โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 517 - กองทัพสัตว์ร้าย
ต้องขอบอกว่า การร้องขอเล่นๆของเธอกลับได้ผลอย่างคาดไม่ถึง ไป๋หลีได้รับอาหารที่ตนต้องการเป็นรางวัลซะงั้น
และเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ฉินเฟิงจึงแนะนำว่าขอให้ทุกคนกลับไปก่อน
ซึ่งก็ไม่มีใครคัดค้าน ซางฮันและคนอื่นๆมองไป๋หลี เหมือนไป๋หลีจะดูถูกความแข็งแกร่งของพวกเขา แม้เจ็บใจแต่ไม่อาจตอบโต้ หรือเอ่ยคำใด ทำได้แต่ยอมรับมัน เพราะเมื่อเทียบกับฉินเฟิง ความแข็งแกร่งของพวกเขาถือว่าด้อยกว่าจริงๆ
เมื่อซางฮันและคนอื่นๆจากไป สักพักหนึ่งฉินเฟิงกับไป๋หลีก็กลับตาม เขาและเธอเดินทางกลับโดยฮอลศึก กว่าจะมาถึงก็เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว การประลองรอบสุดท้ายได้สิ้นสุดลง
อันดับหนึ่งของงานประลองย่อมไม่พ้นรุ่นเยาว์เลเวล D อย่างลิหวังเซิ่น แต่สิ่งที่ทำให้ฉินเฟิงต้องประหลาดใจก็คือ จิ่นเฟยกลับมีชัยเหนือเลเวล D อีกคน ก้าวข้ามขอบเขตใหญ่ไปได้สำเร็จ ได้ที่สองไปครอง ส่วนเต๋อหวอผู้แพ้ ตกไปอยู่อันดับสาม
โจวฮ่าวก็แข็งแกร่งไม่เลว แม้จะมีเลเวลเพียง E7 แต่ก็รั้งอันดับหกเอาไว้ได้
กระนั้น เรื่องน่าประหลาดใจก็ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ต้องทราบนะว่า ในทีมของรัฐฮั่นชวน ยังมีเลเวล E6 อีกถึงสองคน แต่ทั้งคู่กลับโชคร้าย ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะสิ่งที่เรียกว่าโชค มันคือส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งเช่นกัน
ทรัพยากรสำหรับโจวฮ่าวและจิ่นเฟยเตรียมไว้พร้อมแล้ว ตราบใดที่ทั้งสองคนมุ่งมั่นฝึกยุทธ ภายในเวลาหนึ่งเดือน การตัดผ่านสู่เลเวล D มิใช่เรื่องเพ้อฝัน
ทุกคนต่างวุ่น และทุ่มเทในสิ่งที่ตนต้องทำ ฝั่งฉินเฟิงเองก็มีอย่างอื่นต้องทำเช่นกัน
“ในเมื่อพวกเราบรรลุภารกิจ และได้รับแต้มสงครามมาแล้ว งั้นมาดูกันว่ามีสมบัติอะไรที่พอสามารถนำไปแลกเปลี่ยนได้บ้าง”
ฉินเฟิงก้มลงมองหน้าต่างรายการแลกเปลี่ยนของเมืองเป่ยหัว เนื่องจากมันเป็นเมืองที่ถูกตั้งขึ้นตั้งแต่แรกเริ่มก้าวเข้าสู่ยุคโลกาวินาศ อยู่รอดมายาวนานกว่า 200 ปี ฉะนั้นสมบัติในคลัง ไม่ใช่ของกระจ้อยร่อย
แม้ตลอดระยะเวลา 200 ปี จะมีผู้คนแลกเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ไปอยู่เสมอๆ แต่ช่วงเวลาดังกล่าว ก็มีสมบัติอีกหลายชิ้นที่ถูกเติมเต็มเข้าไปเช่นกัน
ความมั่งคั่งของเมืองใหญ่ ถูกสั่งสมอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม หลังจากกวาดมองรายการไปรอบๆ ฉินเฟิงไม่พบว่ามีอะไรที่เหมาะกับเขาไปมากกว่าเกราะหวังหมิงเลย แม้จะมีอาวุธเทวะอยู่ในคลังก็ตาม แต่ของพวกนั้น ใช่ว่าทุกคนจะสามารถใช้งานมันได้
สำหรับอุปกรณ์รูน บางชิ้นถูกผลิตโดยวัตถุของสัตว์ร้ายเลเวล B และ C ของพวกนี้ถ้าฉินเฟิงต้องการ ใช้รูบิควิเศษสร้างเองก็ได้
“งั้นลองไปดูรายการทางฝั่งอบิลิตี้แล้วกัน”
เพราะในปัจจุบัน นี่คือสิ่งเดียวที่ฉินเฟิงรู้สึกว่ายังมีไม่มากพอ
และไม่นาน ฉินเฟิงก็พบกับสิ่งที่เขาต้องการ!
