โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 596 - แยกตัว
Ep.596 - แยกตัว
กระแสลมกรรโชก พัดกระพือผงเรืองแสง เห็นได้ชัดว่าผีเสื้อผงหอมแม้เชื่องช้า แต่รูนลมที่มันเรียกออกมา ทรงประสิทธิภาพพอสมควร
หึ่ง หึ่ง หึ่ง!
กระแสลมของผีเสื้อผงหอมชนเข้ากับปราณกำลังภายในของฉินเฟิง แม้ก่อแรงสั่นสะเทือน แต่ไม่ถึงขั้นสามารถทำลายโล่ปราณกำลังภายใน
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ปราณกำลังภายในของฉินเฟิงเชื่อมโยงกับกำลังภายในของเขา ฉะนั้นสำหรับศัตรูเลเวล C เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลาย
ในพริบตาเดียว ฉินเฟิงกระโจนเข้าประชิดเหล่าผีเสื้อผงหอม
มีดเปลวเพลิงโบกสะบัด สับจากบนลงล่าง เฉือนลงบนตัวของผีเสื้อผงหอม
มีดเปลวเพลิงนี้อัดฉีดไปด้วยกำลังภายในรูปแบบสระน้ำ เพียงสัมผัสเนื้อของเป้าหมาย ก็แยกมันออกเป็นสองซีกทันที
สำหรับฉินเฟิง แม้นี่จะดูง่ายดาย แต่สำหรับคนอื่นๆ ยากนักที่จะเลียนแบบได้
เพราะสุดท้าย สระน้ำกำลังภายในของฉินเฟิง เพียงบ่อเดียวก็เทียบเท่าได้กับหนึ่งในสิบของกำลังภายในของผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล C9 ซึ่งคนที่อยู่ในที่นี้ ล้วนมีเลเวลแตกต่างกันไป ดังนั้นกำลังภายในสำหรับพวกเขามีค่ามาก
ทว่าฉินเฟิงกลับปลดปล่อยมันอย่างอิสระ ราวกลับไม่รู้สึกเสียดายกำลังภายในหรือกลัวว่ามันจะหมดลงเลย
ฟุฟ ฟุฟ ฟุฟฟฟฟ
ฉินเฟิงสังหารผีเสื้อผงหอมสามตัวในพริบตาเดียว คนอื่นๆเมื่อเห็นฉินเฟิงฆ่าศัตรูอย่างง่ายดาย ต้องตะลึงตาค้าง ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ที่ผีเสื้อผงหอมบอบบาง ถูกหั่นขาดเป็นสองซีกราวกับเป็นเพียงแผ่นกระดาษเช่นนี้?
ช่วงเวลานั้นเอง ผู้ใช้วรยุทธโบราณตระหนักว่าตนต้องลงมือบ้างแล้ว เขาก้าวไปข้างหน้า แต่ยังไม่ทันถึงตัวเป้าหมาย สายลมแรงแหลมคมดั่งใบมีดพัดฮือสวนเข้ามา กระแทกเพียงไม่กี่ครั้ง ก็สามารถทำลายปราณกำลังภายในของเขา
ฉัวะ!
ใบมีดสายลมฟันเข้าใส่ร่างของผู้ใช้วรยุทธโบราณ
เจ้าตัวยังไม่ทันอ้าปากร้อง ได้ยินเพียงเสียงอู้อี้ในลำคอ ก็ถูกซัดปลิวออกไป
ยังไม่พอ ใบมีดสายลมยังเฉือนชุดรบของเขา เกราะรูนภายในถูกตัดจนเหวอะ เลือดไหลซิบออกมา
ในเสี้ยวพริบตา สารพิษอันทรงประสิทธิภาพพลันแทรกซึม แพร่กระจายเข้าไปในร่างกายของผู้ใช้วรยุทธโบราณ
ต่อมา จู่ๆปากของผู้ใช้วรยุทธโบราณก็เริ่มมีฟองฟอด เขาที่กำลังจะผุดลุกขึ้น ทรุดตัวลงอีกรอบ หมอบกับพื้นทันที
–พิษร้ายของผีเสื้อผงหอม ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น!
