โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 57
Ch.57 – การประลองใต้ดิน
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.57 – การประลองใต้ดิน
จางฮั่วหยางมองการกระทำของฉินเฟิง เขาไม่ได้โต้แย้งใดๆเลย แต่กลับกล่าวอย่างจริงใจว่า “มันสมควรแล้วที่จะเป็นของเธอ!”
ถ้าวันนี้ไม่ใช่เพราะฉินเฟิงมาช่วย ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องจับตัวไวเปอร์ แต่พวกเขาคงจะกลายเป็นศพอยู่ที่นี่แทน
ฉินเฟิงเก็บแก่นพลังงาน แต่ไม่ได้แตะต้องตัวศพ
จางฮั่วหยางส่งภารกิจ ซึ่งรวมชื่อของฉินเฟิงเข้าไปด้วย ทำให้ฉินเฟิงได้แต้มนักล่าเงินรางวัลเพิ่มขึ้นอีก 100 แต้ม
ยิ่งไปกว่านั้น รางวัลนำจับของไวเปอร์ยังสูงค่ายิ่ง
เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นสมาชิกขององค์กรมืด ไวเปอร์มีชื่อเสียงค่อนข้างสูง ดังนั้นรางวัลนำจับของเขาจึงเต็มเม็ดเต็มหน่วย มากถึง 8 ล้านเหรียญ!
ฉินเฟิงได้ส่วนแบ่ง 1 ใน 4 ดังนั้นเป็นเงิน 2 ล้านเหรียญ
“เอาล่ะ ที่เหลือคุณจัดการต่อก็แล้วกัน ผมขอตัวก่อน” ฉินเฟิงเอ่ยปาก
“ตกลง ขอบคุณสำหรับการร่วมมือในครั้งนี้ ในอนาคต ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลืออะไร จงอย่าลังเลที่จะบอกมันกับฉัน!” จางฮั่วหยางกล่าว
“แน่นอนครับ”
ฉินเฟิงไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจในครั้งนี้
ระหว่างที่กำลังเกิดการต่อสู้ โจวฮ่าวกระโดดลงจากเบาะข้างคนขับ แต่ก็คอยตามไปห่างๆในระยะ100 เมตร
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังเกรงกลัวว่าจะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้
เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง โจวฮ่าวก็กลับขึ้นมาบนรถอีกครั้ง
ฉินเฟิงอุ้มเสี่ยวไป๋ไว้ในอ้อมแขน เปิดประตูรถ โจวฮ่าวตื่นเต้นจนแทบจะคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
เพราะยังไงซะ ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงก็ได้ถูกเปิดเผยสู่สายตาของโจวฮ่าวแล้วอย่างแท้จริง
“นายห้ามลืมเชียวนะ! ที่บอกว่าหลังจากกลับไป จะส่งทักษะฝึกกำลังภายในของนายให้กับฉัน พอได้เห็นนายสู้ บอกตรงๆเลยว่าฉันแทบจะทนรอไม่ไหวแล้ว!”
โจวฮ่าวประหลาดใจมากกับความแข็งแกร่งของฉินเฟิง ในช่วงระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน เขารู้สึกเหมือนกับว่าได้พบกับฉินเฟิงคนใหม่!
“ได้อยู่แล้ว ฉันจะส่งให้นายเองหลังจากฉันกลับไป”
ฉินเฟิงนั่งลงบนเบาะคนขับ ส่วนเสี่ยวไป๋ก็อดใจไม่ไหวไม่แตกต่างจากโจวฮ่าว มันดิ้นไปมา และฉกแก่นพลังงานจากมือเขา
“ก็ได้ๆ แกเอาไปเลย”
ฉินเฟิงหมดหนทาง จริงอยู่ที่เขารู้ว่าหากตนดูดกลืนแก่นพลังงาน ความเร็วในการพัฒนาของตัวเองจะเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่มีเสี่ยวไป๋ แก่นพลังงานเกือบทั้งหมดที่ฉินเฟิงได้รับมา เขาก็ล้วนมอบให้กับมัน!