“นี่มัน ‘อบิลิตี้เพลิงบรรจบ’ นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีอยู่ในคลังด้วย!” ดวงตาของฉินเฟิงเปล่งประกายสดใส
เพลิงบรรจบ จะสำแดงฤทธิ์ตามจำนวนอักษรรูน ยิ่งรูนที่ใช้ปลดปล่อยมันมากเท่าไหร่ พิสัยของมันก็มากขึ้นเท่านั้น
เพลิงบรรจบ สามารถเปลี่ยนพื้นที่รอบๆ ให้กลายเป็นโลกแห่งเพลิงได้ และในพื้นที่แห่งนั้น ไม่ว่าเปลวเพลิงใดก็ล้วนศิโรราบ ยอมก้มหัวรับฟังคำสั่ง
อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของอบิลิตี้ไฟ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ใช้งาน สามารถแปรสภาพเป็นเปลวไฟได้
หากศัตรูอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว คงมิแคล้วมีสภาพน่าสังเวช และถ้าไม่สามารถหลบหนีจากพิสัยของเพลิงบรรจบ คงได้แต่เฝ้ารอให้ถูกสังหารลงเท่านั้น
ในหัวใจของฉินเฟิง ย้อนนึกไปถึงการต่อสู้ก่อนถูกส่งมาเกิดใหม่ ช่วงเวลานั้น เขาจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของสัตว์ร้ายทรงพลังที่ครอบครองอบิลิตี้สายฟ้า
“อยากจะรู้จริงๆ ว่าอบิลิตี้เพลิงบรรจบนี้ จะสามารถเทียบเคียงได้กับอบิลิตี้ที่สัตว์ร้ายตนนั้นปลดปล่อยออกมาได้รึเปล่า”
ฉินเฟิงตรวจสอบราคา แต่กลับพบว่าอบิลิตี้นี้ต้องการแต้มสงครามกว่า 80,000 แต้ม
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปยังแต้มสงครามโดยรวมที่เขาและไป๋หลีครอบครองอยู่ ฉินเฟิงก็เผยรอยยิ้มจางออกมา
หากอิงตามแต้มในการล่าสังหารสัตว์ร้ายเลเวล B ของเมืองเป่ยหัว ระดับสามัญจะได้ 50 แต้ม , ระดับทหารจะได้ 500 แต้ม , ระดับนายพลจะได้ 5,000 แต้ม และระดับราชันย์จะได้ 50,000 แต้ม
ทว่าก่อนหน้านี้ ซางฮันหลุดปากออกมาว่าภารกิจสำรวจป่าหยวน จะได้รับรางวัลเป็นสองเท่า ส่งผลให้ฉินเฟิงได้รับ 40,000 แต้ม ในขณะที่ไป๋หลีสังหารราชันย์เลเวล B ไป ฉะนั้นรับทรัพย์ 100,000 แต้ม!
