โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 476
ฉินเฟิงยกมือขึ้น และพบว่าเป็นเจิ้งเฉียน
นี่เป็นเพียงข้อความเท่านั้น เพราะเจิ้งเฉียนคิดว่าฉินเฟิงน่าจะยังหลับอยู่ และอาจรบกวนเขา
อย่างไรก็ตาม เธอตื่นเต้นจนทนไม่ไหวจริงๆ เลยอดส่งข้อความหาฉินเฟิงไม่ได้
“เข้าใจแล้ว”
ฉินเฟิงตอบกลับไปสั้นๆ ผลลัพธ์นี้ไม่น่าแปลกใจอะไร
“อีกวันเดียวสินะ” ฉินเฟิงผุดรอยยิ้มจาง
ข่าวนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นข่าวดี
ฉินเฟิงหยิบอุปกรณ์สื่อสารเดิมของเขาขึ้นมา เมื่อเปิดมัน ก็พบว่าฟังก์ชันกลับมาใช้งานได้อีกครั้งแล้วจริงๆ
นอกจากนี้ ตัวเชื่อมจิตสำนึกก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน
ฉินเฟิงยกมันขึ้นมาสวม ทันใดนั้นเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในโลกจิตสำนึก
ในโลกแห่งจิตสำนึก นอกเหนือไปจากอาคารสำนักงานที่ใหญ่ที่สุดของพันธมิตรมนุษย์ในเขตหัวเซี่ยแล้ว ก็ยังมีบ้านประมูล , สนามประลอง ฯลฯ ไม่ต่างไปจากเมืองใหญ่เลย
มีกระทั่งบ้านเรือนส่วนตัวผู้ใช้พลัง เมืองนี้จึงขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง
ฉินเฟิงไม่ได้ไปที่อื่น เขาตรงไปยังพันธมิตรมนุษย์อีกครั้ง
ที่นี่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล 24 ชั่วโมง คนที่แข็งแกร่งน้อยที่สุด คือผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล E
บุคคลดังกล่าว มารับหน้าที่บริการ ดังนั้นได้รับสิทธิในการเข้าถึงเป็นพิเศษ
“มิสเตอร์ ไม่ทราบมีอะไรให้รับใช้?” จิตสำนึกไม่ต้องการการนอนหลับ แต่ในช่วงเวลานี้ ไม่ค่อยมีคนแวะมานัก พนักงานที่เอาแต่ก้มหน้า ตื่นตัวขึ้นมาทันที เผยยิ้มให้แก่ฉินเฟิง
“ผมต้องการลงทะเทียนกลุ่มองค์กร” ฉินเฟิงกล่าว
“รับทราบ การจัดตั้งกลุ่มจำเป็นต้องมีทรัพสินย์ค้ำประกัน 1 ล้านล้าน คุณต้องการให้ทางเราตรวจสอบตอนนี้เลยหรือไม่?” อีกฝ่ายเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
เม็ดเงินดังกล่าวค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สินอื่นๆเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น อสังหาริมทรัพย์ , รายได้จากหลากหลายช่องทาง ฯลฯ
เพราะกลุ่มองค์กร ไม่ใช่ว่าใครคิดจะสร้าง ก็สามารถสร้างได้
แม้จะไม่มีการออกกฏว่าเลเวล D ไม่สามารถจัดตั้งกลุ่มได้ แต่เงินค้ำประกันจำนวนนี้ มันคือเม็ดเงินที่เลเวล D มิอาจนำออกมาใช้จ่าย
“ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ ผมจะโอนเงินให้เลย”
“หืม? รับทราบแล้ว”
เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนกลุ่มให้แก่ฉินเฟิงทันที ฉินเฟิงโอนเงิน 1 ล้านล้าน นี่เป็นแค่เงินค้ำประกันเท่านั้น เป็นของกลุ่ม ไม่สามารถใช้ได้
‘ใช้เงินค้ำตรงๆจริงๆ ช่างเป็นคนที่ร่ำรวย!’ เจ้าหน้าที่คิด
“ได้รับเงินแล้ว โปรดระบุชื่อกลุ่มของท่านด้วย”
ฉินเฟิงไม่เสียเวลาคิด กล่าวโดยตรง “กลุ่มเฟิงหลี”
“รับทราบ กลุ่มเฟิงหลีได้รับการลงทะเบียนเรียบร้อย”
หลังลงทะเบียนเสร็จสิ้น ฉินเฟิงยังไม่หยุด เขาออกจากโลกแห่งจิตสำนึกโดยไม่ลังเล
ณ ขณะนี้ เป็นช่วงเช้าตรู่ในเวลาตี 5
ฉินเฟิงโทรหาซูซิงฝูทันที
ซูซิงฝูถูกปลุกด้วยเสียงจากอุปกรณ์สื่อสาร ตอนแรกเขางัวเงียตาแทบปิด แต่เมื่อพบว่าปลายสายเป็นฉินเฟิง เขาก็ยิ้มอย่างหมดหนทาง
“ลูกพี่นี่มีพลังเหลือล้นทุกวันจริงๆ”
ฉินเฟิงโทรหาซูซิงฝูทีไร มักจะเป็นช่วงที่เขากำลังหลับทุกทีเลยสิน่า!