“ทุกคนระวังตัวด้วย!”
คงโบะตะโกน “อย่ารีบเข้าไป”
ขณะกล่าว สองมือเขาบังเกิดเสียงเล็กๆดัง คลิก คลิก คลิก มีดบินหลายเล่มถูกเรียกออกมา กำลังภายในถูกอัดฉีดลงไป มือของคงโบะกระพริบไหวต่อเนื่อง
วูซ วูซ วูซ วูซซซ!
มีดบินหลายสิบเล่มถูกขว้างออก ปลายแหลมทิ่มแทงเข้าใส่ผีเสื้อผงหอมหลายสิบตัว เจาะเข้าไปในเลือดเนื้อของมัน
ผีเสื้อผงหอมนับสิบจบชีวิตลงในพริบตาเดียว
เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
อาศัยพลังของผู้ใช้พลังเลเวล B พวกเขาไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงสิ่งใด
ผู้ใช้พลังในกลุ่มเริ่มสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว ในสมองขบคิด แม้ผีเสื้อผงหอมจะน่ากลัว แต่ผู้ใช้พลังอย่างพวกเขาก็ใช่ว่าจะอ่อนแอ หลายคนร่วมมือกัน ไม่นานก็สามารถสังหารมันได้ทีละหนึ่งตัว
ด้วยการร่วมแรงรวมใจกัน ไม่นาน ผีเสื้อผงหอมที่บดบังเส้นทางของพวกเขา ทั้งหมดก็ถูกกวาดล้างออกไป
ศึกย่อยครั้งนี้ มีผู้เคราะห์ร้ายเพียงคนหนึ่งที่ต้องพิษ อย่างไรก็ตาม ภายใต้ผลลัพธ์ของเม็ดยารักษา เขาจะหายในเวลาอันสั้น
นักสู้เหล่านี้ บางคนเริ่มให้ความสนใจฉินเฟิงแล้ว
เพราะยังไงซะ ฉินเฟิงเพียงลำพัง สามารถสังหารผีเสื้อผงหอมได้มากกว่าสามสิบตัว ความแข็งแกร่งดังกล่าว ช่างน่าประทับใจ
กระทั่งเจียงป๋อที่เคยไล่ฉินเฟิงเหมือนหมูเหมือนหมา ยังอดรู้สึกทึ่งไม่ได้
‘ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมนายพลซื่อฉิงถึงต้องการดึงตัวฉินเฟิงคนนี้มาร่วมงาน ที่แท้เขาทรงพลังมากจริงๆ’
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ในหัวใจของเจียงป๋อก็อดบังเกิดความริษยามิได้ ฉินเฟิงคนนี้แข็งแกร่ง เลยได้รับความสนใจจากซื่อฉิง ขณะที่ตนเองทำงานดั่งม้าดั่งลา แต่กลับไม่มีวี่แววว่าจะได้รับคำชมเลย สิ่งนี้ทำให้เจียงป๋อไม่พอใจมาก
ทว่าด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน มันไม่อนุญาตให้เจียงป๋อฟุ้งซ่าน
ฝูงชนยังคงเดินไปข้างหน้า ไป๋หลีขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่ายังคงหมกมุ่น ครุ่นคิดถึงวัสดุที่ใช้ตัดกระโปรงของเธอ
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก เอาไว้รอจนจบภารกิจนี้ แล้วค่อยเรียกขอวัตถุดิบพวกนี้จากเขา ถ้าพวกเรากลับไปยังเมืองกลางตู่ซานเมื่อไหร่ เธอจะได้กระโปรงใหม่แน่นอน ปกติแล้วทีมทหารรับจ้างเวลาออกล่าสัตว์ร้าย พวกเขาจะเก็บรวบรวมวัตถุดิบไว้ก่อน แล้วค่อยแจกจ่ายกันทีหลัง จำไม่ได้หรอ?”
