โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 77
Ch.77 – เหมืองฉิงซาน
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.77 – เหมืองฉิงซาน
“เห? นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน?” ฉินเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย
“ก็ฉันเพิ่งจะเรียนไปเมื่อช่วงบ่ายนี้เอง!” โจวฮ่าวกล่าว
ฉินเฟิงถึงบางอ้อ เพราะวิชานี้ เขาเองก็มีเรียนเหมือนกัน เพียงแต่ตนโดดมันก็เท่านั้นเอง
“เหมืองฉิงซานมีขนาดใหญ่มาก แต่ปัจจุบันมันไม่มีความจำเป็นต้องทำเหมืองทองแดงอีกต่อไปแล้ว เลยขาดการดูแลจากสถานที่ชุมชน ดังนั้นภายในเหมืองเลยถูกยึดครองโดยพวกค้างคาวยักษ์ หากพวกเราไปที่นั่น การจะหาสัตว์ร้าย 200 ตัวมาฆ่ามันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ตรงกันข้าม หากออกไล่ล่าทั้งทุ่งล่า น่ากลัวว่า 3 วันคงไม่ทัน!” ฉินเฟิงอธิบาย
เดิมที การสังหารงูชายแดนแถวๆพื้นที่เพาะปลูกก็เป็นความคิดที่ดี แต่น่าเสียดายที่ฉินเฟิงกวาดล้างมันไปหมดแล้ว กระทั่งหนูยักษ์กินพืชที่เป็นอาหารหลักของมัน ก็สูญเสียไปเป็นจำนวนมากจากการบุกของกองทัพหนู
โจวฮ่าวกล่าวอย่างขมขื่น “อย่าพูดด้วยท่าทีใจเย็นแบบนั้นจะได้ไหม มันก็จริงว่าถ้าไปที่นั่นพวกเราจะฆ่าสัตว์ร้ายทั้ง 200 ตัวได้ทันแน่ๆ แต่นายไม่เคยได้ยินหรอ ว่าภายในเหมืองทองแดง มันมีค้างคาวยักษ์อยู่นับ 10,000 ตัว! และทุกตัวล้วนเป็นเลเวล G3 แล้วแบบนี้พวกเราจะชนะมันได้ยังไง!?”
ฉินเฟิงกล่าวน้ำเสียงหนักแน่น “นายเชื่อฉันสิ ถ้ากระทั่งปัญหาแค่นี้นายยังสู้ไม่ได้ พอไปเจอกับกองทัพซากศพที่น่ากลัวยิ่งกว่า นายจะโค่นพวกมันลงได้ยังไง?”
พอได้ยินแบบนั้น โจวฮ่าวก็กัดฟัน สีหน้าเปลี่ยนกลับมาเป็นมั่นคง มุ่งมั่นดังเดิม
“ถูกของนาย ไปก็ไป!”
ไร้ซึ่งบทสนทนาใดๆอีก รถศึกของฉินเฟิงล่องเวหาต่อไป เนื่องจากพื้นดินมีสิ่งกีดขวางมากมาย มันเลยสามารถทำได้แค่ลอยไปข้างหน้าเท่านั้น
หนึ่งชั่วโมงต่อมา พระอาทิตย์ตกดินพอดี ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงเหมืองฉิงซาน
ปรากฏให้เห็นถึงปากทางเข้าเหมืองขนาดใหญ่ บนพื้นดินมีรางรถไฟสนิมเขรอะซึ่งใช้ในการขนส่งแร่ทองแดง แต่ปัจจุบันมันอยู่ในสภาพบ้างสึกกร่อน บ้างผิดรูป
“รับนี่ไปซะ นายจำเป็นต้องใช้”
ฉินเฟิงโยนเกราะในสีเงิน และปืนพลังงานออกไป
นี่คือชุดเกราะในระดับราชันย์สัตว์ร้ายที่ถูกสั่งทำโดยฉินเฟิง -ด้วยความแข็งแกร่งทางกายในปัจจุบันของฉินเฟิง กล่าวได้ว่าร่างกายของเขาเทียบเคียงได้กับผู้ใช้วรยุทธโบราณที่ฝึกฝนวิชาของพวกเส้าหลิน จึงเป็นธรรมดาที่ไม่ต้องการเกราะนี้
“นี่มันอย่าบอกนะว่า … ” โจวฮ่าวสูญสิ้นน้ำเสียง ท่าทีของเขาพอจะบอกได้เลยว่าตกใจขนาดไหน เพราะมันคืออุปกรณ์รูนที่กำลังสาดแสงสีเงิน ซึ่งเขาไม่เคยพบเห็นกับตาตัวเองมาก่อน
เป็นความรู้สึกที่ทั้งคนทั้งร่างสติหลุดลอยไปชั่วขณะ
“แล้วนายล่ะ ไม่ต้องใส่มันหรอ?”