“แหะๆ ผมส่งตัวอย่างให้แก่คุณแล้วนะ จากนี้ พวกเราจะเริ่มโปรเจ็คก่อตั้งโรงงานในทะเลทรายทะเลเหนือ เตรียมตัวสำหรับการผลิต ผมขอให้คุณเริ่มจัดการทันที และจะมอบเงินให้คุณ 1 แสนล้าน เป็นค่าโฆษณาไปทั่วทั้งทางตอนเหนือ”
ซูซิงฝูงุนงงเล็กน้อย
“ลูกพี่ คุณต้องการให้โฆษณาเกี่ยวกับอะไร”
ฉินเฟิงยิ้มจาง กล่าวเรียบเฉย “กลุ่มเฟิงหลี ผู้ผลิตอุตสาหกรรมปืนที่ใหญ่ที่สุด!”
“เอ๊ะ?” ซูซิงฝูในเวลานี้ งงงวยยิ่งกว่าเดิม กลุ่มองค์กรเฟิงหลีจัดตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ไม่ใช่ว่าเป็นแค่กองทหารรับจ้างหรอกหรือ?
ฉินเฟิงไม่รอให้ซูซิงฝูเอ่ยปากถาม กล่าวออกไป “และคุณมีเวลาแค่วันเดียว!”
จากนั้น ข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธปืนจำนวนมากของฉินเฟิง ทั้งหมดถูกส่งให้แก่ซูซิงฝู
ซูซิงฝูได้แต่ขยี้ตา ดูข้อมูลเหล่านี้ ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว
“อาวุธปืนขนาดเล็กเลเวล D ทรงอานุภาพ แม้จำเป็นต้องใช้พลังสมาธิ แต่กลับมีราคาถูกถึงขนาดนี้?”
“ปืนใหญ่พลังงานที่สามารถสังหารได้กระทั่งจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล C?”
“รับออกแบบและจัดสร้างเรือเหาะ!?”
ข้อมูลสินค้าแต่ละชิ้น เล่นเอาซูซิงฝูหายใจติดขัด
ซูซิงฝูในเวลานี้ ตื่นเต็มตาแล้ว!
ขณะเดียวกัน กองทหารรับจ้างเฟิงหลีที่เงียบเหงามานาน ก็เริ่มมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ช่วงเวลานี้ ไม่จำเป็นต้องให้ฉินเฟิงบอก คนอื่นๆก็ทราบว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ประกาศจับของฉินเฟิง ถูกถอดถอนออกแล้ว
“เร็วเข้า ทุกคนรีบตื่น ไปตามคนมา พวกเราจะตัดต่อโฆษณากัน!”
กลุ่มเฟิงหลี เจ้าของอุตสาหกรรมปืนที่ใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือ นี่คือเป้าหมายที่พวกเขาจะต้องบรรลุ
ภายในวันเดียวกัน วิดีโอของเรือเหาะ ที่กำลังระดมยิงจักรพรรดิเต่าหมื่นปีก็ถูกเปิดเผยออกมา ตามต่อด้วยข้อมูลแสดงเกี่ยวกับอาวุธปืนขนาดเล็ก ซูซิงฝูเริ่มจัดการ ประกาศเรื่องราวให้โลกรู้
…
ย้อนกลับมาสักเล็กน้อย ก่อนที่วิดีโอโฆษณาจะถูกฉายออกไป
ติ๊ดๆๆ
อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงดังไม่หยุด
“ฉินเฟิง ในที่สุดนายก็กลับมา ฉันได้ยินข่าวจากในกองทหารรับจ้างแล้ว ตอนนี้ขอโอนตำแหน่งหัวหน้าคืนให้นายเลยนะ”
“อืม ที่ผ่านมาต้องลำบากนายแล้ว ขอบคุณมากโจวฮ่าว”
“เฮ้ๆ ลำบากอะไรกัน ขอแค่นายได้กลับมา ฉันก็โล่งใจแล้ว”
โจวฮ่าวกรอกข้อมูลของฉินเฟิงเข้าไปในกองทหารรับจ้างเฟิงหลีอีกครั้ง และทำการส่งมอบตำแหน่งหัวหน้าให้อย่างรวดเร็ว
และการถ่ายโอนอำนาจนี้ ย่อมแจ้งเตือนแก่คนอื่นๆ
“ลูกพี่กลับมาแล้ว!”
