวุธสังหารในมือเขาไปเบื้องหลังทันที
ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่หลบเลี่ยง อาวุธลอบสังหารย่อมสามารถเจาะโล่ปราณกำลังภายในของศัตรูได้ ถึงเวลานั้นก็จบเกม!
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงดูเหมือนจะไม่ได้หลบจริงๆ
‘มันจบแล้ว!’ ระหว่างที่คำนี้ผุดขึ้นในใจของหลิวเป่ย จู่ๆเขากลับรับรู้ได้ถึงแรงต้านทานในมือ ราวกับถูกดูดจมเข้าไปในบ่อโคลน
ปราณกำลังภายในของฉินเฟิง ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้
สัมผัสดังกล่าวนี้ มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ในช่วงที่หลิวเป่ยเคยลอบสังหารผู้ใช้วรยุทธเลเวล B
‘นี่มันเป็นไปได้ยังไง?’ ความคิดหนึ่งวาบผ่านเข้ามาในใจของหลิวเป่ย วินาทีต่อมา ปราณกำลังภายในของเขา ก็เริ่มส่งเสียงออกมา
เพล้ง!
ปราณกำลังภายในของหลิวเป่ย แตกเป็นเสี่ยงๆ!
“ชิบหายแล้ว!”
หลิวเป่ยย่ำเท้าลงกับพื้น ดีดตัวกระโจนถอยทันที
“คิดหนี?” ฉินเฟิงยิ้มหยัน มีดกษัตริย์ครามในมือระเบิดลำแสงสีแดงม่วงขึ้นทันใด