แม้ว่าโจวฮ่าวจะตื่นเต้นสุดๆ แต่เมื่อคิดถึงฉินเฟิง เขาก็ระงับอารมณ์ทั้งหมดเหล่านั้นไปทันที
“ไร้สาระน่า นายนั่นแหละจำเป็นต้องใช้ อย่าลืมสิว่าค้างคาวยักษ์พวกนั้นมันทำอะไรฉันไม่ได้!”
“งั้นก็ขอน้อมรับด้วยความยินดี ฮี่ฮี่ ถ้ามีคนรู้ว่าฉันได้สวมชุดเกราะเงินนะ พวกเขาคงอิจฉาแทบตาย!”
โจวฮ่าวสวมเกราะ ในหัวใจรู้สึกปลอดภัยกว่าเดิมหลายส่วน
จากนั้น ทั้งสองก็ก้าวเข้าไปในถ้ำมืด
วู้ม!
บังเกิดหนึ่งก้อนเปลวไฟลุกโชนขึ้น
-เป็นอบิลิตี้ไฟของฉินเฟิง
แม้เจ้าตัวจะสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมในที่มืดได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโจวฮ่าวจะมองเห็นมัน เลยเป็นธรรมดาที่ฉินเฟิงจะช่วยจุดไฟ ส่องทางให้แก่สหาย
ต่อมา ฉินเฟิงก็หยิบหน้าไม้ และก้าวไปข้างหน้า
“ฉันจะนำไปก่อน แล้วจะปล่อยบางตัวให้นายฆ่าพวกมัน จำไว้ให้ดีว่าอย่าลืมใช้ทักษะลับน่องวายุ!”
“เข้าใจแล้ว”
“และอย่าลืมเปิดบันทึกวิดีโอ!”
“เอออออ รู้แล้วน่า!”
มันจำเป็นต้องมีบันทึกวิดีโอในการล่า มิฉะนั้นพวกเขาจะพิสูจน์ว่าผู้ขอรับการทดสอบสามารถล่าสัตว์ร้ายครบทั้ง 200 ตัวได้อย่างไร?
ครั้งนี้โจวฮ่าวไม่ได้เผยรอยยิ้มแย้มขี้เล่น บนใบหน้าของเขา มันเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก กำลังภายในจากในร่างกายควบรวมไปที่สองหูและสองตา ประสาทสัมผัสในการรับรู้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ไม่นานนัก เสียงพัดกระพือของปีกก็ดังขึ้น
“พวกมันมาแล้ว!” โจวฮ่าวเกร็งกำปั้นด้วยความประหม่า
อย่างไรก็ตาม ทางฉินเฟิง เขาดูจะสงบกว่าโจวฮ่าวมากนัก
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ค้างคาวยักษ์เหล่านี้มีเลเวลแค่ G3 มันไม่สามารถทำอันตรายใดๆต่อเขาได้
วูซซซ!
ฉินเฟิงเหนี่ยวไก ยิงศรหน้าไม้ออกไปในความมืดมิด และโผล๊ะ! –สังหารสองสัตว์ปีกกลางอากาศในดอกเดียว!
ปุก!
