โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 7
Ch.7 – สัตว์ร้ายยักษ์ใกล้ตาย
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.7 – สัตว์ร้ายยักษ์ใกล้ตาย
แม่น้ำภายในบริเวณนี้ค่อนข้างลึก ทันทีที่ฉินเฟิงกระโดดลงไป ในสายตาเขาก็เห็นถึงแสงสีแดงอมฟ้าแปลกๆ ไหลวนอยู่รอบตัว – ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสารพิษ! แต่สารพิษก็มีข้อดีของมัน เพราะช่วยให้สภาพแวดล้อมโดยรอบไม่มีอันตรายใดๆจากสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์
ในชีวิตก่อนหน้า ช่วงที่กำลังหลบหนีเอาชีวิตรอด อะดรีนาลีนเดือดพล่าน เขาเลยไม่ได้มัวมามีเวลารับรู้หรือสังเกตถึงมัน แต่ตอนนี้ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสารพิษที่สัมผัสกับผิว สร้างความเจ็บแสบราวกับถูกน้ำร้อนลวก
แต่เมื่อเทียบกับอาการบาดเจ็บในชีวิตก่อนหน้าแล้ว มันไม่นับว่าเป็นสิ่งใด!
ฉินเฟิงเร่งว่ายลึกลงไปใต้น้ำ เขาเพิ่งได้รับพลังงานมาจากมนุษย์กบ ส่งผลให้ความเร็วและความแข็งแกร่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีกขั้น เวลาอยู่ในน้ำเลยรู้สึกอิสระ สบายยิ่งกว่าแต่ก่อน
ผ่านไป 3 นาที เขาก็มาถึงก้นอ่าว พร้อมกันกับปรากฏท่อสีดำมืดขึ้นในสายตา
เส้นผ่านศูนย์กลางของมันอย่างน้อยก็ 2 เมตร กว้างขนาดนี้ ต่อให้ฉินเฟิงยืนตัวตรง ก็ยังสามารถเดินผ่านมันเข้าไปได้
ไม่รอช้า ฉินเฟิงว่ายน้ำเข้าไป
หลังจากว่ายเข้าไปตามทางได้สิบเมตร ปากทางเข้าท่อก็เอียงขึ้นด้านบน นำพาฉินเฟิงออกจากน้ำในที่สุด
พอโผล่พ้นน้ำ กลิ่นฉุนอันน่ารังเกียจก็โชยมาแตะจมูก ทั้งๆที่เขายังคงสวมหน้ากากออกซิเจนปิดเอาไว้อยู่
กลิ่นแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลย ว่ามันคงไม่พ้นเป็นท่อระบายน้ำเสีย
และเส้นทางนี้เอง ที่เป็นสถานที่ซึ่งฉินเฟิงใช้หลบหนีออกมาจากหลังจากถูกทดลอง
ตามความทรงจำของฉินเฟิง เมื่อเขาได้รับการฉีดยากระตุ้น และถูกแบกออกจากสถาบันวิจัยโดยโจวฮ่าว เขาก็ได้สติ แต่ดันต้องมาเผชิญกับเขี้ยวทารก หลังจากนั้นโจวฮ่าวก็ตายลง ส่วนเขาพยายามดิ้นรนต่อสู้กับเขี้ยวทารก จนบอบช้ำ บาดเจ็บสาหัส
ทว่าเพราะเนื่องจากการตายของเขี้ยวทารก ฉินเฟิงเลยสามารถดูดกลืนพลังงานของมันมาได้ อาการบาดเจ็บหนักเหล่านั้นของเขาจึงหายไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่พบเห็นต่างก็รู้สึกทึ่ง
ฉินเฟิงได้ถูกนำตัวไปวินิจฉัยโดยแพทย์ และได้ข้อสรุปว่า ตัวเขาอาจสามารถปลุกพลังพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใครขึ้นมาได้
แต่แล้วพอออกจากรถพยาบาล เขาก็โดนลอบโจมตีอย่างกระทันหัน และถูกลักพาตัวไป
ในสถานที่ชุมชนขนาดใหญ่ ประจวบกับความโกลาหลที่เพิ่งเกิดขึ้นจากรอยแยกมิติ ดังนั้น จึงไม่มีใครมัวใส่ใจกับการหายตัวไปของเด็กอายุ 16 ปีคนหนึ่ง
เฉกเช่นเดียวกันกับการตายของโจวฮ่าว -มันก็แค่อุบัติเหตุ
หลังจากนั้นก็น่าจะรู้กันอยู่แล้ว ฉินเฟิงถูกนำตัวไปยังห้องปฏิบัติการทดลอง และต่อมาอีกหลายชั่วโมง เขาก็ได้รับการพิจารณาว่าคงไม่รอดแน่ๆ จึงถูกโยนลงไปในบ่อทิ้งขยะ เตรียมปล่อยไหลลงไปตามท่อระบายน้ำ
เมื่อคิดย้อนไปถึงสิ่งเหล่านี้ ฉินเฟิงก็มาถึงจุดสิ้นสุดของท่อระบายน้ำพอดี
สุดทางของท่อระบายน้ำคือบ่อทิ้งขยะ มันมีแผ่นเหล็กปิดทางเข้าเอาไว้อยู่ ทว่าตรงส่วนปลายของแผ่นเหล็กแผ่นหนึ่ง กลับปรากฏมือใหญ่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยเลือดยื่นออกมา คล้ายพยายามแหวกทาง เป็นช่องว่างเล็กๆราวๆ 30 ซม.