พอได้ฟัง สีหน้าของไป๋หลีค่อยดีขึ้น แต่ก็ยังไม่วายกล่าวว่า “พูดอยู่นั่นแหละ ปลอบประโลมเหมือนฉันเป็นเด็ก เรื่องนั้นฉันรู้หรอกน่า!”
“ก็เธอยังเด็กอยู่จริงๆ!”
“ฮึ! ฉันโตแล้ว!” ไป๋หลีบ่นงึมงำ
ระหว่างทั้งสองสนทนา หยวนเสี่ยวกวงที่นำทางอยู่ข้างหน้า ก็ได้พบเศษผ้าอีกชิ้น ขณะเดียวกัน รอบๆก็เริ่มปรากฏฝูงผีเสื้อผงหอมอีกครั้ง
การต่อสู้ดำเนินไปกว่าสิบนาที เดินทางต่อก็พบเศษผ้าชุดรบชิ้นที่สาม แต่คราวนี้ทุกคนกลับเริ่มขมวดคิ้ว
ทั้งหมดฉันมองนาย นายมองฉัน แม้มีคำพูดจุกอยู่ในลำคอ แต่ไม่อาจเปล่งมันออกมาได้
เมื่อเห็นคนเหล่านี้ไม่เต็มใจจะพูด ฉินเฟิงก็ไม่ต้องการล่าช้า เพราะเขาทราบดี ว่าในมุมมืดมีคนคอยจับตามองอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหากการค้นหายังดำเนินต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าไม่นับเรื่องที่สามารถสังหาร เก็บเกี่ยววัตถุดิบจากผีเสื้อผงหอม นอกนั้นถือว่าเสียพลังงานเปล่า ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
“ท่านผู้ใหญ่คง ดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่ง่ายซะแล้ว ถึงลูกสาวคุณจะหายตัวไปในพื้นที่เขต 13 แต่เป็นอะไรกันแน่ที่ฉีกชุดรบของเธอ แล้วปล่อยทิ้งไว้ตามทางแบบนี้? เห็นได้ชัดว่าผีเสื้อผงหอมไม่สามารถทำได้ และต่อให้มันทำได้ ก็ไม่น่าจะเหลือแค่เศษผ้าชุดรบ แต่ควรมีเลือดติดมาด้วย แต่นี่ไม่มีติดมาเลยสักหยดเดียว”
ฉินเฟิงกล่าว หยวนเสี่ยวกวงช่วยเสริม “ท่านผู้ใหญ่คง เขาพูดถูกนะ ฉันไม่พบคราบเลือดจริงๆ เกรงว่านี่อาจเป็นกับดักที่ใครบางคนวางไว้”
คงโบะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
เขากัดฟันกล่าว “ก่อนหน้านี้ ฉันได้รับข้อความจากคงถิง เธอบอกว่าตัวเองติดอยู่ในพื้นที่เขต 13 ส่วนเรื่องที่ว่าติดอยู่ตรงไหน ฉันไม่รู้จริงๆ แต่เศษผ้าพวกนี้ ถึงมันจะไม่ได้เกิดจากแมลงสัตว์ร้าย แต่ก็มีโอกาสเป็นสัญลักษณ์ที่คงถิงทิ้งไว้ให้ก็ได้ไม่ใช่หรอ!”