และซางฮันย่อมไม่กล้าหักแต้มสงครามของไป๋หลี เพราะท้ายที่สุดแล้ว เรื่องซ่อมแซมรอยแยกมิติยังต้องพึ่งพาเธอ แม้ไป๋หลีจะใช้กลโกงในการสังหารราชันย์เลเวล B จนได้แต้มมาครอบครองอย่างง่ายดายก็ตาม แต่ซางฮันก็ยังกัดฟันมอบให้
ฉินเฟิงขอให้ไป๋หลีซื้อเพลิงบรรจบแก่เขา
จากนั้น ฉินเฟิงก็เริ่มมองหาอบิลิตี้มืด แต่น่าเสียดาย ที่ในบรรดารายการอบิลิตี้มืด มันไม่มีชื่อของ ‘อบิลิตี้ความมืดบรรจบ’ เช่นเดียวกับในส่วนอบิลิตี้ไฟ
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะสุดท้ายแล้ว อบิลิตี้มืดเป็นอะไรที่ค่อนข้างหายาก ในบรรดาผู้ใช้อบิลิตี้นับหมื่น จะปรากฏขึ้นสักคน แน่นอนว่าทางฝั่งอบิลิตี้แสงก็เช่นกัน มีโอกาสถูกปลุกให้ตื่นน้อยกว่า 1/100
เมื่อไม่มี ‘ต้นไม้จากคนรุ่นเก่า’ ปลูกทิ้งไว้ให้ ฉินเฟิงก็ไม่อาจพึ่งพิงร่มเงา จำต้องเสาะแสวงด้วยตัวเอง
เมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่เขาต้องการ ฉินเฟิงก็ไม่คิดแลกเปลี่ยนต่อไป ระหว่างเฝ้ารอสินค้าถูกจัดส่ง ฉินเฟิงขอให้ไป๋หลีนำแก่นสัตว์ร้ายมังกรไฟออกมา
แก่นอบิลิตี้นี้ มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณหนึ่งเมตร ใหญ่จนน่าตกใจ
พลังงานที่อัดแน่นอยู่ข้างใน อุดมสมบูรณ์มาก พลุ่งพล่านไร้ที่สิ้นสุด
“พลังพิเศษดูดกลืน!”
ฉินเฟิงปลดปล่อยอบิลิตี้ติดตัวออกมา พลังงานภายในแก่นมังกรไฟ ถูกดูดซับเข้าไปยังจักรวาลแห่งจิตสำนึกของเขาทันที
พลังงานแปรเปลี่ยนเป็นพลังสมาธิอันบริสุทธิ์ ยกระดับพลังสมาธิของฉินเฟิง พุ่งทะยานไปอีกขั้น
ตูม!
ในคราวเดียว พลังสมาธิของฉินเฟิง ทะลุขึ้นไปถึงระดับ C1
และยังไม่หมดเพียงเท่านี้
ตูม!
ตูม!
C2!
C3!
ยกระดับอย่างต่อเนื่อง!
พัฒนาการนี้ ช่างรวดเร็วเกินไปจริงๆ!
ยังไม่พอ รูนไฟมหาศาลได้เข้าไปรวมอยู่ในดาวเคราะห์เพชรของฉินเฟิง ภายใต้การสั่งสมของรูนไฟ บนดาวเคราะห์เพชร เริ่มเกิดการก่อร่างเป็นรูปมังกรไฟยักษ์ที่ดูดุร้ายและน่าพรั่นพรึงขึ้นอย่างกะทันหัน
มันมีปีกยาวเหมือนกับค้างคาว หน้าท้องอวบอ้วนใหญ่โต ขาหลังที่วิวัฒนาการแล้ว ทำให้สามารถยืนด้วยสองเท้าเหมือนกับมนุษย์ได้
นี่มิใช่รูปแบบมังกรไฟฝั่งตะวันออกที่ฉินเฟิงเคยรู้จัก หากแต่เป็นรูปลักษณ์ของมังกรในฝั่งตะวันตก
ขนาดตัวใหญ่โตมากจริงๆ!
อธิบายมาถึงขนาดนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคืออบิลิตี้ใหม่!
อย่างไรก็ตาม ความสามารถของมันคล้ายคลึงกับเทคนิคมังกรไฟ แต่ในส่วนท่าลมหายใจมังกรเท่านั้น ที่กินรัศมีโจมตีกว้างขวาง เหมาะสำหรับการโจมตีจากที่สูง
ได้รับอีกหนึ่งอบิลิตี้มาฟรีๆ พร้อมกับปริมาณรูนมหาศาลที่เพิ่มขึ้น การเก็บเกี่ยวในวันนี้ ช่างคุ้มค่า!
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
เสียงประตูถูกเคาะ ไป๋หลีวิ่งไปเปิดประตู เซ็นชื่อและรับพัสดุที่แลกเปลี่ยนมา
ไม่นาน ม้วนหนังสัตว์ที่มีขนาดยาวกว่าสิบเมตร และสลักไว้ด้วยรูนไฟ ก็ถูกคลี่ออกโดยฉินเฟิง
“ไม่คิดเลยว่าเนื้อหาที่จำเป็นต้องศึกษาจะมากมายขนาดนี้!”