แต่เขาไม่ได้เสียใจเลย!
เสี่ยวไป๋เริ่มดูดซับพลังจากแก่นพลังงาน ไม่นานมันก็จมลงสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว เพราะยังไงซะ พลังงานจากแก่นสัตว์ร้ายเลเวล F ก็เป็นอะไรที่มหาศาลเกินกว่าจะรับไหวหากไม่ทำการปรับสมดุล
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ฉินเฟิงก็เริ่มเขียนวิธีฝึกฝนกำลังภายใน ‘ทักษะน่องวายุ’ เลเวล B จากความทรงจำอย่างเงียบๆ
ในชีวิตก่อนหน้า เขาทุ่มเทอย่างหนักกว่าจะได้ทักษะนี้มา ต้องจ่ายไปด้วยเกือบทุกอย่างที่ตนเองมี และมันก็เป็นเพราะผลจากทักษะนี้เอง ที่ทำให้ฉินเฟิงสามารถก้าวขึ้นไปสู่เลเวล A ได้
แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบเท่าได้กับทักษะลับกลืนดารา แต่มันก็ยังถือว่าช่วยฉินเฟิงเอาไว้ได้มาก
ตอนนี้ เนื่องจากฉินเฟิงครอบครองทักษะลับกลืนดาราแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่เขาไม่ต้องฝึกฝนทักษะน่องวายุอีก แต่มันเหมาะสมสำหรับโจวฮ่าว
และเป็นเพราะฉินเฟิงฝึกฝนมันมาเป็นระยะเวลาหลายปี เขาเลยมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับมันเป็นอย่างมาก จึงเขียนประสบการณ์เหล่านั้นลงไปให้โจวฮ่าวด้วย
ซึ่งปัจจุบัน โจวฮ่าวคงกำลังตื่นเต้นจนแทบจะคลั่งตายแล้ว
ยังไงก็ตาม ฉินเฟิงเองก็ไม่ได้อยู่เฉย พลังพิเศษดูดกลืนกำลังช่วยเสริมสร้างร่างกายของเขาอยู่เช่นกัน แต่น่าเสียดาย ที่ทักษะลับกลืนดารามิได้ถูกใช้ออกไป ฉินเฟิงเลยไม่ได้รับกำลังภายในของไวเปอร์มา แต่นั่นก็เพราะมีเวลาไม่เพียงพอ ไวเปอร์ดันฉวยโอกาสฉีดยายีนส์มนุษย์ดัดแปลงซะก่อน
“เสียดายจัง!”
ฉินเฟิงค่อนข้างเสียดาย แต่พอคิดถึงเรื่องที่พลังกายของตนยกระดับไปถึง G9 เขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจ
“ช่างเถอะ เพราะยังเหลืออีกสถานที่หนึ่ง ที่สามารถเผชิญหน้ากับผู้ใช้วรยุทธโบราณ และขโมยเอากำลังภายในของพวกเขามาแบบไม่ต้องลำบากใจใดๆ!”
กล่าวถึงจุดนี้ ดวงตาของฉินเฟิงก็หรี่แคบลง
สำหรับสถานที่ดังกล่าว ฉินเฟิงเองก็ไม่รู้พิกัดที่แน่ชัดของมัน แต่เขาแน่ใจว่ามันคือสถานที่ที่ทุกชุมชนจะต้องมี
‘เวทีประลองใต้ดิน!’
เป็นสถานที่สำหรับระบายความรุนแรง และประกาศความดุร้าย
นอกจากนี้ มันยังเป็นเวทีต่อสู้ที่โหดเหี้ยมที่สุดในสถานที่ชุมชน!
ฉินเฟิงเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเวทีประลองใต้ดิน เนื่องจากมันเป็นสถานที่กึ่งสาธารณะ ฉินเฟิงเลยสามารถรู้ที่ตั้งของมันได้อย่างง่ายดาย
…
ช่วงกลางดึก ความมืดปกคลุมผืนฟ้าในสถานชุมชนทางตอนเหนือ
ทว่าสิ่งที่ความมืดปกคลุมไม่มิด คือความร้อนแรงและเสียงโห่ร้องจากภายในสถานที่แห่งหนึ่ง
สลัมคือส่วนวุ่นวายที่สุดในสถานชุมชนทางตอนเหนือ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอธิบายถึงสภาพแวดล้อมของที่นี่ บางครั้งถึงขั้นมีบางศพที่หนอนชอนไช ถูกทิ้งไว้อย่างโดดเดี่ยวในมุมมืดที่ไม่รู้จัก
ฉินเฟิงไม่ได้สวมชุดต่อสู้ เขาใส่เพียงเสื้อผ้าสบายๆ ดูเหมือนกับพวกนายน้อย แต่ก็พอเผยให้เห็นถึงคมเขี้ยวที่ตนมี
“บอส มีแกะอ้วนกำลังมาทางนี้!”
“โอ้? แกแน่ใจนะ? ดูดีๆรึยังว่าไม่มีพวกบอดี้การ์ดอยู่รอบๆตัวมันน่ะ!”
“ไม่มีหรอก ดูเหมือนว่าเขาจะมาหาความสนุกที่นี่คนเดียว แถมในข้อมือเขายังสวมอุปกรณ์สื่อสารราคาตั้ง 100,000 แน่ะ!”
“งั้นยังมัวรออะไรอยู่ ไปจับตัวมันกัน!”
ว่าจบ คนกลุ่มหนึ่งก็วิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลังฉินเฟิง
“เจ้าหนู ถ้าฉลาดพอ ก็จงเอาเงินออกมา 1 ล้านเหรียญซะดีๆ ไม่อย่างงั้นหน้าของแกจะลงไปจูบกับพื้น!” ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มข่มขู่
เสียงฝีเท้าของฉินเฟิงหยุดลง กวาดตามองกลุ่มคนเหล่านั้น บนหน้าอกไม่มีซักคนที่มีโลโก้ผู้ใช้พลัง และเนื่องจากพลังสมาธิของฉินเฟิงแข็งแกร่งขึ้นถึงระดับหนึ่งแล้ว ตอนนี้เขาเลยสามารถรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย ว่ามันอยู่ในระดับ G2 G3 เท่านั้น
ไม่เพียงแค่นั้น กำลังภายในของพวกมันยังอ่อนด้อย ในตันเถียนแต่ละคนมีคนละเส้นสองเส้น สั้นๆเท่านั้น
“ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ถึงจะเล็กน้อย แต่เอาไว้ควบรวมมันให้กลายเป็นเส้นเดียวที่แข็งแกร่งในภายหลังก็น่าจะพอได้!”
ฉินเฟิงยิ้มเย็นชา ในวินาทีต่อมา เขาก็ระเบิดกลืนดาราโดยตรง
แรงดึงดูดขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้น เหล่าอันธพาลถูกสนามพลังของฉินเฟิงควบคุมเอาไว้โดยสิ้นเชิง ร่างกายทั้งหมดซวนเซอย่างมิอาจสั่งการ
เพียงไม่กี่วินาที แรงดึงดูดก็หายไป ทว่ากลับปรากฏแรงผลักดันมหาศาลขึ้นแทนที่อย่างกระทันหัน
“ปัง ปัง ปัง!”
“โอ๊ย!”
“อ๊าาาาา”
ฝูงชนกระเด็นไปคนละทิศละทาง กรีดร้องโหยหวน
แต่ในไม่ช้า พวกเขาก็พบว่านั่นไม่ใช่สิ่งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้น
-กำลังภายในที่พวกเขามักเอามาใช้โอ้อวดเป็นประจำ ที่มาจากการฝึกอย่างเกียจคร้าน ปัจจุบันทั้งหมดได้หายไป นี่เปรียบดั่งการให้พวกเขาต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง กลับไปใช้เวลาอีกหลายปีอย่างเหนื่อยยาก ถึงจะสามารถมายืนอยู่ในจุดเดิม
“บิดาจะฆ่าแก!”