“ยอดไปเลย หัวหน้ากลับมาแล้วจริงๆ”
“ฉันมักจะเกิดความรู้สึกอยู่เสมอเลย ว่าถ้าไม่มีลูกพี่ มันเหมือนในหัวใจมันโหวงๆตลอดเวลา”
ทุกคนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
ฉินเฟิงพบว่า หลายเดือนมานี้ คนของกองทหารรับจ้างเฟิงหลี ไม่มีใครลาออกไปเลย นี่ทำให้ฉินเฟิงรู้สึกพอใจมาก
“รอให้ทุกอย่างลงตัวก่อน เดี๋ยวผมจะแจกโบนัสให้พวกคุณ” ฉินเฟิงกล่าว
“ขอบพระคุณครับหัวหน้า!”
“แต่เอ๊ะ? ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกว่าท่านประธานแล้ว!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นสิ เพราะความแข็งแกร่งของลูกพี่ในตอนนี้ ได้ไปถึงเลเวล C แล้ว”
หัวหน้ากองทหารรับจ้างกับประธาน ความหมายของมันแตกต่างกันมาก
ไม่ว่าจะเป็นในด้านความมั่งคั่ง และความแข็งแกร่ง
ฉินเฟิงสามารถไปถึงเลเวล C ได้ นี่เป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับทุกคน แต่ในหัวใจของพวกเขา เกิดความภาคภูมิใจขึ้นเช่นกัน
ฉินเฟิงปลอบโยนสมาชิกกองทหารรับจ้างเล็กน้อย จากนั้นอุปกรณ์สื่อสารก็ดังขึ้น
คราวนี้ เป็นสายจากซื่อฉิง
ฉินเฟิงตอบรับสาย
“ฉินเฟิง ไอ้คนมหัศจรรย์ ไม่คิดเลยว่าจะทำได้อย่างที่พูดจริงๆ” ซื่อฉิงกล่าว
สิบวันก่อน ฉินเฟิงยึดเมืองลอยฟ้าและจากไป เวลานั้นผู้ใช้พลังเลเวล C บางคนที่ติดตามซื่อฉิงยังวิพากษ์วิจารย์ ถากถางว่าฉินเฟิงเป็นคนหยิ่งผยองอยู่เลย
แต่ตอนนี้ พวกเขาทั้งหมดตกตะลึง กลายเป็นบื้อใบ้ รู้สึกราวกับถูกตบหน้าอย่างแรง
“ขอเพียงแข็งแกร่ง ไม่ช้าก็เร็วทุกสิ่งที่ปรารถนาก็จะตามมา” ฉินเฟิงกล่าว
“นายมันน่าเหลือเชื่อจริงๆ นี่สินะที่เรียกกันว่าความฮึกเหิมของวัยรุ่น ฉันพอจะเข้าใจแล้ว” ซื่อฉิงหัวเราะ
ฉินเฟิงยังเด็ก แต่แตกต่างจากเด็กคนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด
“ฉินเฟิง นายต้องจำไว้ให้ดี ผู้ครอบครองพรสวรรค์มักตกเป็นที่อิจฉา นายได้รับเมืองลอยฟ้าไป ตอนนี้อาจมีหลายคน กำลังคิดหาวิธีช่วงชิงมา!” ซื่อฉิงเตือน
ฉินเฟิงแน่นอนย่อมตระหนักถึงเรื่องนั้น นั่นคือเหตุผลที่เขาชิงเคลื่อนไหวก่อน
“ขอบคุณนายพลซื่อที่ช่วยเตือน”
“ฉันก็แค่ไม่ต้องการให้นายกับทางพันธมิตรมนุษย์มีเรื่องผิดใจกันอีกครั้งก็เท่านั้น”
ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ลูกรักของพระเจ้า มิอาจถูกขับไล่ไสส่งได้อีกต่อไป
แต่บางครั้ง ผู้มีอำนาจ ก็มักหมายปองทรัพยากรมาไว้ในมือของตนเองอยู่เสมอ ไม่รู้ว่าซางฮันจะยอมละทิ้งเนื้อหวานฉ่ำชิ้นนี้ให้หลุดมือไปง่ายๆหรือไม่