ฉินเฟิงกวาดสายตาอ่านเนื้อหาของอบิลิตี้นี้ด้วยความประหลาดใจ ก่อนเกิดใหม่ เขามิได้ค้นคว้าเกี่ยวกับอบิลิตี้มากนัก แต่ก็รู้ดี ว่าหากผู้ใช้อบิลิตี้ต้องการเรียนรู้อบิลิตี้อะไรสักอย่าง มันยากเย็นนัก ตรงกันข้ามกับผู้ใช้วรยุทธโบราณ ที่ง่ายกว่ามาก
“แต่โชคยังดีที่ฉันครอบครองพลังพิเศษดูดกลืน!”
พลังสมาธิของฉินเฟิงเริ่มขับเคลื่อน พลังพิเศษดูดกลืนปะทุขึ้นอีกครั้ง
“จงดูดซับมัน!”
บนม้วนหนังสัตว์ อักษรรูนทีละตัว ถูกรวบรวมเข้าไปในดาวเคราะห์เพชรของฉินเฟิง เปลี่ยนเป็นผืนภาพเปลวไฟขนาดเล็ก แต่ไม่นาน ผืนภาพนี้ก็ค่อยๆขยายขนาดใหญ่ขึ้น มันผสานรวมเข้ากับอักษรรูนดั้งเดิม เพิ่มพูนพลังขึ้นเป็นอย่างมาก
แม้ว่าอบิลิตี้นี้จะสามารถเรียนรู้ได้ในเลเวล C ก็ตาม แต่มันจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อคุณไปถึงเลเวล B เพราะท้ายที่สุดแล้ว เงื่อนไขของมันมากเกินไป เป็นเรื่องยากที่จะเชี่ยวชาญ แต่ฉินเฟิงกลับบรรลุได้อย่างง่ายดาย นี่แสดงให้เห็นว่าพลังพิเศษดูดกลืนของเขาทรงประสิทธิภาพเพียงใด
และในขณะที่ฉินเฟิงกำลังฝึกฝนอบิลิตี้ของเขา รอยแยกในป่าหยวน ที่เชื่อมต่อกับอีกมิติหนึ่ง ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงขึ้น!
หากก้าวเข้าไปอีกมิติหนึ่ง คุณจะพบราชันย์มังกรที่มีขนาดตัวใหญ่ยักษ์ ทุกส่วนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ขาดหายเพียงศีรษะ นอนจบชีวิตลงอยู่ที่นั่น
เพียงส่วนหัวที่ฉินเฟิงได้ไป ก็พอบรรยายได้ว่าขนาดตัวของมังกรไฟใหญ่โตเพียงใด–
–มันไม่ต่างไปจากภูเขาลูกเล็กๆ!
และตรงส่วนคอของมังกร เลือดสดๆทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเลือดนี้ คือเลือดมังกร มันมิได้ให้สรรพคุณที่ดีต่อมนุษย์เท่านั้น แต่สำหรับสัตว์ร้าย ก็มีประโยชน์มากเช่นกัน
ไม่นาน ฝูงเผ่าพันธ์ที่แต่เดิมเคยถูกราชันย์มังกรขับไล่ ก็วกกลับมา ทั้งอาบทั้งเลียเลือดมังกร รุมขย้ำฉีกเนื้อหนังของราชันย์มังกร
เมื่อกลืนกินลงไป พวกมันก็เริ่มเกิดการวิวัฒนาการ ความแข็งแกร่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีกขั้น!
ระหว่างนั้น กลิ่นอายของเลือดยังคงแพร่กระจายไปตามสายลม ส่งผ่านไปไกลอย่างต่อเนื่อง
ตึง ตึง ตึง!
กระตุ้นและเรียกฝูงสัตว์ร้ายเลเวล C อีกเผ่าพันธุ์หนึ่ง ตรงเข้ามา
… ดูเหมือนว่าสงครามกองทัพสัตว์ร้ายในปีนี้ จะไม่ง่ายดายอย่างที่ผ่านๆมาเสียแล้ว!!