อันธพาลคนหนึ่งผุดลุกจากพื้น ชักมืดขึ้นมาในมือ เดินโซซัดโซเซ หมายจะเข้าไปแทงฉินเฟิง
ฉินเฟิงขยับเบี่ยงตัวเพียงก้าวเดียวก็หลบพ้น และในวินาทีต่อมา ก็สับฝ่ามือลงตรงข้อมือของอีกฝ่าย
เป๊าะ!
บังเกิดเสียงกระดูกแตกลั่นดังฟังชัด
เคร้ง
มีดร่วงลงกับพื้น อันธพาลส่งเสียงโหยหวนฟังดูน่าสังเวช
“ยังไงต่อ? ตอนนี้แกยังอยากจะฆ่าฉันอีกรึเปล่า?” ฉินเฟิงเยาะหยัน ผลักมือเบาๆใส่อันธพาล ให้หน้ามันฟาดลงไปจูบกับพื้นเหมือนที่เคยขู่เขา
“ไม่ ไม่กล้าแล้วพี่ชาย ฉันผิดเอง ฉันผิดเอง!”
ในที่สุดพวกอันธพาลก็หวาดกลัว ความโกรธภายในจิตใจถูกทำลายหายไปสิ้นภายใต้การโจมตีที่รุนแรงของฉินเฟิง
“พวกแกมักจะหาเหยื่ออยู่บริเวณนี้ใช่ไหม? งั้นคงรู้จักแถบนี้เป็นอย่างดีน่ะสิ ช่วยนำทางฉันไปเวทีประลองใต้ดินหน่อย … จะได้ไหม?”
แม้ฉินเฟิงจะอาศัยอยู่ในชุมชนทางตอนเหนือจนกระทั่งเขาอายุได้ 16 ปี แต่มันก็มีบางสถานที่เหมือนกันที่เขาไม่กล้าเข้ามา อย่างเช่นสลัมแห่งนี้
แม้จะค้นหาตำแหน่งคร่าวๆไว้ล่วงหน้า แต่พอมาถึง เจ้าตัวก็พบว่าถนนมันช่างซับซ้อน ตอนนี้เขาเลยเลือกที่จะหาคนนำทาง
“ขอรับ พี่ชาย ผมจะนำทางไปเอง”
ชายคนนั้นกล่าวอย่างรีบร้อน และเริ่มนำทางไป ส่วนอันธพาลคนอื่นๆก็กระจัดกระจาย ไม่กล้าเข้าใก้ลฉินเฟิงอีกเลย
ไม่นานนัก อันธพาลก็พาฉินเฟิงมาถึงเบื้องหน้าประตูสีทองงดงาม สีทองที่สลักสลับไปกับหยกเขียว
ตรงทางเข้าเจิดจ้า อลังการไปด้วยแสงสี และมีรถหรูมากมายจอดอยู่ในลานจอดรถ
ตรงหน้าทางเข้า มีอักษรสีทองไม่กี่ตัวขีดเขียนเอาไว้ว่า – คลับอินทรี
คลับอินทรี ไม่เพียงแต่เป็นผู้จัดเวทีประลองใต้ดิน แต่ยังรวมไปถึงการพนัน , อาบอบนวด , สิ่งบันเทิงต่างๆ หรืออาจจะเรียกได้เลยว่ามันเป็นถ้ำทองคำของสถานที่ชุมชนทางตอนเหนือ!
ยามหน้าประตูแปะโลโก้ G9 บนหน้าอก หนึ่งคนเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ อีกคนถืออาวุธจักรกล เห็นได้ชัดว่าเป็นมือปืน