ซึ่งช่องว่างนี้ เพียงพอสำหรับคนๆหนึ่งที่จะผ่านเข้าไปได้
ฉินเฟิงปีนไปตามฝ่ามือใหญ่ เห็นได้ชัดว่าในชีวิตก่อนหน้า ก็เป็นเจ้าสิ่งนี้เองที่เปิดทางหนีทิ้งไว้ ช่วยให้เขารอดชีวิตไปได้
มันคือสิ่งมีชีวิตที่มีความยาวกว่า 3 เมตร ทว่าสภาพของมันในตอนนี้ช่างดูน่าสังเวชเหลือเกิน
เลือดและเนื้อทั้งร่างเน่าเสีย คาดว่าคงถูกกัดกร่อนด้วยสารพิษ นอกเหนือไปจากกรงเล็บที่ใช้แหวกแผ่นเหล็กแล้ว เล็บที่เหลือล้วนหลุดลุ่ยออกมารวมกับกองขยะเบื้องล่าง ไม่เหลือเล็บอื่นใดบนมืออีก
ไม่เพียงเท่านั้น แต่สิ่งมีชีวิตตัวนี้ ในสภาพสมบูรณ์ สมควรที่จะมีขนปกคลุมทั่วตัว แต่สภาพมันเวลานี้ คาดว่าทั้งตัวคงถูกถอนขนออกจนสิ้น กระทั่งส่วนหางก็ยังถูกตัด
คู่ดวงตาของมันถูกเลาะออก ตรงกลางหน้าผากก็มีรูถูกแหวก เกรงว่าคงจะเป็นแหล่งรวมแก่นอบิลิตี้ที่ถูกนำออกไป
หากมิใช่เพราะเนื้อหนังและกระดูกถูกทดลองจนสูญค่าไปแล้ว น่ากลัวว่ากระทั่งซากศพของมัน คงไม่เหลือมาให้เห็น
“โดนถึงขนาดนี้ มันยังฝืนยื้อชีวิตตัวเอง ไม่ตายทันทีตั้งแต่ถูกโยนลงมาได้ยังไงกันนะ?”
มองไปยังรูขนาดเท่ากำปั้นบนหน้าผาก น้ำเสียงของฉินเฟิงเผยถึงแปลกใจเล็กน้อย
ก็ถ้าบาดแผลของมันร้ายแรงถึงขนาดนี้จริงๆ แล้วเจ้าสิ่งมีชีวิตเบื้องหน้า มันไปเอาแรงจากไหนมางัดแผ่นเหล็กได้กัน?
“เดี๋ยวก่อนสิ หรือว่าจะเป็นเพราะพลังใจของมัน? แต่ทำไมมันถึงได้ฮึดสู้ขนาดนี้ …?”
ฉินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
ใช่แล้วล่ะ จุดประสงค์ที่เขามาที่นี่ ก็เพราะเจ้าสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ตรงหน้านั่นเอง
หลังจากที่ถูกทดลอง และได้ข้อสรุปว่าคงไม่รอดแน่ๆ เขาก็ถูกโยนลงมาราวกับขยะ แต่ดันร่วงลงมากระแทกเข้ากับสิ่งชีวิตตนนี้พอดี จากนั้น พลังพิเศษดูดกลืนของเขา ก็ทำการดูดซับพลังงานจากร่างที่ว่านี่เข้าสู่ร่างกาย อย่างไรก็ตาม พลังดูดกลืนในตอนนั้น อ่อนแอกว่าพลังที่เขาปลุกขึ้นมาได้ในตอนนี้กว่า 10 เท่า
สงสัยว่าคงเป็นเพราะเขาถูกทำการทดลองมากเกินไป พลังพิเศษส่วนใหญ่จึงถูกทำลายลง จนแทบไม่เหลืออะไรเลย
อย่างไรก็ตาม ด้วยการดูดกลืนพลังงานนี่เอง ฉินเฟิงจึงสามารถฟื้นฟูสภาพร่างกายตนได้อีกครั้ง ทว่าเมื่อได้สติเขาก็ไม่คิดมัวสำรวจสภาพแวดล้อมใดๆโดยรอบ เมื่อสายตาที่พร่ามัวหันไปเห็นช่องว่างเล็กๆ เขาก็พุ่งตัวเข้าไปทันที หลบหนีรอดชีวิตไปได้ในที่สุด
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าสิ่งมีชีวิตตัวนี้เอง ที่เป็นตัวช่วยชีวิตฉินเฟิงเอาไว้
ฉินเฟิงยังคิดเลย ว่าหากตนได้เกิดใหม่อีกครั้ง เขาจะกลับมาที่นี่ และหากมันยังไม่ตาย ก็จะช่วยชีวิตมัน จากนั้นก็ทำสัญญาต่อกัน
นั่นคือสาเหตุที่เขามาที่นี่ แต่หากมันตายแล้ว เขาก็ยังสามารถดูดกลืนพลังงานอันมหาศาลของสิ่งมีชีวิตตนนี้ได้ และจะต้องแข็งแกร่งขึ้นมากแน่ๆ บางทีมันอาจมากพอที่จะใช้บุกเข้าไปทำลายองค์กรที่เคยทดลองตัวเขาเลยก็ได้!
แต่ไม่คาดหวังเลย ว่าผลลัพธ์มันจะกลายเป็นแบบนี้ … ดูเหมือนว่ามันจะตายไปได้สักพักหนึ่งแล้ว แบบนี้เขาก็ดูดพลังงานจากมันไม่ได้น่ะสิ -ว่าแต่ถ้าอย่างงั้นในชีวิตก่อนหน้า เขาดูดพลังจากสิ่งใดกัน?
เฝ้ามองมันอยู่เนิ่นนาน จมอยู่กับห้วงความทรงจำในชีวิตก่อนหน้านานเป็นสิบนาที จนกระทั่งมีอะไรบางอย่างเรียกสติเขากลับคืน
“เอ๊ะ? นั่นมันอะไรน่ะ!”
ฉินเฟิงรู้สึกว่าบนร่างศพของสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ตัวนี้กำลังขยับไหว คล้ายกับว่ากำลังมีอะไรบางอย่างถูกผลักออกมา
ในทิศทางใต้ช่วงท้องของสัตว์ใหญ่ ปรากฏแสงสีเงินขึ้น
มันคือแสงที่เกิดจากความผันผวนของธาตุมิติ!
นี่ไม่มีทางผิดพลาด เพราะไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ฉินเฟิงเพิ่งเจอกับความผันผวนของธาตุมิติมา ไหนจะประสบการณ์นับหลายปีของเขาในชีวิตก่อนหน้าอีก ดังนั้นเขาจะไม่ทราบเกี่ยวกับมันได้อย่างไร?
นี่ใช่เป็นเหตุจากการที่เขาเกิดใหม่หรือไม่? รอยแยกมิติจึงเกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้?