“พื้นที่เขต 13 น่าจะเป็นตำแหน่งที่ไม่มีสัญญาณรบกวน ท่านผู้ใหญ่คงทดลองค้นหาตำแหน่งลูกสาวคุณได้หรือไม่?” ฉินเฟิงกล่าว
พอได้ฟัง สีหน้าของคงโบะดูน่าเกลียดยิ่งกว่าเดิม เพราะหลังจากได้รับข้อความแล้ว เขาไม่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสารของลูกสาวตนได้อีกเลย
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ในฐานะที่ผมมีความแข็งแกร่งอยู่พอสมควร ทำไมคุณถึงไม่ให้ผมเข้าไปหาเธอข้างในล่ะ? และให้ทุกคนออกจากพื้นที่เขต 13 ไปก่อน ที่นี่อันตรายเกินไป อีกอย่าง เห็นอยู่ชัดๆว่าบางคนเริ่มฝืนยืนหยัดไม่ไหวแล้ว”
ถูกต้อง ในบรรดาฝูงชน บางคนเริ่มเกิดอาการเลอะเลือนคล้ายไม่ได้สติแล้ว พวกเขาไม่สามารถรวบรวมพลังสมาธิได้ เห็นได้ชัดว่าการอยู่ที่นี่นานๆ ส่งผลกระทบต่อพวกเขา
คงโบะลังเล กวาดมองคนในทีม
เขาประกาศว่าจ้างผู้คนมากมาย เดิมทีก็เพราะพื้นที่เขต 13 มีขนาดกว้างขวางเป็นพิเศษ หากมีคนจำนวนมากจะสามารถแยกย้ายกันค้นหาได้ แต่กลับคาดไม่ถึงเลย ว่าแค่มาถึงทางเข้าก็ได้เบาะแส ดังนั้นฝูงชนเลยเกาะกลุ่มรวมกัน แต่ปัญหามากมายเริ่มตามมา หลังจากเข้ามาที่นี่ เวลาก็ผ่านไปนานกว่าสามชั่วโมงแล้ว สภาพของคนเหล่านี้เหมือนจะไม่ค่อยสู้ดี
คงโบะยิ่งมายิ่งขมวดคิ้วแน่น หยวนเสี่ยวกวงกล่าวเสริมว่า “ให้ฉันไปกับพี่ชายคนนี้เถอะ ถ้าโชคดีพวกเราได้อาจเบาะแสของคงถิงเพิ่มเติม”
ฉินเฟิงมองไปยังหยวนเสี่ยวกวง อีกฝ่ายเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ไม้ และหากอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยพืชพรรณเช่นนี้ อีกฝ่ายย่อมมีประโยชน์แน่นอน ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงเรื่องที่ว่า หากเทียบกับผู้ใช้อบิลิตี้มืดอย่างฉินเฟิงแล้ว อีกฝ่ายด้อยกว่า แต่ประเด็นก็คือ หยวนเสี่ยวกวงสามารถสื่อสารกับพืช และช่วยค้นหาเบาะแสได้
“ตกลง”
แม้ฉินเฟิงจะแข็งแกร่ง แต่อย่างไรเป็นหยวนเสี่ยวกวงที่ค้นพบเศษชุดรบของคงถิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เห็นได้ชัดว่าคงโบะเชื่อใจคนๆนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินเฟิงยังเป็นหน้าใหม่ แต่หยวนเสี่ยวกวงอยู่ในเมืองกลางตู่ซานมานาน คาดว่าน่าจะมีชื่อเสียงระดับหนึ่ง คงโบะน่าจะเคยได้ยินชื่อมาก่อน
“ก็ได้”
คงโบะพยักหน้า อนุญาต
ขณะเดียวกัน กล้องที่ซ่อนอยู่ในมุมมืด ได้บันทึกภาพทั้งหมดนี้เอาไว้
กล้องภาคสนามนี้ ถูกปกปิดเอาไว้อย่างมิดชิด ฉินเฟิงมิได้ใช้ออกด้วยพลังสมาธิเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ ดังนั้นเลยไม่ทันสังเกตเห็นมัน ส่วนหยวนเสี่ยวกวงแม้สามารถสื่อสารกับต้นไม้ แต่ต้นไม้อย่างไรไม่ใช่มนุษย์ มันไม่สามารถถ่ายทอดข้อมูลโดยละเอียดได้
ด้วยเหตุนี้ ทุกการกระทำของฝูงชน ทั้งหมดเลยถูกส่งผ่านกล้องโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น