สองค้างคาวยักษ์ถูกยิงเจาะเข้าที่หัวโดยตรง พวกมันร่วงตกลงกับพื้น เหลืออยู่ตัวเดียวเท่านั้นที่ยังบินอยู่ ราวกับว่ามันสามารถค้นพบถึงความผิดปกติ -เร่งโฉบเข้าหาตำแหน่งของฉินเฟิงกับโจวฮ่าวอย่างรวดเร็ว
“นี่สำหรับนาย”
ฉินเฟิงก้าวไปด้านข้าง หลีกไปให้พ้นทาง
ไม่นานเกินรอ ในที่สุด โจวฮ่าวก็เห็นถึงรูปลักษณ์ของค้างคาวยักษ์ในสายตา
แม้จะเคยเห็นมันจากวิดีโอที่ได้รับการบันทึกเอาไว้ก่อนแล้ว แต่ก็ยังไม่น่าตกใจเท่ากับรูปลักษณ์อันน่าสยดสยองของอีกฝ่าย ที่อยู่เบื้องหน้า
ขนาดตัวของมันใหญ่มาก เฉพาะตรงส่วนร่างกายมีขนาดอวบอ้วน ยาวกว่าครึ่งเมตร สองฝั่งเป็นปีกที่กางออก ยาวกว่า1.5 เมตร ดูแข็งแกร่งและน่าหวาดกลัว
ดวงตาสีแดงและเขี้ยวของอีกฝ่าย ทำให้คนที่เฝ้ามองอดสั่นสะท้านไม่ได้
“น่องวายุ!” โจวฮ่าวถีบตัวขึ้นสูง และม้วนตัวเตะไปยังทิศทางค้างคาวยักษ์อย่างแรง
ฉวัดเฉวียน!
ทว่าค้างคาวยักษ์ก็สามารถหลบได้อย่างไม่ยากเย็น มันอาศัยจังหวะที่สวนกันโฉบวูบบบบ! กรีดกรงเล็บแหลมเข้าใส่ไหล่ข้างหนึ่งของโจวฮ่าว
หากไม่ใช่เพราะเกราะในที่สาดแสงสีเงิน เกรงว่าเนื้อของโจวฮ่าวคงถูกฉีดเป็นชิ้นๆไปแล้ว
“ใจเย็นๆ มองหาจังหวะกับมุมที่เหมาะสมก่อน แล้วค่อยเล็งเตะไปที่ปีกของมัน!” ฉินเฟิงเอ่ยแนะนำ
โจวฮ่าวรับฟัง เขาขยับกาย ใช้ฟุตเวิร์ควนไปรอบๆ จนในที่สุดก็ค้นพบตำแหน่งที่ดี ย่ำเท้ากับพื้น ถีบตัวลอยขึ้นเตะเข้าใส่ปีกใหญ่ค้างคาวยักษ์ เอี้ยวตัวอีกคราวกลางอากาศ ม้วนเตะเข้าใส่ด้วยขาอีกข้าง โดนไปถึงสองดอกในคราวเดียว กระดูกปีกของค้างคาวยักษ์ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
เมื่อกระดูกปีกแตก นั่นหมายความว่ามันไม่สามารถบินหลบหนีไปได้อีกแล้ว!
“ค้างคาวน้อย! แกบินหนีไม่ได้อีกแล้ว ตายซะเถอะ!” โจวฮ่าวชักปืนพลังงานตรงเอวออกมา เล็งไปทางหัวค้างคาวยักษ์และลั่นไก
สมองค้างคาวยักษ์ถูกเจาะเป็นรู มันจบชีวิตลงโดยสมบูรณ์
“อย่าลืมเก็บรวบรวมโลหิตหัวใจ , ปีก แล้วก็หางของมันด้วยนะ”
ฉินเฟิงสั่งคำหนึ่ง
ส่วนที่ดีที่สุดของค้างคาวยักษ์ก็คือโลหิตหัวใจ มันสามารถใช้ทำเป็นยาง่ายๆที่มีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างร่างกายและจิตวิญญาณ ประสิทธิภาพเทียบเท่าได้กับยาเสริมแกร่งเกรด G
ส่วนปีกของมัน คู่หนึ่งมีมูลค่าราวๆ 2000 เหรียญ เงินจำนวนนี้มิอาจดึงดูดความสนใจจากฉินเฟิงได้ แต่สำหรับโจวฮ่าวมันคือโชคลาภก้อนใหญ่!