ทว่ารอยแยกมิติที่เกิดขึ้นที่นี่มันเล็กมากจริงๆ เล็กยิ่งกว่ารอยแยกตอนที่เขี้ยวทารกบุกเข้ามาซะอีก เล็กแบบนี้คงไม่น่าจะอันตรายอะไรล่ะมั้ง? -แม้ว่าฉินเฟิงในเวลานี้จะยังหวาดระแวงกับสถานการณ์ตรงหน้า แต่ด้วยประสบการณ์ในชีวิตก่อนหน้าของเขา ทำให้เจ้าตัวไม่คิดหลบหนี แต่กลับเลือกผลักร่างศพของสัตว์ใหญ่ออกไป เพื่อสำรวจมันแทน
เมื่อไร้ซึ่งศพของสัตว์ใหญ่บดบัง แสงสีเงินเรืองรองก็สาดไปในชั้นอากาศทันที
“นี่มันช่องว่างมิติ!”
ช่องว่างมิติจะแตกต่างไปจากรอยแยกมิติที่ไม่เสถียร และสามารถสลายลงได้ตลอดเวลา
ตรงกันข้าม ช่องว่างมิติจะมีเสถียรภาพ และส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์
หลังจากที่ช่องว่างมิติขนาดเท่าแผ่นดิสก์เปิดออก ไม่นานนัก ลูกกลมๆสีแดงขนาดเท่าครึ่งฝ่ามือก็กลิ้งออกมา แล้วช่องว่างมิติก็หายไป
เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมปรากฏ ย่อมเป็นธรรมดาที่สายตาของฉินเฟิงจะตกลงบนมัน
แท้จริงแล้วกลับพบว่าสิ่งทรงกลมแปลกๆที่กลิ้งออกมา -คือรกนั่นเอง
ตัวรกมีสีแดงกึ่งโปร่งแสง เลยเห็นได้ว่ามีอะไรบางอย่างคล้ายกับลูกหมาอยู่ภายใน
ฉินเฟิงสามารถสัมผัสได้ว่า แม้ชีพจรของลูกหมาจะยังมั่นคง แต่ชีวิตของมันตอนนี้แขวนอยู่กับเปลือกรกเบาบางที่ห่อหุ้มตัวเอาไว้
ในใจของฉินเฟิง คล้ายกับว่าสามารถเชื่อมต่อเรื่องราวทุกอย่างเข้าด้วยกัน
“บางที ในตอนนั้น จริงๆแล้วฉันไม่ได้ดูดพลังงานจากสัตว์ใหญ่ แต่เป็นจากร่างที่ตายแล้วของเจ้าตัวเล็กนี่ต่างหาก!”
ครั้งที่ฉินเฟิงถูกโยนลงมาจากด้านบน เขาก็หล่นลงใส่ร่างศพของสัตว์ใหญ่พอดี ดังนั้นจึงเข้าใจผิด ว่าพลังงานที่เขาดูดกลืนมา เกิดจากร่างศพของที่สัตว์ใหญ่พึ่งเสียชีวิตไป
“เอาล่ะเจ้าตัวน้อย ในเมื่อเรามีวาสนาได้พบกัน ถ้างั้นฉันจะเป็นคนเลี้ยงแกเอง หลังจากนั้นพวกเราก็มาร่วมมือกันแก้แค้นเถอะ! ” ฉินเฟิงคว้ารก และใส่มันอย่างระมัดระวังในเป้สะพายหลังที่กันน้ำได้
ในช่วงเวลานั้นเอง เสียงของเครื่องจักรกลก็เริ่มดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ
เหนือศีรษะ ปรากฏใบมีดคมกริบนับร้อยเริ่มหมุนวน ค่อยๆลดระดับลงมา เห็นได้ชัดว่านี่คงจะเป็นเวลาที่พวกเขาเตรียมการที่จะบดศพพทดลองให้แหลกเป็นชิ้น ก่อนจะปล่อยให้ไหลลงไปตามท่อระบายน้ำเสีย
“วางใจเถอะ ฉันจะดูแลลูกของแกเอง!”
ฉินเฟิงกล่าว พลางเริ่มมุดหนีออกไปตามช่องว่างของแผ่นเหล็ก
ขณะเดียวกัน ร่างศพของสัตว์ใหญ่ซึ่งได้ตายไปนานแล้ว กลับปรากฏหยาดโลหิตไหลออกมาจากดวงตา คล้ายกับว่ามันกำลังร่ำไห้
“หึ่ง หึ่ง หึ่ง … ”
เสียงของเครื่องจักรป่นสับดังขึ้น บดทำลายทุกสิ่งในบ่อทิ้งขยะ จนไม่เหลือสิ่งใดเลย