ส่วนหางค้างคาว มีขนาดเล็กที่สุด ง่ายต่อการขนย้าย เหมาสมสำหรับที่จะใช้เป็นหลักฐานในการทดสอบ
โจวฮ่าวหยิบมีดสั้นและเข็มสะกัดวัตถุดิบออกมา การต่อสู้ในครั้งนี้ช่วยเรียกความเชื่อมั่นให้กับเขาได้มากโข
แน่นอน ว่าต้องขอบคุณพลังป้องกันอันแข็งแกร่งของเกราะเงินด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้น ทั้งสองก็ค่อยๆเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ยิ่งลึก ก็ยิ่งมีค้างคาวยักษ์มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ทุกครั้งที่เกิดการต่อสู้ ฉินเฟิงจะเหลือค้างคาวยักษ์ทิ้งไว้ตัวหนึ่งให้โจวฮ่าวจัดการ ในแต่ละครั้ง ความไวในการสังหารมันของโจวฮ่าวก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
พรสวรรค์ของโจวฮ่าวเดิมก็ไม่เลวอยู่แล้ว บวกกับการใช้ทักษะลับกำลังภายในระดับ B นอกจากนี้ยังมีกระบวนท่าวรยุทธที่ใช้กระโดด ทำให้โจวฮ่าวไม่มีปัญหาในการต่อสู้กับสัตว์ร้ายในเลเวล G3 เหล่านี้
สามชั่วโมงต่อมา โจวฮ่าวก็หมดแรง ไม่สามารถฝืนสู้ได้อีกต่อไป
เพราะยังไงซะ กำลังภายในของเขาเดิมทีมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรอยู่แล้ว ถึงจะไม่ได้ใช้มันตลอดเวลาก็ตาม แต่ก็มาถึงขีดจำกัดจนได้ในที่สุด
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน”
“ขอบใจ .. แล้วก็ขอโทษที ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ”
โจวฮ่าวไม่ขัดขืน เขาไม่พยายามแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง หลังจากยึดสินสงคราม ทั้งสองก็เตรียมเดินทางกลับ
พอมาถึงรถศึก โจวฮ่าวก็เริ่มกลายเป็นตื่นเต้นอีกครั้ง
“จากที่คำนวณดูคร่าวๆ ดูเหมือนว่าฉันเพิ่งจะสังหารค้างคาวยักษ์ไปได้มากกว่า 50 ตัว!” โจวฮ่าวรีบนับ และพบว่าภายในสามชั่วโมง เขาสามารถเก็บเกี่ยวได้ถึงขนาดนี้ แม้จะเสียเวลาไปบ้างในช่วงแรกๆก็ตาม
หากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ หมายความว่าภารกิจสัตว์หารสัตว์ร้าย 200 ตัว คงไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินกว่าจะสำเร็จใช่ไหม?
ณ จุดนี้ โจวฮ่าวเริ่มรู้สึกว่าการทดสอบนี้มันช่างง่ายดาย ง่ายเกินไป!
นี่หมายความว่าเขาครอบครองความสามารถในการเอาชีวิตรอดในทุ่งล่าอยู่แต่แรกแล้ว เพียงแต่ยังไม่รู้ตัวใช่หรือไม่?
ช่วงเวลานั้นเอง โจวฮ่าวรู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างแท้จริง มุมมองของมันกว้างขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน!
พอถึงเวลาเที่ยงคืน ทั้งสองก็กลับมายังสถานที่ชุมชน ฉินเฟิงพาโจวฮ่าวเข้าไปในร้านขายอุปกรณ์ของกลุ่มหวันซ่ง
เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าร้านของกลุ่มหวันซ่งจะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ทันทีที่ฉินเฟิงเดินเข้าประตู เขาก็พบกับซุนน้อยในชุดสูท ผมบนหัวถูกหวีจนเรียบเนียน และยังมีตราสีเงินขนาดเล็กติดไว้บนหน้าอกซ้าย เขียนเอาไว้ว่า
‘ซุนเชี่ยน ตำแหน่งผู้จัดการ!’
ฉินเฟิงยกคิ้วสูง เขาไม่คาดคิดเลย ว่าซุนน้อยจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการแล้ว หลังจากที่เขาไม่ได้มาแค่ 2-3 วัน
“อ้าว! มิสเตอร์ฉิน! ” เมื่อเห็นฉินเฟิง ดวงตาของซุนน้อยก็เปล่งประกายสดใส เจ้าตัวก้าวออกมาทักทายฉินเฟิงอย่างเป็นกันเองทันที
ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกัน กับที่อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงเกิดการสั่นไหว